วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 7 ธ.ค. 2566
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
Gold Spot ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $2,028 ขณะที่ Gold Futures อยู่ที่บริเวณ $2,045.5
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยในวันที่ผ่านมา หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สามติดต่อกัน ในขณะที่นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับรายงานการจ้างงานในสหรัฐฯ เพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติมว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นจริงได้เร็วเพียงใด โดยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีกำหนดประกาศในวันศุกร์ ก่อนการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า
ข้อมูลเศรษฐกิจแรกที่ออกมาสร้างโมเมนตัมให้ทองคำคือตลาดแรงงานสหรัฐ ตามข้อมูลล่าสุดจาก ADP ซึ่งระบุว่ามีการจ้างงานภาคเอกชน 103,000 ตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว ข้อมูลดังกล่าวคาดเคลื่อนจากการประมาณการอย่างมาก เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์มองไปที่ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นประมาณ 130,000 ตำแหน่ง
ในเวลาเดียวกัน ข้อมูลการจ้างงานเดือนตุลาคมได้รับการปรับลดลงเหลือ 106,000 ตำแหน่ง ลดลงเล็กน้อยจากประมาณการเบื้องต้นที่ 113,000 ตำแหน่ง
“ร้านอาหารและโรงแรมเป็นผู้จ้างงานที่ใหญ่ที่สุดในช่วงการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาด” Nela Richardson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADP กล่าวในรายงาน
“แต่การเพิ่มขึ้นนั้นนั้นยังคงตามหลัง และการกลับมาของกระแสในด้านการพักผ่อนและการบริการ ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะเห็นการจ้างงานและการเติบโตของค่าจ้างในระดับปานกลางมากขึ้นในปี 2024”
ตามที่นักวิเคราะห์ระบุ ทองคำกำลังได้รับประโยชน์เนื่องจากข้อมูลการจ้างงานล่าสุดสอดคล้องกับความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและตลาดแรงงานที่เย็นลงจะบังคับให้ธนาคารกลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยที่ตลาดมองเห็นโอกาสประมาณ 60% ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม
ในขณะเดียวกัน ค่าจ้างที่เย็นลง ส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อลดลง
รายงานระบุว่าค่าจ้างสำหรับคนงานที่อยู่ในตำแหน่งปัจจุบันเพิ่มขึ้น 5.6% ขณะเดียวกันคนที่เปลี่ยนงานเงินเดือนเพิ่มขึ้น 8.3%
รายงานระบุว่าค่าจ้างเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2021
“ส่วนต่างสำหรับการเปลี่ยนงานนั้นน้อยที่สุดในรอบสามปีของข้อมูล” รายงานกล่าว
ทางด้าน Florian Grummes กรรมการผู้จัดการของ Midas Touch Consulting เชื่อว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นไปที่ 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
Grummes เชื่อว่าในความเป็นจริงแล้วข้อเสียของเงินดอลลาร์สหรัฐค่อนข้างมากในขณะนี้ โดยหลักแล้วเป็นเพราะโลกกำลังตระหนักว่าสถานการณ์หนี้ในอเมริกานั้นไม่ยั่งยืน ความเสี่ยงทั้งหมดในตอนนี้เป็นแบบทวีคูณ เขากล่าว
“ถ้าคุณดูที่ระดับหนี้ ถ้าคุณดูที่การจ่ายดอกเบี้ยที่ต้องทำ มันไม่ยั่งยืน และผมคิดว่าตอนนี้โลกกำลังเปลี่ยนไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเป็นอย่างน้อย ดังนั้นผมคิดว่าเรากำลังก้าวไปที่เหตุการณ์ที่ค่าเงินดอลลาร์ลดลงและแน่นอนว่าจะสนับสนุนทองคำ”
Grummes กล่าวว่าสถานะแหล่งปลอดภัยของทองคำยังคงเดิม โดยชี้ไปที่ราคาพุ่งขึ้น 200 ดอลลาร์หลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และพุ่งขึ้น 270 ดอลลาร์หลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
ในด้านเศรษฐกิจ Grummes มองว่าสถานการณ์ยากลำบาก โดยกล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเกิดขึ้นในปี 2024 ซึ่งจะนำไปสู่การพิมพ์เงินในขนาดที่ใหญ่กว่าที่ธนาคารดำเนินการในเดือนมีนาคม ซึ่งอาจถึงล้านล้านล้าน (Trillions)
“นั่นจะทำให้เราทุกคนอยู่บนเส้นทางของภาวะเงินเฟ้อหรือภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง”
ขณะที่ข้อมูลล่าสุดจาก World Gold Council (WGC) ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธระบุว่าการไหลออกของ ETF ทองคำทั่วโลกชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือนพฤศจิกายน โดยได้รับแรงหนุนจากการไหลเข้าสุทธิเข้าสู่กองทุนในอเมริกาเหนือ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และ Postion ของนักลงทุน
“กองทุน ETF ทองคำที่ได้รับการสนับสนุนทางกายภาพทั่วโลก มีการไหลออกเล็กน้อยที่ 920 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนนี้ ซึ่งน้อยกว่าเดือนก่อนอย่างมาก” รายงานการไหลของกองทุนและการถือครองของกองทุน WGC ระบุ
“การถือครองลดลงเหลือ 3,236 ตัน ลดลง 9 ตันในเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่ AUM รวมเพิ่มขึ้น 2% เป็น 212 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 2%”
กองทุนในอเมริกาเหนือหยุดการขาดทุนติดต่อกันห้าเดือนในเดือนพฤศจิกายน โดยดึงดูดเงินไหลเข้าสุทธิจำนวน 659 ล้านดอลลาร์
“ในช่วงที่ผ่านมา Fed คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมครั้งที่สองติดต่อกัน ส่งผลให้นักลงทุนคาดหวังว่า Fed จะสิ้นสุดวงจรที่เข้มงวด” WGC ระบุ
“ความคาดหวังดังกล่าวทวีความรุนแรงมากขึ้นจากการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อและตลาดงานที่เย็นลง ซึ่งส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐและเงินดอลลาร์มากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม รายงานตั้งข้อสังเกตว่าการสนับสนุนส่วนใหญ่สำหรับทั้งราคาทองคำและกระแส ETF มาจาก “ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงต้นเดือน” และ Postion ของนักลงทุนในเวลาต่อมา
“ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นก่อนวันหมดอายุของออปชั่นทองคำ ETF ที่สำคัญในวันที่ 17 พฤศจิกายน” พวกเขาระบุ
ขณะที่ทางฝั่งยุโรปขยายเวลาการไหลออกติดต่อกันเป็นหกเดือน โดยขายได้เกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน
“ด้วยอัตราผลตอบแทนของภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ ต้นทุนค่าเสียโอกาสยังคงส่งผลกระทบต่อความต้องการทองคำของ ETF ของนักลงทุนยุโรป” รายงานระบุ
“ในขณะเดียวกัน การแข็งค่าของสกุลเงินของประเทศเป็นเหตุผลให้ราคาทองคำในประเทศนั้นๆ อ่อนแอลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งนั่นส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักลงทุน”
WGC ชี้ให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการป้องกันความเสี่ยงจาก FX ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ มีการไหลเข้าสุทธิในช่วงเดือนดังกล่าว ซึ่งชดเชยการขาดทุนในเดือนพฤศจิกายนบางส่วน ในขณะที่กองทุนที่จดทะเบียนในเยอรมนีมีการไหลออกที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค
“กองทุนฝั่งเอเชียยังคงจำกัดการไหลเข้า (+47 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในเดือนพฤศจิกายน แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” พวกเขากล่าว โดยการไหลเข้าของอินเดียและญี่ปุ่นมีมากกว่าการไหลออกจากประเทศจีน
“ภูมิภาคอื่นๆ มีการไหลออกเล็กน้อย (-21 ล้านเหรียญสหรัฐ) ส่วนใหญ่มาจากกองทุนของออสเตรเลียและแอฟริกาใต้”
ขณะที่บรรดาธนาคารกลางยังคงซื้อทองคำต่อไป โดยเพิ่มทองคำอีก 42 ตันไปยังทุนสำรองอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม
Krishan Gopaul นักวิเคราะห์อาวุโส EMEA ที่ World Gold Council (WGC) ระบุว่า
“การซื้อทองคำของธนาคารกลางชะลอตัวในเดือนตุลาคม แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแนวโน้มโดยรวมของการซื้อที่แข็งแกร่งซึ่งดึงดูดความสนใจของนักลงทุนทองคำ” Gopaul ระบุ
“รายงานการซื้อสุทธิทั่วโลกอยู่ที่ 42 ตัน ในระหว่างเดือน ซึ่งต่ำกว่ายอดรวมในเดือนกันยายนที่ 72 ตันถึง 41% แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยรายเดือนเดือนมกราคม-กันยายนที่ 34 ตันถึง 23%”
เมื่อดูข้อมูลระดับประเทศ Gopaul ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่มีธนาคารจำนวนไม่มากที่ทำให้เกิดผลรวมจำนวนมากทั่วโลก
“ธนาคารประชาชนจีนยังคงเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด โดยรายงานว่ามีทองคำสำรองเพิ่มขึ้น 23 ตัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นทุกเดือนติดต่อกัน 12 เดือนมาแล้ว” เขากล่าว
“สิ่งนี้ทำให้ยอดซื้อสุทธิของธนาคารจีนอยู่ที่ 204 ตัน และเพิ่มปริมาณสำรองทองคำที่รายงานเป็น 2,215 ตัน แม้จะมีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ปริมาณสำรองทองคำที่รายงานยังคงคิดเป็นเพียง 4% ของทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมดของธนาคาร”
ขณที่จุดสนใจในตอนนี้ของตลาดมองไปที่ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
“นักลงทุนทองคำกำลังเฝ้ารอ และข้อมูบในวันศุกร์นี้อาจจุดประกายไฟได้ ในขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มขนาดใหญ่จะส่งผลกระทบการขายโลหะมีค่าในระยะกลาง” นักวิเคราะห์จาก TD Securities กล่าว
Daniel Pavilonis นักยุทธศาสตร์การตลาดอาวุโสของ RJO Futures กล่าวว่าการคาดการณ์ถึงการผ่อนคลายทางการเงินเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของทองคำในขณะนี้ และราคาน่าจะขยับสูงขึ้นในปีหน้า
“ภูมิศาสตร์การเมืองสามารถมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนทองคำให้สูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า”
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมืองจริงฟรี $50, 000 ดอลลาร์!💰
แนวโน้มทางด้านเทคนิคของราคาทองคำ
ราคาทองคำยังคงทรงตัวอยู่ใกล้กับเส้นค่าเฉลี่ยทางเทคนิค โดยเหมือนกับยังคงเฝ้ารอความชัดเจนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่จะออกมาในเร็ววันนี้
เส้นค่าเฉลี่ย EMA 12 ยังคงทำหน้าที่เป็นแนวรับให้กับราคาในช่วงนี้ โดยปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $2,020 ซึ่งน่าจะเป็นการทดสอบราคาเพื่อสร้างฐานในการปรับตัวขึ้นต่อหากยังคงรักษาโมเมนตัมไว้ได้
แนวต้านที่รอการทดสอบจะมีอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นที่ $2,033 ก่อนที่จะไปถึงบริเวณสำคัญที่ $2,050
ขณะที่แนวรับบริเวณ $2,020 - $2,009 น่าจะยังคงมีโอกาสถูกทดสอบอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยมีอีกแนวรับสำคัญคือบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA 26 ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ $2,000
กราฟทองคำ ระดับ 1 วัน
แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,020 - $2,009
แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,033 , $2,050 , $2,063 และ $2,082
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน