วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 11 ก.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 11 กรกฏาคม 2567 ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ท่ามกลางการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน ปัจจัยนี้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
การปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนราคาทองคำในช่วงนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของตลาดการเงิน ได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 4.29% สะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนต่อทิศทางนโยบายการเงินที่อาจผ่อนคลายลงในอนาคต
ในขณะเดียวกัน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar Index: DXY) ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก ได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 105.00 การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐทำให้ทองคำซึ่งกำหนดราคาในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือครองสกุลเงินอื่น ส่งผลให้ความต้องการซื้อทองคำเพิ่มขึ้น
นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้กล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในการแถลงนโยบายการเงินครั้งล่าสุด โดยยืนยันถึงความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อ แต่ยังแสดงความไม่มั่นใจว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมายที่ 2% ได้อย่างยั่งยืน
Powell ได้ให้คำตอบเกี่ยวกับปัจจัยที่จะนำไปสู่การตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน โดยระบุว่า เฟดต้องการเห็นความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวลงสู่เป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าไม่จำเป็นต้องรอให้อัตราเงินเฟ้อลดลงถึง 2% ก่อนจึงจะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวลงอย่างต่อเนื่อง และการรอจนเงินเฟ้อลดลงถึง 2% อาจทำให้การดำเนินนโยบายล่าช้าเกินไป
นอกจากนี้ Powell ยังกล่าวว่าเงินเฟ้อที่สูงในช่วงที่ผ่านมาเกิดจาก “อุปสงค์ที่แข็งแกร่งมากปะทะกับอุปทานที่จำกัด” และยืนยันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ แยกนโยบายการเงินออกจากนโยบายการคลังอย่างชัดเจน แต่ยอมรับว่าแนวโน้มหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ในปัจจุบันไม่ยั่งยืน ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในระยะยาว
แม้จะมีการปรับตัวลดลงเป็นระยะ แต่ราคาทองคำยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากการไหลเข้าของเงินลงทุนในกองทุน ETF ทองคำเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนมิถุนายน โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของการถือครองในกองทุนที่จดทะเบียนในยุโรปและเอเชีย สะท้อนถึงความสนใจของนักลงทุนที่มีต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์จาก Citi มองว่าความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปีอาจผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงถึง 2,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยนักลงทุนอาจเร่งเข้าซื้อเพื่อไล่ตามการปรับตัวขึ้นของตลาด
แนวโน้มความต้องการทองคำของธนาคารกลาง
แม้ว่าความต้องการทองคำของธนาคารกลางจะชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากมีการซื้อในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นปี แต่นักวิเคราะห์หลายรายยังคงมองโลกในแง่ดีว่าความต้องการนี้จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในปี 2024
นักวิเคราะห์จาก Citi คาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะซื้อทองคำประมาณ 1,100 ตันในปีนี้ เพิ่มขึ้น 5.8% จากปีที่แล้ว และอาจสูงถึง 1,250 ตันในสถานการณ์ที่ดีที่สุด โดยมองว่าความต้องการทองคำของภาครัฐได้คงตัวอยู่ที่ระดับ 28-30% ของการผลิตทองคำจากเหมืองตั้งแต่ปี 2022 และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 35% ในกรณีที่ดีที่สุดในช่วงปีหน้า เนื่องจากสงครามการค้าและความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการคลังของสหรัฐฯ
การที่ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกเพิ่มการถือครองทองคำสะท้อนถึงความพยายามในการกระจายความเสี่ยงของทุนสำรองระหว่างประเทศ และความต้องการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ
คาดการณ์ราคาทองในอนาคต
David Brady นักวิเคราะห์อิสระและผู้เขียนรายงาน The FIPEST Report บน Substack ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวโน้มราคาทองคำในอนาคต โดยมองว่าราคาทองคำจะมีจุดต่ำสุดระหว่าง 2,280 ถึง 2,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในช่วงการปรับฐานระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม Brady คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นไปถึง 2,700 ถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ก่อนที่จะมีการปรับฐานครั้งใหญ่ ซึ่งเขามองว่าเป็นเพียงระหว่างทางของการปรับตัวขึ้นในระยะยาว โดยในระยะยาว Brady มองว่าราคาทองคำอาจไปถึง 5,000 หรือแม้แต่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เขาเชื่อว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของภาวะฟองสบู่ในตลาดโลหะมีค่า ซึ่งอาจดำเนินต่อไปเป็นทศวรรษหรือมากกว่านั้น
Brady ให้เหตุผลสำหรับมุมมองที่มีต่อราคาทองคำในระยะยาวว่า ความเชื่อมั่นในเงินตราที่ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (fiat money) กำลังหายไป ในโลกที่จมอยู่กับหนี้สิน เขามองว่าทองคำและเงินยังคงเป็นแหล่งเก็บมูลค่าที่มั่นคงเพียงอย่างเดียว
Brady ชี้ให้เห็นว่าหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ปัจจุบันอยู่ที่ 34 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่น่ากังวล นักเศรษฐศาสตร์หลายคน รวมถึง Jerome Powell ประธานเฟดก็ยอมรับว่าแนวโน้มหนี้สาธารณะกำลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่ยั่งยืน สถานการณ์นี้กำลังทำลายความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของโลก
ผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือ หลายประเทศเริ่มใช้สกุลเงินอื่นในการค้าขายระหว่างประเทศมากขึ้น Brady ยกตัวอย่างว่าซาอุดีอาระเบียได้หยุดการกำหนดราคาน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาดพลังงานโลก
ทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
Brady ยังชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มการซื้อทองคำของธนาคารกลางเริ่มต้นมานานแล้ว โดยเมื่อทศวรรษที่แล้ว เยอรมนีเป็นหนึ่งในธนาคารกลางรายใหญ่แรกๆ ที่นำทองคำกลับประเทศจากลอนดอนและนิวยอร์ก และหลังจากนั้นหลายประเทศก็ทำตาม
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนได้กลายเป็นประเทศที่มีการซื้อทองคำมากที่สุด โดยมีการรายงานการเพิ่มทุนสำรองทองคำอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าล่าสุดจะมีการชะลอตัวลงบ้าง โดยข้อมูลทุนสำรองต่างประเทศของธนาคารกลางจีนแสดงให้เห็นว่าไม่มีการเพิ่มทุนสำรองทองคำเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน
ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศเช่นนี้ Brady มองว่าทองคำกำลังกลายเป็นสินทรัพย์ต่อต้านดอลลาร์ (anti-dollar asset) ซึ่งเป็นเหตุผลที่ประเทศต่างๆ กำลังซื้อและเก็บไว้ใกล้ตัว เขาเชื่อว่าธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเตรียมพร้อมสำหรับวิกฤตการณ์ทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับนักลงทุนทั่วไป Brady แนะนำว่าแทนที่จะพยายามจับจังหวะซื้อทองคำที่จุดต่ำสุด นักลงทุนควรหาระดับราคาที่ตนเองรู้สึกสบายใจและเริ่มทยอยซื้อ เนื่องจากเขาเชื่อว่าในระยะยาวแล้ว ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยหลังจากการแถลงนโยบายของประธานเฟดแล้ว ตลาดจะให้ความสนใจกับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลสำคัญอื่นๆ ที่ต้องติดตาม ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของราคาทองคำในระยะสั้น
ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนประเมินสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และคาดการณ์ทิศทางนโยบายการเงินของเฟดได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
ราคาทองคำยังคงแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยปัจจุบันเคลื่อนตัวอยู่ที่ระดับ 2,375 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสามเส้น (EMA12, EMA26 และ EMA200) อย่างชัดเจน สะท้อนถึงแรงซื้อที่ยังคงหนุนราคาในระยะกลาง
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นราคาเริ่มเผชิญแรงต้านที่บริเวณ 2,383 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า หากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง อาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อไปสู่แนวต้านถัดไปที่ 2,392 และ 2,405 ดอลลาร์ตามลำดับ
ในทางกลับกัน หากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านแรกได้ อาจเกิดการพักตัวลงในระยะสั้น โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 2,367 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ EMA12 ,26 ถัดลงมาคือแนวรับที่ 2,362 และ 2,356 ดอลลาร์ตามลำดับ
ดัชนี RSI ที่อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้แสดงสัญญาณภาวะซื้อขายมากเกินไป (Overbought) หรือน้อยเกินไป (Oversold) อย่างชัดเจน แต่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นเล็กน้อย สอดคล้องกับทิศทางราคาที่ยังคงเป็นขาขึ้น
สรุปแนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำจะยังคงรักษาทิศทางขาขึ้นไว้ได้ โดยอาจเห็นการทดสอบแนวต้านที่ 2,383 ดอลลาร์อีกครั้ง หากผ่านได้จะเป็นสัญญาณบวกเพิ่มเติม แต่หากไม่ผ่าน อาจเห็นการพักฐานระยะสั้นลงมาที่แนวรับ 2,367 ดอลลาร์ นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคาบริเวณแนวต้านและแนวรับดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,367 ดอลลาร์
2,362 ดอลลาร์
2,356 ดอลลาร์
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,376 ดอลลาร์
2,383 ดอลลาร์
2,392 ดอลลาร์
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน