โหนด (Node) คืออะไร?
โหนด (Node) คืออะไร? เชื่อว่านักลงทุนและผู้ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับ Cryptocurrency คงเคยได้ยินคำนี้กันอยู่บ่อยครั้งและอาจจะสงสัยว่า Node มีความสำคัญกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบล็อคเชนอย่างไร เนื้อหาในบทความนี้จะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับคำว่า "Node" โดยว่าตรง ว่าคืออะไร มีหน้าที่ทำงานอย่างไรบ้าง มาติดตามรายละเอียดไปพร้อมกันเลย
โหนด (Node) คืออะไร?
โหนด คือ คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายบล็อคเชน หรือ สกุลเงินดิจิทัล โดยจะรองรับเครือข่ายผ่านการตรวจสอบและส่งต่อธุรกรรม เป็นต้น
หน้าที่หลักของโหนด Blockchain คือการยืนยันความถูกต้องตามกฎหมายของธุรกรรมเครือข่ายแต่ละชุดที่ตามมา ซึ่งเรียกว่าบล็อก นอกจากนี้ การจัดสรรตัวระบุที่ไม่ซ้ำกันให้กับแต่ละโหนดในเครือข่ายช่วยให้แยกแยะโหนดจากโหนดอื่นได้อย่างง่ายดาย Proof-of-Work (PoW) Blockchain เช่น Bitcoin (BTC) หรือ Monero (XMR) นั่นเอง
สำหรับ Node ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของการปฏิวัติ Bitcoin เลยก็ว่าได้ เนื่องจากว่าเริ่มมีการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ตั้งแต่ยุคแรก จนถึงปัจจุบัน
Node ทำงานอย่างไร
สำหรับหน้าที่การทำงานของ Node บนเครือข่ายบล็อคเชนอาจจะมีการทำงานที่แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ทุกระบบการทำงานนั้นล้วนแต่มีความสำคัญที่แตกต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. Crypto Nodes กระจายธุรกรรมที่ลงนาม
Crypto Nodes กระจายธุรกรรมที่ลงนาม คือ เมื่อผู้ใช้งานทุกคนทำการลงนามในธุรกรรม รายละเอียดจะถูกส่งไปยังชุดของโหนด โดยหน้าที่ของโหนดชุดแรกจะส่งผ่านไปยังโหนดอื่นๆ จากนั้นจึงส่งต่อไปยังโหนดระดับถัดไป ระบบการทำงานในรูปแบบนี้จะทำหน้าที่เช่นนี้จนกว่าธุรกรรมจะรวมอยู่ในบล็อกหรือถูกละทิ้ง
2. โหนดจากตรวจสอบธุรกรรม ใน Mempool
สำหรับหน้าที่ในข้อนี้จะเป็นการทำงานต่อจากข้อแรกโดยระบบการทำงานในข้อนี้โหนดจะทำหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมใน Mempool กล่าวคือ เมื่อมีการกระจายธุรกรรม จะเข้าสู่ Mempool ในแต่ละโหนด ในตอนแรกจะมีสถานะอยู่ในคิว แต่จากนั้นโหนดจะต้องตรวจสอบธุรกรรม เมื่อโหนดส่วนใหญ่ตรวจสอบว่าธุรกรรมนั้นถูกต้อง ธุรกรรมจะย้ายไปยังสถานะรอดำเนินการ ซึ่งหมายความว่าธุรกรรมพร้อมที่จะเพิ่มลงในบล็อคเชนแล้ว ในทางกลับกัน หากโหนดส่วนใหญ่ตัดสินใจว่าธุรกรรมไม่ถูกต้อง ธุรกรรมนั้นจะถูกยกเลิกไปในที่สุด
3.โหนดเพิ่มธุรกรรมเพื่อบล็อกและเผยแพร่ไปยังเครือข่าย
สำหรับหน้าที่การทำงานในข้อนี้จะให้ความสำคัญในความปลอดภัยของการทำธุรกรรมเป็นอย่างดี เมื่อธุรกรรมย้ายไปยังสถานะรอดำเนินการ โหนดผู้ขุดหรือเครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องจะสามารถเพิ่มบล็อกลงในเครือข่ายได้ เมื่อถึงจุดที่นักขุดหรือผู้ตรวจสอบความถูกต้องชนะบล็อกและเพิ่มลงในห่วงโซ่ ธุรกรรมจะไม่เปลี่ยนรูป เพื่ออธิบาย การเปลี่ยนแปลงธุรกรรมใด ๆ จะต้องได้รับการอนุมัติจากโหนดส่วนใหญ่ ซึ่งอาจเป็นหลายพันโหนดในบล็อกเชนที่ได้รับความนิยมมากกว่า กลไกง่ายๆ นี้ทำให้โซ่ข้อมูลมีความปลอดภัยสูงนั่นเอง
4.โหนดมีแรงจูงใจ (และอุปสรรค) เพื่อให้มั่นใจว่ามีพฤติกรรมที่ดี
นอกจากนี้แล้ว Node ยังคงทำหน้าที่สร้างแรงจูงใจในขณะเดียวกันก็เป็นอุปสรรคต่อผู้ใช้งานด้วยเช่น ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ดีของการเข้าใช้งานนั่นเอง สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าบางโหนดมีหน้าที่รับผิดชอบในการเพิ่มบล็อกในเครือข่าย ซึ่งโดยปกติแล้วจะได้รับรางวัลจากสกุลเงินดิจิทัลบนบล็อกเชนแบบพิสูจน์การทำงาน เช่น Bitcoin ต้องใช้พลังการคำนวณจำนวนมากแก้ไขสมการในการเข้ารหัสที่ซับซ้อน ซึ่งหมายความว่านักขุดมีแรงจูงใจที่จะเพิ่มบล็อกที่ถูกต้องลงในห่วงโซ่ แต่กลุ่มนักขุดเองก็มีอุปสรรคจากพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจด้วย กล่าวง่ายๆ ก็คือต้นทุนพลังงานในการขุดจะไม่ทำกำไรหากไม่มีรางวัลบล็อก
ทั้งนี้บนบล็อกเชนที่พิสูจน์การเดิมพัน โหนดที่เข้าร่วมจะได้รับรางวัลบล็อกเช่นกัน แต่เชนเหล่านี้จึงมีวิธีการที่แตกต่างออกไป เพื่อเป็นการยับยั้งพฤติกรรมที่ไม่ดี อธิบายให้เข้าใจง่าย คือ ผู้ตรวจสอบจะต้องล็อคเงินทุนจำนวนมากไว้เป็นหลักประกัน แล้วถ้าประพฤติตนมีเกียรติก็จะได้รับรางวัลเพิ่มมากขึ้น หากพวกเขาประพฤติตนในทางมุ่งร้าย หลักประกันของพวกเขา (หรือที่เรียกว่าเดิมพัน) จะถูกลดลง ซึ่งกลไกนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าโหนดจะทำงานตามที่ควรจะเป็น แม้ว่าจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและอุปกรณ์ราคาแพงก็ตาม
Node มีความสำคัญอย่างไรต่อ Blockchain
เนื่องจากว่าโหนด Crypto เป็นส่วนสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของระบบบล็อคเชน เมื่อพยายามดำเนินงานในลักษณะกระจายอำนาจ ทางเลือกเดียวคือระบบเพียร์ทูเพียร์ และวิธีเดียวที่จะจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพคือผ่านเครือข่ายบล็อกเชน โหนดอนุญาตให้บล็อคเชนตรวจสอบธุรกรรมได้อย่างยุติธรรม และไม่มีหน่วยงานส่วนกลางมาแทรกแซง
นอกจากนี้ ยิ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากที่มีโหนดปฏิบัติการ ผู้ไม่ประสงค์ดีก็จะสมรู้ร่วมคิดหรือควบคุมเครือข่ายได้ยากยิ่งขึ้น พวกเขาทำให้แน่ใจว่าผู้ใช้และนักขุดกำลังเล่นตามกฎ ด้วยคุณสมบัติทั้งสองที่ทำให้เครือข่ายมีการกระจายอำนาจและปลอดภัยมากขึ้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือ ไม่ว่าเราจะเข้าไปทำอะไรบนเครือข่าย เราจะพบโหนดต่างๆ โดยบางครั้งตัวเราเองอาจจะต้องการเริ่มใช้งานโหนด crypto ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้งานโหนดเต็มรูปแบบ หรือแม้แต่เป็นโหนดขุดแร่หรือโหนดตรวจสอบ ก็มีทางเลือกสำหรับผู้ใช้งานอย่างเราๆ เสมอ ทั้งนี้ยังสามารถให้ทุนแก่โหนดเครื่องมือตรวจสอบได้โดยตรงผ่าน Ledger Live
จะเห็นได้ว่าโหนดเป็นพื้นฐานของระบบบล็อกเชน หากไม่มีโหนดก็จะไม่มีที่เก็บข้อมูลบล็อคเชนตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมโหนดจึงมีความสำคัญกับบล็อคเชนเป็นอย่างมากนั่นเองมาก
Node มีกี่ประเภท
โหนดมี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ Full Node และ Light Node แต่ก็มีรายละเอียดของโหนดอื่นๆที่ทำมีความสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานบล็อคเชน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.Full Node
สำหรับ Full Node หรือ โหนดเต็มรูปแบบ จะทำหน้าที่จัดเก็บสำเนาของบัญชีแยกประเภทดิจิทัลของเครือข่ายอย่างเต็มรูปแบบ โหนด crypto ประเภทนี้สร้างรากฐานสำหรับบล็อกเชนส่วนใหญ่ เก็บประวัติของลูกโซ่และสื่อสารกับโหนดเต็มอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้ยังเป็นโหนดที่รับผิดชอบในการจัดเตรียมสำเนาของห่วงโซ่ไปยังโหนดใหม่: พวกมันเป็นกระดูกสันหลังของเครือข่ายจริงๆ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมบล็อคเชนส่วนใหญ่จึงมี Full Node นั่นเอง
2.Miner Nodes
โหนดที่เกี่ยวกับนักขุดเหมือง กล่าวคือ ผู้เข้าร่วมที่รับผิดชอบในการตรวจสอบธุรกรรมและเพิ่มลงในบล็อกเชนบนบล็อกเชนที่พิสูจน์การทำงาน การขุดต้องใช้พลังในการคำนวณอย่างมากในการไขปริศนาที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม พวกเขายังได้รับรางวัล cryptocurrency เพื่อเป็นการตอบแทนการทำงานของพวกเขาอีกด้วย
3.Validator Nodes
โหนดตรวจสอบความถูกต้อง จะคล้ายกับ Miner Nodes แต่จะทำหน้าที่อยู่บนเครือข่ายที่พิสูจน์การเดิมพันแทน : โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมและสร้างบล็อกด้วย อย่างไรก็ตาม โหนดประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาการคำนวณที่ซับซ้อน แต่จะถูกเลือกโดยสัมพันธ์กับจำนวนเงินที่ล็อคไว้ในระบบ เช่นเดียวกับนักขุดทั้งนี้ผู้ใช้งานทุกคนยังได้รับรางวัลจากการสร้างบล็อกอีกด้วย
4.Light Nodes
ถือว่าเป็นโหนดที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการทำงานบนเครือข่ายของบล็อคเชน เนื่องจากว่า light nodes ไม่ได้จัดเก็บบล็อคเชนทั้งหมดเหมือนกับโหนดรุ่นเฮฟวี่เวท แต่ทำการดาวน์โหลด 'ส่วนหัวของบล็อก' แทน โดยไม่ต้องใช้เทคนิคมากเกินไป หมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้ความจุในการจัดเก็บข้อมูลมากนัก งานเดียวของโหนด crypto เหล่านี้คือการตรวจสอบธุรกรรมในบล็อคเชนโดยใช้การตรวจสอบการชำระเงินแบบง่าย (SPV) สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าไม่ใช่ทุกบล็อกเชนที่ใช้โหนดประเภทนี้ โดยหลักแล้ว light nodes ได้รับความนิยมในบล็อกเชนที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลจำกัดต่อบล็อค เช่น Bitcoin เป็นต้น
ความสัมพันธ์ระหว่าง Node, Blockchain และ Miner
เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าเทคโนโลยีหัวใจหลักของ Cryptocurrency หรือ แพลตฟอร์มอื่นๆ ที่อยู่บนโลกคริปโทเคอเรนซี่นั้น ล้วนแต่มีระบบการทำงานด้วยเครือข่าย " Blockchain " เป็นหลัก ทั้งนี้ในเครือข่ายบล็อคเชนจะมีระบบการทำงานที่สำคัญที่เรารู้จักนั่นก็คือ " Smart Contract " หรือ สัญญาอัจฉริยะ โดยสัญญาเหล่านี้จะทำงานแบบอัตโนมัติ สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองแบบไม่มีคนกลางหรือหน่วยงานอื่นๆเข้ามาแทรกแทรง ซึ่งสัญญาอัจฉริยะประกอบไปด้วยข้อมูล นั่นก็คือ รหัสคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
เนื่องจากว่าบนโลกเครือข่ายคริปโทเคอเรนซี่ ระบบไม่ได้ทำการจัดเก็บข้อมูลไว้เพียง Node เดียว แต่จัดเก็บข้อมูลไว้ใน Node ทั้งหมด ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการโดนโจมตีทางข้อมูลในบล็อคบนเครือข่ายบล็อคเชนนั่นเอง
ในกรณีของ Miners คือ กลุ่มนักขุดเหมือง รวมไปถึงกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของธุรรรม และ แก้สมการคณิตศาสตร์ เมื่อทำหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น บล็อคจะเข้าร่วมบล็อคเชน กลุ่มคนดังกล่าวก็จะได้รับรางวัลมาในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัลตามเงื่อนไขของแพลตฟอร์มนั้นๆ เป็นต้น
สร้าง Node ได้อย่างไรใน Blockchain
สำหรับวิธีการสร้าง Node ใน Blockchain สามารถทำได้เพียง 3 ขั้นตอนหลักสำคัญดังนี้
ทำการฮาร์ดแวร์โหนดที่เหมาะสม โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าโหนดบนคอมพิวเตอร์ของตนเองได้ เพื่อประสิทธิที่ดีที่สุดต่อการใช้งาน
ทำการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์โหนด blockchain และติดตั้งลงในเครื่องของตนเองให้เรียบร้อย
หลังจากที่ทำการติดตั้งระบบเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ให้ผู้ใช้งานทุกคนทำการรันซอฟต์แวร์ทุกวัน
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตั้งค่าโหนดบล็อคเชนคือ Hardware และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งาน ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ใช้งานทุกคนจะต้องมีอุปกรณ์ที่มีหน่วยความจำเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรากำลังจะใช้งานโหนดเต็มรูปแบบที่เก็บถาวรซึ่งจัดเก็บบล็อคเชนทั้งหมด โหนดบล็อคเชนยังอัปโหลดข้อมูลจำนวนมาก ดังนั้นโปรดตรวจสอบขีดจำกัดการอัปโหลดในแผนอินเทอร์เน็ตของตนเองให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาตามมาภายหลัง
โหนดมีบทบาทสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของบล็อคเชน สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการสนับสนุนโครงการสกุลเงินดิจิทัล การตั้งค่าโหนดเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด
ความเสี่ยงของการดำเนินการ Node
เนื่องจากความนิยมของโหนดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานโหนด ดังนั้นในประเด็นนี้เรามาศึกษาเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการ Node โดยมีรายละเอียดดังนี้
การโจมตีด้วย Malware
โหนดที่ไม่ได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสมอาจเสี่ยงต่อการโจมตีของ Malware ได้ เนื่องจากว่า Malware สามารถใช้เพื่อขโมยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น คีย์ส่วนตัว ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียทางการเงินได้นั่นเอง
การโดนโจมตีจาก DDoS
การโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย (DDoS) อาจทำให้โหนดที่มีการรับส่งข้อมูลมากเกินไป ทำให้เกิดข้อขัดข้องและอาจรบกวนเครือข่ายทั้งหมด
การโจมตีของ Sybil
การโจมตีของ Sybil (ซีบิล) เกิดขึ้นเมื่อผู้โจมตีสร้างหลายโหนดและใช้โหนดเหล่านั้นเพื่อควบคุมเครือข่าย
การโจมตีการปรับโครงสร้างลูกโซ่
การโจมตีการปรับโครงสร้างลูกโซ่อาจเกิดขึ้นเมื่อโหนดใช้งานซอฟต์แวร์เวอร์ชันเก่า ซึ่งอาจส่งผลให้โหนดถูกทิ้งไว้ใน Blockchain สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การสูญเสียทางการเงินสำหรับผู้ดำเนินการโหนด
บทสรุป
จะเห็นได้ว่าตัว Node นั้นมีความสำคัญต่อเครือข่ายบล็อคเชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูล ทั้งนี้ยังเป็นตัวสำคัญที่ขับเคลื่อโลก Cryptocurrency ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในการสร้าง Node ยังถือว่าเป็นที่เรื่องที่ใหม่และเป็นเรื่องที่เฉพาะทาง ดังนั้นนักลงทุนที่มีความสนใจที่ต้องการจะลงทุนใน Node จะต้องศึกษารายละเอียดข้อมูลให้ดีเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน