4 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ: ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน
ในยุคที่การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลกำลังเป็นที่นิยม นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มมองหาโอกาสที่มากกว่าแค่ตลาดในประเทศ เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยความหลากหลาย สภาพคล่องที่สูง และเทคโนโลยีที่ทันสมัย บทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับเว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศชั้นนำ พร้อมข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนควรรู้ก่อนตัดสินใจ
จุดเริ่มต้นของเว็ปเทรด
เว็บเทรดมีจุดเริ่มต้นอย่างชัดเจนในปี 2010 โดย Mt. Gox ที่กลายเป็นเว็บเทรดยักษ์ใหญ่ในยุคแรก อย่างไรก็ตาม การล้มละลายของ Mt. Gox ในปี 2014 หลังถูกแฮ็กสร้างความสั่นสะเทือนให้วงการ ทำให้เกิดการตื่นตัวด้านความปลอดภัยมากขึ้น ก่อนที่ Coinbase จะเปิดตัวในปี 2013 นำเสนอวิธีซื้อ Bitcoin ที่ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ขณะที่ Kraken ซึ่งก่อตั้งตั้งแต่ปี 2011 ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ยุคเฟื่องฟูของคริปโตในปี 2017 นำมาซึ่งการเกิดขึ้นของเว็บเทรดใหม่ๆ มากมาย โดย Binance ที่เปิดตัวในปีนี้ โดยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเว็บเทรดแบบกระจายศูนย์ (DEX) เช่น Uniswap ในปี 2018 ซึ่งนำเสนอแนวคิดใหม่ในการแลกเปลี่ยน ในช่วงปี 2020-2021 ตลาดคริปโตเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้เว็บเทรดต้องพัฒนาระบบรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นมหาศาล พร้อมกับเผชิญความท้าทายด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก
ปัจจุบัน เว็บเทรดมีการแข่งขันสูง มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังมีการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบและความปลอดภัยของผู้ใช้มากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์ล้มละลายของ FTX ในปี 2022 ที่สร้างความเสียหายให้กับวงการคริปโตอย่างมาก ทำให้ความโปร่งใสและการกำกับดูแลกลายเป็นประเด็นสำคัญในการเลือกใช้บริการเว็บเทรดคริปโตของนักลงทุน
ทำไมเว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศถึงน่าสนใจ?
ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับเว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศแต่ละแห่ง มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมนักลงทุนไทยถึงควรให้ความสนใจกับทางเลือกนี้
ความหลากหลายของสินทรัพย์: เว็บเทรดต่างประเทศมักมีคู่เทรดและสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกมากกว่าเว็บไทย ทำให้นักลงทุนมีโอกาสในการกระจายความเสี่ยงและหาผลตอบแทนที่ดีกว่า
สภาพคล่องสูง: ด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่มากกว่า เว็บต่างประเทศจึงมีสภาพคล่องสูงกว่า ทำให้สามารถซื้อขายได้รวดเร็วและราคาที่ดีกว่า
เทคโนโลยีที่ทันสมัย: เว็บเทรดระดับโลกมักมีการลงทุนในเทคโนโลยีสูง ทำให้มีระบบที่เสถียร รวดเร็ว และมีฟีเจอร์การเทรดที่หลากหลาย
ค่าธรรมเนียมที่ยืดหยุ่น: การแข่งขันในระดับโลกทำให้เว็บเทรดต่างประเทศหลายแห่งเสนอค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าเว็บในไทย
ความน่าเชื่อถือ: เว็บเทรดขนาดใหญ่มักได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานในหลายประเทศ ซึ่งอาจสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้มากกว่า
แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่การเลือกใช้เว็บเทรดต่างประเทศก็มาพร้อมกับความท้าทายบางประการ เช่น การฝากถอนเงิน และประเด็นด้านกฎหมาย ซึ่งเราจะมาดูกันในรายละเอียดต่อไป
Spot Trading vs Derivatives Trading ในตลาดคริปโต
ในการเทรดคริปโต นักลงทุนมีทางเลือกหลักสองประเภท คือ Spot Trading และ Derivatives Trading ซึ่งมีลักษณะและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองประเภทนี้จะช่วยให้นักลงทุนเลือกวิธีการเทรดที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ลักษณะ | Spot Trading | Derivatives Trading |
ความหมาย | การซื้อขายคริปโตเคอเรนซีโดยตรง ณ ราคาปัจจุบัน | การซื้อขายสัญญาอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับราคาคริปโตเคอเรนซี |
เงินลงทุน | ต้องใช้เงินเต็มจำนวน | สามารถใช้เลเวอเรจ ใช้เงินน้อยกว่า |
ความเสี่ยง | จำกัดเท่ากับเงินลงทุน | สูงกว่า ซึ่งอาจเกินเงินลงทุนเริ่มต้นได้ |
ความซับซ้อน | ง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น | ซับซ้อนกว่า ต้องมีความรู้และประสบการณ์ |
การถือครองสินทรัพย์ | ถือครองสินทรัพย์จริง | ไม่ได้ถือครองสินทรัพย์จริง |
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ | การซื้อขาย Bitcoin, Ethereum โดยตรง | Futures, Options, Perpetual Swaps |
เหมาะสำหรับ | นักลงทุนที่ต้องการถือครองสินทรัพย์ระยะยาว | นักเทรดที่ต้องการเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยง |
ข้อดี | - เข้าใจง่าย | - โอกาสทำกำไรสูง |
ข้อเสีย | - ผลตอบแทนอาจจำกัด - ต้องใช้เงินลงทุนมาก | - ความเสี่ยงสูง |
ตัวอย่างเว็บเทรด | - Binance | - Mitrade (CFD) |
4 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศชั้นนำ
ในส่วนนี้ เราจะมาดูรายละเอียดของเว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกกัน
1.Mitrade
Mitrade ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย โดยเริ่มต้นจากการเป็นแพลตฟอร์มการเทรด Forex และ CFD ต่อมาได้ขยายบริการครอบคลุมถึงคริปโตเคอเรนซี Mitrade ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานทางการเงินหลายแห่ง รวมถึง ASIC (ออสเตรเลีย),FSC และ CIMA (หมู่เกาะเคย์แมน) ทำให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล แม้จะเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาด แต่ Mitrade ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วด้วยแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและเลเวอเรจที่ยืดหยุ่น
จุดเด่น | จุดที่น่าสังเกต |
- เป็นแพลตฟอร์ม CFD ที่ใช้งานง่าย | - ไม่ได้ถือครองคริปโตจริง |
- ฟรีค่าธรรมเนียม | - ความเสี่ยงสูงเมื่อใช้เลเวอเรจ |
- มีโบนัสและบัญชีทดลอง | |
- เลเวอเรจยืดหยุ่น 1:1 ถึง 1:200 | |
- รองรับหลายภาษารวมถึงภาษาไทย | |
| - เงินฝากขั้นต่ำ $50 |
2.OKX
OKX (เดิมชื่อ OKEx) ก่อตั้งในปี 2017 โดย Star Xu ในประเทศจีน ก่อนที่จะย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังมอลตาเพื่อหลีกเลี่ยงการควบคุมที่เข้มงวดของรัฐบาลจีน OKX เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหนึ่งในเว็บเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย นอกเหนือจากการซื้อขายคริปโตทั่วไป OKX ยังเป็นผู้นำในการให้บริการ Derivatives และการพัฒนาโซลูชัน DeFi
จุดเด่น | จุดที่น่าสังเกต |
- มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย (Spot, Futures, Options) | - ไม่มีใบอนุญาตในประเทศไทย |
- ระบบครบวงจร (รวม DeFi และ NFT) | - เคยมีประวัติถูกแฮ็ก (2016) |
- มี Trading Bot และ API สำหรับเทรดอัตโนมัติ | - อาจซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น |
- รองรับการซื้อขาย P2P | - การสนับสนุนลูกค้าไทยอาจไม่สะดวก |
- มีแอพพลิเคชั่นมือถือที่ใช้งานง่าย |
3.Binance
Binance ก่อตั้งในปี 2017 โดย Changpeng Zhao (CZ) ในประเทศจีน ก่อนที่จะย้ายฐานการดำเนินงานไปยังประเทศอื่นๆ เนื่องจากกฎระเบียบที่เข้มงวดของจีน ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี Binance ก้าวขึ้นมาเป็นเว็บเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูงมาก นอกจากการให้บริการเทรดคริปโตแล้ว Binance ยังได้พัฒนาระบบของตัวเองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างบล็อกเชนของตัวเองอย่าง Binance Smart Chain และการเปิดตัวโทเคนของตัวเองอย่าง BNB
จุดเด่น | จุดที่น่าสังเกต |
- สภาพคล่องสูงที่สุดในตลาด | - ได้รับการรับรองเฉพาะ Binance TH ส่วน Binance Global ยังไม่มีการรับรองในประเทศไทย |
- รองรับกว่า 600 สกุลเงินดิจิทัล | - อาจซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น |
- ค่าธรรมเนียมต่ำ เริ่มต้นที่ 0.1% | - เคยถูกแฮ็กในอดีต (2019) |
- มีทั้ง Spot และ Derivatives Trading | - การสนับสนุนลูกค้าไทยอาจไม่สะดวก |
- ระบบความปลอดภัยระดับสูง |
4.Kraken
Kraken ก่อตั้งในปี 2011 โดย Jesse Powell ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา และเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2013 Kraken เป็นหนึ่งในเว็บเทรดคริปโตที่เก่าแก่และน่าเชื่อถือที่สุด โดยเฉพาะในแง่ของความปลอดภัย Kraken มีชื่อเสียงในการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบและความโปร่งใส ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยทั่วโลก นอกจากนี้ Kraken ยังเป็นเว็บเทรดแห่งแรกที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการเป็นธนาคารในสหรัฐอเมริกา
จุดเด่น | จุดที่น่าสังเกต |
- หนึ่งในเว็บเทรดที่เก่าแก่และน่าเชื่อถือที่สุด | - ไม่มีใบอนุญาตในประเทศไทย |
- ความปลอดภัยสูง ไม่เคยถูกแฮ็กร้ายแรง | - อินเตอร์เฟซอาจซับซ้อนสำหรับมือใหม่ |
- ค่าธรรมเนียมเป็นระดับขั้น | - ค่าธรรมเนียมการถอนค่อนข้างสูง |
- รองรับหลายสกุลเงินหลัก | |
- มีเครื่องมือสำหรับนักเทรดมืออาชีพ |
ตารางเปรียบเทียบเว็ปเทรด Bitcoin ต่างประเทศ
ปัจจัย | Mitrade | OKX | Binance | Kraken |
ความปลอดภัยและการกำกับดูแล | กำกับดูแลโดย ASIC (ออสเตรเลีย), CIMA (หมู่เกาะเคย์แมน),FSC | ใช้ระบบ Cold Storage สำหรับสินทรัพย์ส่วนใหญ่ | มีกองทุน SAFU เพื่อชดเชยกรณีถูกแฮ็ก | ไม่เคยถูกแฮ็กอย่างร้ายแรง, กำกับดูแลโดยหลายหน่วยงานในสหรัฐฯ |
สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขาย | สูง, แต่น้อยกว่า Binance | สูง, ประมาณ 2,053 ล้านบาทต่อวัน | สูงที่สุดในตลาด, กว่า 13,600 ล้านบาทต่อวัน | สูง, แต่น้อยกว่า Binance |
ค่าธรรมเนียม | spread เริ่มต้นที่ 0.3 | เริ่มต้นที่ 0.1% สำหรับ spot trading | เริ่มต้นที่ 0.1% สำหรับ spot trading | แบบลำดับขั้น, เริ่มต้นที่ 0.16% (maker) / 0.26% (taker) |
ความหลากหลายของสินทรัพย์ | เน้น CFD ของคริปโตหลัก | มากกว่า 300 สกุลเงินดิจิทัล | มากกว่า 600 สกุลเงินดิจิทัล | มากกว่า 150 สกุลเงินดิจิทัล |
ฟีเจอร์และเครื่องมือการเทรด | CFD, เลเวอเรจสูงสุด 1:200 | Spot, Futures, Options, DeFi, NFT marketplace | Spot, Futures, Options, Staking, Launchpad | Spot, Futures, Margin Trading, Staking |
ความง่ายในการใช้งาน | ออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มต้น | มีแอพมือถือที่ใช้งานง่าย | อาจซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น | ค่อนข้างซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น |
การสนับสนุนลูกค้า | บริการแบบตลอด 24 ชั่วโมง / 5 วันต่อสัปดาห์ | 24/7, แต่อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้ไทย | 24/7, แต่อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้ไทย | ไม่มีการสนับสนุนทางโทรศัพท์ |
วิธีการฝากและถอนเงิน | บัตรเครดิต, โอนเงินผ่านธนาคาร | หลากหลาย รวมถึง P2P | หลากหลาย รวมถึง P2P | หลากหลาย รองรับหลายสกุลเงินหลัก |
ความน่าเชื่อถือและชื่อเสียง | ก่อตั้งปี 2017, เติบโตอย่างรวดเร็ว | หนึ่งในเว็บเทรดขนาดใหญ่, ก่อตั้งปี 2017 | ผู้นำตลาด, ก่อตั้งปี 2017 | หนึ่งในเว็บเทรดที่เก่าแก่ที่สุด, ก่อตั้งปี 2011 |
ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกเว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ
เมื่อคุณกำลังพิจารณาเลือกเว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ มีปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่ควรคำนึงถึง ต่อไปนี้ คือตัวอย่างหลักๆ
ความปลอดภัยและการกำกับดูแล: ควรตรวจสอบว่าเว็บเทรดได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือหรือไม่ และพิจารณาประวัติด้านความปลอดภัยและมาตรการป้องกันการถูกแฮ็ก
สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขาย: เว็บเทรดที่มีสภาพคล่องสูงจะช่วยให้คุณซื้อขายได้ในราคาที่ดีและรวดเร็ว
ค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการซื้อขาย การฝาก และการถอน รวมถึงพิจารณาโครงสร้างค่าธรรมเนียมหากคุณเป็นนักเทรดที่ซื้อขายบ่อย
ความหลากหลายของสินทรัพย์: ตรวจสอบว่ามีคริปโตเคอเรนซีที่คุณสนใจหรือไม่ และพิจารณาความหลากหลายของคู่เทรดที่มีให้บริการ
ฟีเจอร์และเครื่องมือการเทรด: ดูว่ามีฟีเจอร์ที่คุณต้องการหรือไม่ เช่น Spot Trading, Futures, Options, Margin Trading รวมถึงตรวจสอบเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีให้
ความง่ายในการใช้งาน: พิจารณาว่าแพลตฟอร์มใช้งานง่ายเพียงใด โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น อีกทั้งดูว่ามีแอพพลิเคชั่นมือถือที่ใช้งานสะดวกหรือไม่
การสนับสนุนลูกค้า: การสนับสนุนลูกค้าในภาษาไทยย่อมเป็นทางเลือกที่ดี รวมถึงตรวจสอบช่องทางการติดต่อและความรวดเร็วในการตอบกลับ
วิธีการฝากและถอนเงิน: พิจารณาว่ารองรับวิธีการฝากและถอนเงินที่สะดวกสำหรับคุณหรือไม่ รวมไปถึงค่าธรรมเนียมและระยะเวลาในการทำธุรกรรม
ความน่าเชื่อถือและชื่อเสียง: ศึกษาความคิดเห็นและประสบการณ์ของผู้ใช้อื่นๆ อีกทั้งตรวจสอบประวัติของเว็บเทรด เช่น การถูกแฮ็ก หรือปัญหาอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้น
การพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้คุณเลือกเว็ปเทรด Bitcoin ต่างประเทศได้อย่างปลอดภัย และตรงกับใจคุณมากที่สุด
สรุป
เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศนำเสนอโอกาสและทางเลือกที่หลากหลายสำหรับนักลงทุน แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและความท้าทายที่ต้องระมัดระวัง การเลือกเว็บเทรดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งความปลอดภัย สภาพคล่อง ค่าธรรมเนียม และความสอดคล้องกับกฎหมาย นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบระหว่างข้อดีของเว็บเทรดต่างประเทศ เช่น Mitrade, Binance, Kraken และ OKX กับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกแพลตฟอร์มใด สิ่งสำคัญคือการศึกษาและทำความเข้าใจ นอกจากนี้ การติดตามข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณสามารถปรับตัวและตัดสินใจในโลกของสกุลเงินดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การเทรด bitcoin ปลอดภัยหรือไม่?
มือใหม่ที่อยากเริ่มเทรด bitcoin เริ่มต้นได้ยากหรือไม่?
เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ ไม่สามารถใช้เป็นคำแนะนำการลงทุนได้ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้นและผู้อ่านไม่ควรใช้บทความนี้เป็นพื้นฐานการลงทุนใด ๆ Mitrade ไม่รับผิดชอบต่อผลลัพธ์ใด ๆ ตามบทความนี้และไม่รับประกันความถูกต้องของเนื้อหาของบทความนี้
