วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 3 ธ.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ตลาดทองคำโลกยังคงเผชิญแรงกดดันอย่างหนักในช่วงเริ่มต้นเดือนสุดท้ายของปี หลังดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นจากคำแถลงที่แข็งกร้าวของ Donald Trump ต่อกลุ่มประเทศ BRICS โดย ราคาทองคำ XAU/USDปรับตัวลลงไปแตะระดับ 2,623 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เริ่มผ่อนคลายลง แต่ยังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
ราคาทองคำที่ดิ่งลง หลังจากที่ Trump ออกมาเตือนประเทศในกลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ว่าการพยายามละทิ้งการใช้ดอลลาร์สหรัฐอาจทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับการเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 100% และ “อาจต้องบอกลาการส่งออกสินค้าเข้าสู่เศรษฐกิจอันยอดเยี่ยมของสหรัฐฯ” ถ้อยแถลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงท่าทีที่แข็งกร้าวของ Trump ต่อประเทศคู่ค้าที่พยายามลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
แม้ว่าราคาทองคำจะพยายามฟื้นตัวขึ้นบ้าง แต่การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ได้สกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำไว้ ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุนต่อทิศทางนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Trump ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง
ในด้านสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงความกังวลว่าการหยุดยิงในเลบานอนอาจล้มเหลว หลังจากที่อิสราเอลและเฮซบอลลาห์ยังคงโจมตีกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้ทำเนียบขาวมีความกังวลว่าการหยุดยิงที่เปราะบางในเลบานอนอาจสิ้นสุดลง ซึ่งอาจส่งผลให้ความขัดแย้งขยายวงกว้างและกระทบต่อเสถียรภาพในภูมิภาค
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณแข็งแกร่ง หนุน Fed เตรียมปรับลดดอกเบี้ย
ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของภาคการผลิต โดยดัชนี Manufacturing PMI (ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต) เดือนพฤศจิกายนจาก ISM ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ขณะที่ S&P Global รายงานว่ากิจกรรมการผลิตในสหรัฐฯ มีการปรับตัวดีขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง ส่งผลให้การคาดการณ์ GDP ไตรมาส 4 ปี 2024 ของธนาคารกลางแอตแลนตาปรับเพิ่มขึ้นจาก 2.69% เป็น 3.16%
Raphael Bostic ประธานธนาคารกลางสาขาแอตแลนตากล่าวว่ายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้หรือไม่ แต่เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยควรจะปรับลดลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยควรอยู่ในระดับที่ “ไม่กระตุ้นหรือจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ” ทั้งนี้ เครื่องมือ CME FedWatch Tool แสดงให้เห็นว่าโอกาสที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 63% ลดลงจาก 66% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าการประชุมในวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ผู้ว่าการ Fed เผยแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2025 ท่ามกลางสัญญาณเงินเฟ้อชะลอตัว
John Williams ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์ก ระบุว่าธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายลงอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลง โดยนโยบายการเงินยังคงอยู่ในระดับที่เข้มงวดเพื่อสนับสนุนการกลับสู่เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% อย่างยั่งยืน
Williams มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในสถานะที่ “ดี” และตลาดแรงงานยังคง “แข็งแกร่ง” โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 2.5% หรือมากกว่าในปีนี้ โดยมีอัตราการว่างงานอยู่ระหว่าง 4-4.25% ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า และอัตราเงินเฟ้อน่าจะอยู่ที่ 2.25% สำหรับทั้งปี เขาเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆ ลดลงสู่เป้าหมาย 2% ในที่สุด แม้ว่ากระบวนการนี้อาจจะไม่ราบรื่นนัก นอกจากนี้ Williams ยังมองว่าตลาดแรงงานไม่น่าจะเป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น
ในส่วนของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย Williams ไม่ได้ให้คำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับจังหวะเวลาหรือความเชื่อมั่นว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป้าหมาย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระหว่าง 4.5% ถึง 4.75% ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เดือนนี้หรือไม่ ตลาดการเงินได้เตรียมพร้อมรับมือกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมท่ามกลางสัญญาณของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง แต่ความไม่แน่นอนใหม่ๆ เกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดี Trump ที่ได้รับเลือกตั้งได้ทำให้แนวโน้มดังกล่าวไม่ชัดเจนขึ้น
ด้าน Christopher Waller ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวว่า เขามีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ธันวาคม เนื่องจากนโยบายการเงินยังคงเข้มงวดเพียงพอที่จะกดดันเงินเฟ้อให้ลดลง ขณะที่ตลาดแรงงานอยู่ในภาวะสมดุล ซึ่งเป็นสิ่งที่ Fed ต้องการรักษาไว้
อย่างไรก็ตาม Waller ระบุว่าข้อมูลการจ้างงาน เงินเฟ้อ และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่จะออกมาในเร็วๆ นี้อาจทำให้เขาตัดสินใจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหากพบว่าความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อชะงัก
Fed เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนด้วยการลดลง 0.50% ตามด้วยการลดลง 0.25% ในเดือนพฤศจิกายน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในเดือนธันวาคมเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดได้สร้างความกังวลว่าความคืบหน้าอาจชะงัก ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่ไม่รวมอาหารและพลังงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดหลักที่ Fed ใช้ติดตามเงินเฟ้อ ติดอยู่ในช่วง 2.6% ถึง 2.8% ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2%
วิกฤตหนี้สหรัฐฯ อาจนำไปสู่การเฟ้อสูง หนุนราคาทองพุ่งแตะ 10,000 ดอลลาร์
Rick Rule ประธานและซีอีโอของ Rule Investment Media กล่าวว่าทางเดียวที่สหรัฐฯ จะหลุดพ้นจากวิกฤตหนี้ในปัจจุบันคือการปล่อยให้เงินเฟ้อลดมูลค่าของภาระผูกพันลง เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในทศวรรษ 1970 ซึ่งจะสร้างโอกาสสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์อย่างโลหะมีค่า ยูเรเนียม และทองแดง รวมถึงพลังงานที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีคนใหม่
Rule ชี้ให้เห็นว่าในทศวรรษ 1970 อำนาจซื้อของดอลลาร์สหรัฐลดลง 75% ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ราคาทองคำพุ่งจาก 35 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็น 850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เขาเชื่อว่าทองคำไม่จำเป็นต้องเอาชนะดอลลาร์สหรัฐหรือทำลายตลาดพันธบัตร เพียงแค่กลับสู่ค่าเฉลี่ย ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ก็จะเพิ่มขึ้นสี่เท่า Rule กล่าวว่าเขาไม่ได้ถือครองทองคำเพราะคาดว่าราคาจะขึ้นจาก 2,600 ดอลลาร์เป็น 3,000 ดอลลาร์ แต่เพราะเขากลัวว่าราคาจะพุ่งไปถึง 10,000 ดอลลาร์
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงตามที่ได้คาดการณ์ไว้ โดยราคาได้ปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับที่ 2,623 ดอลลาร์สหรัฐตามที่ได้ระบุ และสามารถฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยที่ระดับ 2,639 ดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน
การวิเคราะห์ทางเทคนิคแสดงให้เห็นว่า ราคายังคงเคลื่อนไหวใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสามเส้น โดย EMA 12 และ EMA 26 ยังคงวางตัวต่ำกว่า EMA 200 ซึ่งเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงในระยะสั้น นอกจากนี้ การที่ราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านที่ 2,654 ดอลลาร์สหรัฐได้อย่างมั่นคง ยิ่งเป็นการสะท้อนถึงแรงขายที่ยังคงมีอยู่ในตลาด
ดัชนี RSI ในขณะนี้เคลื่อนไหวในระดับ 45 ซึ่งแม้จะยังไม่เข้าสู่เขต Oversold แต่ก็เริ่มแสดงสัญญาณการอ่อนแรงลงของแรงขาย อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบสัญญาณ Divergence ที่จะบ่งชี้การกลับตัวของราคาในระยะสั้น
สำหรับระดับแนวรับที่สำคัญในระยะสั้น เริ่มจากแนวรับแรกที่ 2,623 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่ราคาเพิ่งทดสอบและสามารถรักษาระดับไว้ได้ ถัดไปคือแนวรับที่ 2,605 ดอลลาร์สหรัฐ และแนวรับสำคัญที่ 2,576 ดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของแนวต้าน ระดับสำคัญอยู่ที่ 2,640 ดอลลาร์สหรัฐ 2,673 ดอลลาร์สหรัฐ และ 2,706 ดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ
การคาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 2,623 - 2,640 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีโอกาสที่จะทดสอบแนวรับที่ 2,623 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้ อาจเห็นการปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 2,605 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิดที่แนวรับ 2,623 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเป็นระดับสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางของราคาในระยะสั้น การหลุดระดับนี้อาจนำไปสู่การปรับฐานที่ลึกขึ้น ในทางกลับกัน หากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง อาจเห็นการฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 2,640 ดอลลาร์สหรัฐในระยะสั้น
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,623
$2,605
$2,576
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,640
$2,654
$2,673
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน