แนวโน้มราคาทองคำในอนาคตปี 2567-2568

ในช่วงปี 2567 ราคาทองคำได้พุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,790 ดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักลงทุนทั่วโลก แต่อะไรคือปัจจัย และแนวโน้มในอนาคตจะเป็นอย่างไร? บทความนี้ จะพาไปวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำในอนาคตอย่างละเอียด พร้อมคำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในทองคำ

ชาร์ตแสดงราคา XAUUSD รายวัน

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 2567 มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นการปรับตัวขึ้นท่ามกลางสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับสูง โดยปกติแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่สูงมักเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ เนื่องจากเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย แต่ด้วยแรงหนุนจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก ทำให้ราคาทองคำสามารถฝ่าแรงกดดันนี้และปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง

ราคาทองพุ่งทะลุสถิติ แต่ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ

หลังจากที่ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดที่ 2,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในเดือนตุลาคม 2567 ราคาได้ปรับตัวลงมาเล็กน้อยหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาอยู่ที่ประมาณ 2,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักมองว่านี่เป็นเพียงการพักตัวชั่วคราว และราคายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ

ลองมาดูตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น สมมติว่าคุณซื้อทองคำไว้ตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ราคาประมาณ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากถือไว้จนถึงจุดสูงสุดในเดือนตุลาคม คุณจะได้กำไรถึง 39% ในระยะเวลาเพียง 10 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่สูงมากเมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงนี้

แหล่งที่มา: Tradingview

ปัจจัยหนุนราคาทองคำในปัจจุบัน

ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ สถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนและตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ตึงเครียด ส่งผลให้นักลงทุนและธนาคารกลางทั่วโลกหันมาถือครองทองคำมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง

การซื้อทองคำของธนาคารกลาง การเข้าซื้อของธนาคารกลางประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศในตลาดเกิดใหม่ เช่น จีนและอินเดีย ที่ต้องการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขที่น่าสนใจคือในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ธนาคารกลางจีนได้เพิ่มปริมาณการถือครองทองคำอย่างมีนัยสำคัญ โดยซื้อทองคำเพิ่มถึง 300 ตัน ซึ่งมากกว่าการซื้อในช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 50%

เงินเฟ้อและนโยบายการเงิน แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงจากจุดสูงสุด แต่ความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ยังคงกดดันให้เกิดแรงเงินเฟ้อ นักลงทุนจึงหันมาถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน

ในช่วงปี 2567 สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกหลายแห่งได้ออกมาให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวโน้มราคาทองคำในอนาคต โดยส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าแม้ราคาทองคำอาจมีการปรับฐานในระยะสั้น แต่แนวโน้มในระยะกลางถึงระยะยาวยังคงเป็นบวก

Goldman Sachs: ทองคำยังไปได้อีกไกล

Goldman Sachs หนึ่งในสถาบันการเงินที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำสำหรับปี 2567 โดยมองว่าราคาทองคำมีโอกาสแตะระดับ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี ทีมวิเคราะห์ของสถาบันให้เหตุผลว่า อุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากธนาคารกลางทั่วโลก ประกอบกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ นอกจากนี้ การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2024 หรือต้นปี 2025 ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำ

J.P. Morgan: เป้าหมาย 2,700 ดอลลาร์

แม้จะมีมุมมองที่ระมัดระวังมากกว่า แต่ก็ยังคงมองบวกต่อราคาทองคำ โดยคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปแตะระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และอาจปรับตัวขึ้นไปถึง 2,700 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี ทีมวิเคราะห์ของ J.P. Morgan ให้เหตุผลว่า แม้อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงจะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในระยะสั้น แต่การคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากธนาคารกลางทั่วโลก จะช่วยพยุงราคาทองคำไว้ได้

UBS และ Morgan Stanley: มองบวกแต่ระมัดระวัง

UBS และ Morgan Stanley แม้จะมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำ แต่ก็แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการเก็งกำไรระยะสั้น Morgan Stanley คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะแตะระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2567 ขณะที่ UBS มองว่าการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างแรงและเร็วเกินไป อาจต้องมีการพักตัวบ้างในระยะสั้น

ลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น สมมติว่าคุณเป็นนักลงทุนที่กำลังพิจารณาลงทุนในทองคำ การคาดการณ์ของสถาบันการเงินเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้แนวโน้มระยะยาวจะเป็นบวก แต่คุณควรทยอยเข้าลงทุน ไม่ควรทุ่มเงินลงทุนทั้งหมดในคราวเดียว เพราะอาจมีจังหวะที่ราคาย่อตัวลงมาให้สะสมเพิ่มได้

World Gold Council นำเสนอมุมมองเชิงลึกที่น่าสนใจ

ทางด้าน World Gold Council  ชี้ให้เห็นว่าการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกในปี 2567 อาจทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง หลังจากที่ทำสถิติในปี 2566 ไปแล้ว แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระบบการเงินโลก ที่หลายประเทศพยายามลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ และหันมาถือครองทองคำมากขึ้น

FX Empire มอง ทองอาจไปถึง 3,000 ดอลลาร์

นอกจากนี้ AG Thorson นักวิเคราะห์จาก FX Empire มองว่าหากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยกระดับความรุนแรงขึ้น หรือเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศสำคัญ ราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ภายในปี 2568 แม้จะเป็นมุมมองที่ค่อนข้างมองโลกในแง่ดี แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

การวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำในอนาคตให้ครบถ้วนรอบด้าน จำเป็นต้องพิจารณาทั้งปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดการเงินโลกมีความผันผวนสูงเช่นนี้ การเข้าใจปัจจัยทั้งสองด้านจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แรงซื้อจากธนาคารกลาง: ปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองคำระยะยาว

การซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดประการหนึ่งที่จะกำหนดทิศทางราคาทองคำในอนาคต โดยเฉพาะธนาคารกลางของประเทศตลาดเกิดใหม่อย่างจีนและอินเดีย ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ

ยกตัวอย่างเช่น ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จีนได้เพิ่มปริมาณการถือครองทองคำจาก 1,900 ตัน เป็นกว่า 2,500 ตัน และมีแนวโน้มที่จะซื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับอินเดียที่มีแผนเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองจาก 7% เป็น 10% ภายในปี 2025

แหล่งที่มา: tradingeconomics.com

นโยบายการเงินของ Fed: จุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2567 - 2568

ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำลดลง

ลองอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูง นักลงทุนมักจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย เช่น พันธบัตรรัฐบาล เงินฝาก มากกว่าการลงทุนในทองคำซึ่งไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย แต่เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ความน่าสนใจของการลงทุนในทองคำก็จะเพิ่มขึ้น

ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: ตัวเร่งสำคัญของราคาทองคำ

สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะความขัดแย้งในยูเครนที่ยืดเยื้อ และสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังคงตึงเครียด นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐฯ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี อาจนำไปสู่นโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าวมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

แหล่งที่มา: tradingview.com

แนวรับ-แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตา

ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราพบว่าราคาทองคำมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 2,427 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาที่สำคัญ

ลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพ สมมติว่าราคาทองคำปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับที่ 2,427 ดอลลาร์ แต่ไม่หลุดแนวรับนี้ นั่นอาจเป็นจังหวะดีในการทยอยเข้าสะสม เพราะแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวยังคงอยู่ ในทางกลับกัน หากราคาสามารถผ่านแนวต้าน 2,800 ดอลลาร์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจเป็นสัญญาณว่าราคาจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบระดับ 3,000 ดอลลาร์

รูปแบบกราฟและโมเมนตัม

การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาได้สร้างรูปแบบ Rising Wedge ซึ่งเป็นรูปแบบกราฟที่บ่งชี้ว่าราคามีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นต่อ หลังจากมีการพักตัวในระยะสั้น นอกจากนี้ ดัชนี RSI ยังชี้ให้เห็นว่าตลาดทองคำปรับตัวลงจากภาวะซื้อมากเกินไป แสดงว่ายังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นได้อีก

ทางด้าน MACD (Moving Average Convergence Divergence) ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดโมเมนตัมของราคา ก็แสดงให้เห็นถึงการอ่อนแรงลงของแนวโน้มขาขึ้น โดยกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เส้น Zero Line ทั้งในกราฟรายวันแ สถานการณ์นี้คล้ายกับรถยนต์ที่กำลังขับขึ้นเขา เมื่อความเร็วลดลง แรงเฉื่อยจะค่อยๆ หมดไป จนกว่าจะมีการเร่งเครื่องใหม่

เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลทั้งปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราสามารถแบ่งการคาดการณ์ออกเป็นช่วงเวลาต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

สำหรับไตรมาสแรกของปี 2568 ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะยังคงเผชิญกับแรงกดดันระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนที่เข้าซื้อในช่วงก่อนหน้าอาจทยอยทำกำไร นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพในยูเครน ซึ่งอาจลดความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยลงชั่วคราว ราคาอาจปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือต่ำกว่านั้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มสร้างฐานใหม่

อย่างไรก็ตาม การปรับฐานนี้อาจเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทยอยเข้าสะสม เพราะปัจจัยพื้นฐานระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าซื้อของธนาคารกลางที่คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไป และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินในช่วงครึ่งหลังของปี

มองไปที่ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาทองคำจะกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของหลายประเทศ อาจนำไปสู่ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ

1.สำหรับนักลงทุนระยะยาว

หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาว การลงทุนในทองคำถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงที่ดี โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้จัดสรรเงินลงทุนในทองคำประมาณ 5-10% ของพอร์ตการลงทุน วิธีการลงทุนที่เหมาะสมคือการทยอยสะสมในช่วงที่ราคาย่อตัว โดยเฉพาะเมื่อราคาทดสอบแนวรับสำคัญ

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงินลงทุน 1 ล้านบาท คุณอาจจัดสรรเงิน 50,000-100,000 บาทสำหรับการลงทุนในทองคำ และทยอยซื้อเป็นงวดๆ ละ 10,000-20,000 บาท เมื่อราคาปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ

2.สำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้น

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีความสำคัญมาก โดยควรให้ความสนใจกับแนวรับ-แนวต้านสำคัญ และรูปแบบกราฟต่างๆ นอกจากนี้ ควรติดตามข่าวสารที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างใกล้ชิด เช่น การประชุมของ Fed หรือเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

3.สำหรับนักลงทุนมือใหม่

หากคุณเพิ่งเริ่มต้นลงทุนในทองคำ ควรเริ่มจากการศึกษาและทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อราคาทองคำให้ดีก่อน แนะนำให้เริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนไม่มาก และเลือกช่องทางการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูง เช่น CFD

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงินเก็บ 50,000 บาท ในการเริ่มต้นลงทุนควรใช้เงินไม่เกิน 5,000 บาท (10% ของเงินเก็บ) เพื่อเปิดบัญชี CFD ทองคำ และเริ่มต้นเทรดด้วยขนาดเล็กที่สุดที่เป็นไปได้ เช่น 0.01 ล็อต ซึ่งจะใช้เงินประมาณ 500-1,000 บาทต่อการเทรดหนึ่งครั้ง

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

เทรดทองคำกับโบรกเกอร์ชั้นนำในโลก🎁🎁🎁

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

แนวโน้มราคาทองคำในอนาคต 2567 - 2568 กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่น่าสนใจ ในขณะที่ราคาทองคำอาจเผชิญกับความผันผวนในระยะสั้น แต่ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวยังคงสนับสนุนการปรับตัวขึ้นของราคา การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระบบการเงินโลก โดยเฉพาะการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐของหลายประเทศ จะเป็นแรงสนับสนุนราคาทองคำในระยะยาว

สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในทองคำ การทยอยเข้าลงทุนอาจเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมในช่วงนี้ โดยอาจพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเมื่อราคาปรับตัวลงใกล้แนวรับสำคัญ การกระจายการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ทั้งทองคำแท่ง กองทุน ETF ทองคำ หรือ CFD ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารพอร์ตการลงทุน