วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 18 ธ.ค. 2566
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
Gold Spot ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $2,023 ขณะที่ Gold Futures อยู่ที่บริเวณ $2,035.4
ราคาทองคำปรับตัวลดลงในวันศุกร์ แต่ก็เป็นการปิดแท่งเทียนรายสัปดาห์ที่กลับมาเป็นสีเขียวอีกครั้ง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐเปลี่ยนท่าทีจากนโยบายอันเข้มงวดที่มีมาอย่างต่อเนื่องตลอดเกือบสองปี มาเป็นความผ่อนคลายมากขึ้นและให้แนวทางที่ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงในปีหน้า
การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ในการประชุมของ FOMC เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปีหน้า กระตุ้นให้เกิดทัศนคติเชิงบวกในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ
หลังจากการตัดสินใจของ Fed ดัชนี Dow Jones พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลงในทุกสิ่งตั้งแต่สินเชื่อรถยนต์ไปจนถึงการจำนองบ้าน
ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง การว่างงานต่ำ และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์กลับตั้งคำถามมากขึ้นว่า Fed ชนะการต่อสู้กับเงินเฟ้อจริงหรือไม่
ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 วิกฤติด้านอุปทานส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในเดือนมีนาคม 2022 ท่ามกลางราคาพลังงานที่สูงขึ้นหลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย Fed เริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างจริงจังเพื่อควบคุมราคาที่สูงขึ้น
ในอีก 18 เดือนต่อมา ผู้กำหนดนโยบายได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สำคัญสู่ระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี และประสบความสำเร็จในการลดอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคจากระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีที่ 9.1% ในปีที่แล้วเหลือเพียง 3.1% ในเดือนพฤศจิกายน 2023
ภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นภาพเชิงบวกอย่างน่าประหลาดใจ โดยอัตราการว่างงานใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเศรษฐกิจอยู่ในแนวทางที่น่าจะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สร้างความเสียหาย
ผู้กำหนดนโยบายของ Fed มีความมั่นใจมากขึ้นว่าตนกำลังมาถูกทาง เพื่อบรรลุความสำเร็จด้านนโยบายการเงินที่ยากนี้ ซึ่งเรียกว่า “Soft Landing”
ขณะนี้ Fed คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.6% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวลงในปี 2024
แต่ถึงแม้จะมีข่าวดี แต่มาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ Fed ชื่นชอบยังคงติดอยู่เหนือเป้าหมายระยะยาวที่ 2% อย่างดื้อรั้น ซึ่งตอกย้ำถึงความท้าทายที่ยังคงมีอยู่
สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา คือการที่ FOMC ลงมติให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุม ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน และคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในปีหน้า
ประธาน Fed Jerome Powell กล่าวกับผู้สื่อข่าว โดยมีการใช้ภาษาที่เปลี่ยนไปเป็น “เรายอมรับว่าเราเชื่อว่าเราน่าจะอยู่ หรือใกล้อัตราสูงสุดสำหรับรอบนี้แล้ว”
เขาเสริมว่าผู้กำหนดนโยบายเคยพูดคุยถึงเมื่อถึงเวลาที่ “เหมาะสม” ที่เฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธที่จะออกนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
เมื่อมองจากภายนอก Powell แสดงมุมมองอย่างระมัดระวังต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ดังที่มักเกิดขึ้นในอดีตของผู้นำธนาคารกลาง
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคำขู่ก่อนหน้านี้ของเขาที่ว่ามีโอกาสจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก คำกล่าวของ Powell ถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่า Fed มั่นใจว่าจะชนะการต่อสู้เงินเฟ้อได้
“Fed คิดว่าสำเร็จแล้ว” Diane Swonk หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ KPMG ระบุไม่นานหลังจากคำกล่าวของ Powell หลังการประชุม
คำแถลงของ Fed และการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ “ให้สัญญาณเชิงบวกมากกว่าที่เราหรือตลาดคาดไว้” Steve Englander หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์มหภาคอเมริกาเหนือของ Standard Chartered Bank ระบุเพิ่มเติม
แต่ความเสี่ยงคืออะไรยังคงเป็นคำถาม
ตลาดการเงินมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า Fed เสร็จสิ้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว และกำลังปรับอัตราลงมากถึง 6 ครั้งในปีหน้า ตามข้อมูลของกลุ่ม CME
สิ่งนี้มีความคาดหวังมากกว่าคำพูดของ Fed ซึ่งสะท้อนถึงการมองในแง่ดีว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เปลี่ยนมุมจากอัตราเงินเฟ้อแล้ว
ความเสี่ยงหลักที่ Fed กำลังเผชิญในขณะที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนจากการหยุดชั่วคราวเป็นเวลานานไปจนถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยิ ก็คืออัตราเงินเฟ้อจะกลับคืนมา
ความตื่นตระหนกจากภายนอก เช่น สงครามที่ลุกลามในยูเครนหรือฉนวนกาซา อาจทำให้ราคาอาหารหรือพลังงานพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง และทำให้การต่อสู้ของ Fed มีความซับซ้อนในการชะลออัตราการขึ้นราคาลงเหลือ 2 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน
“อัตราเงินเฟ้อยังสูงเกินไป ความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในการลดอัตราเงินเฟ้อลงนั้นไม่แน่นอน และเส้นทางข้างหน้าก็ไม่แน่นอน” Powell กล่าวกับผู้สื่อข่าว
หลังจากที่ตลาดรู้สึกสบายใจหลังจากการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งในระหว่างนั้นอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปี 2024 เจ้าหน้าที่ของ Fed ดูเหมือนจะชะลอความร้อนแรงดังกล่าวอีกครั้ง
“เราไม่ได้พูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในตอนนี้” John Williams ประธานธนาคารกลางสหรัฐแห่งนิวยอร์กกล่าวกับ CNBC
“เราจำเป็นต้องพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเพื่อกระชับนโยบายต่อไป หากความคืบหน้าของอัตราเงินเฟ้อหยุดชะงัก”
เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว ข้อมูลเศรษฐกิจและเหตุการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในสัปดาห์นี้ค่อนข้างเบาบาง แต่นักลงทุนควรจับตาดูดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลในวันศุกร์นี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า PCE จะแสดงการถดถอยของอัตราเงินเฟ้อ แต่เกิดสถานการณ์เกิดคาดอย่างน่าประหลาดใจ มันจะกระทบต่อแผนการ Fed และอาจหยุดยั้งความคาดหวังที่ดุเดือดของตลาดได้
“การพุ่งขึ้นทุกอย่าง” ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐเมื่อวันพุธดูเหมือนจะสูญเสียโมเมนตัมไปไม่น้อยเพราะตัว Fed เองก็ดูกังวลเล็กน้อยจากการที่ตลาดก้าวร้าวในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
จากข้อมูลของ Dot plot ซึ่งเป็นการคาดการณ์ว่าเจ้าหน้าที่ Fed คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไรในอนาคต อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน 25 จุดสามครั้งในปีหน้า
แต่ตลาดคิดว่ามีโอกาส 34.7% ที่อัตราจะดิ่งลงสู่ช่วง 3.75% ถึง 4% ซึ่งเท่ากับการปรับลด 25 จุดพื้นฐาน 6 ครั้ง ภายในเดือนธันวาคมปีหน้า ตามข้อมูลจาก CME FedWatch Tool
John Williams ประธานธนาคารกลางสหรัฐแห่งนิวยอร์ก พยายามที่จะควบคุมความคาดหวังบางส่วนไว้
“ผมแค่คิดว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะคิดเรื่องนั้น” Williams กล่าว เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการกำหนดราคาฟิวเจอร์สสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม
Williams ยังเตือนว่าอัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้น
“สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้ในปีที่ผ่านมาก็คือข้อมูลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และด้วยวิธีที่น่าประหลาดใจ เราต้องพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเพื่อบังคับใช้นโยบายให้เข้มงวดยิ่งขึ้น หากความคืบหน้าของอัตราเงินเฟ้อหยุดชะงักหรือกลับตัว”
และนั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตลาดสั่นคลอน
อย่างไรก็ตาม Rajesh Sinha นักวิเคราะห์อาวุโสฝ่ายวิจัยของ Bonanza Portfolio กล่าวว่า
“วิกฤตการธนาคารของสหรัฐฯ ในต้นปี 2023 การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ช่วยให้ทองคำแเอาชนะผลตอบแทนของตลาดหุ้นทั่วโลกด้วยอัตรากำไรมหาศาล แม้ตลาดจะให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดย Fed และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น ราคาทองคำก็ยังเพิ่มขึ้นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ล่าสุดระหว่างอิสราเอลและฮามาสได้เพิ่มความผันผวนของตลาด ทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ยังคงได้รับความต้องการเนื่องจากมีเสถียรภาพโดยธรรมชาติในช่วงเวลาของวิกฤติ”
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมืองจริงฟรี $50, 000 ดอลลาร์!💰
แนวโน้มทางด้านเทคนิคของราคาทองคำ
ราคาทองคำกลับมาปิดแท่งเทียนรายสัปดาห์เป็นบวกอีกครั้ง โดยที่แนวรับสำคัญที่คาดการณ์ไว้ยังคงสามารถยันราคาเอาไว้ได้ ซึ่งทำให้กรอบการเคลื่อนไหวของราคาในวันนี้ยังคงใกล้เคียงกับเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
ภาพรวมของราคายังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ราคายังคงอยู่ในกรอบของการพักตัว
แนวรับภายในช่วงนี้น่าจะยังคงอยู่ในช่วง $2,017 - $2,005 ซึ่งเป็นบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA 12, 26 โดยมีอีกแนวรับสำคัญที่บริเวณ MA200 ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ $1,956
และมีแนวต้านคือบริเวณ $2,050 - $2,071 และมีแนวต้านเล็กๆ ภายในวันอยู่ที่ $2,025 - $2,033
กราฟทองคำ ระดับ 1 วัน และ 4 ชั่วโมง
แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,017 - $2,005 และ $1,956
แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,025 - $2,033 และ $2,050 - $2,071
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน