วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 4 ก.ค. 2567

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 4 กรกฏาคม 2567 ราคาทองคำพุ่งขึ้นมากกว่า 1% ในวันที่ผ่านมา หลังจากสหรัฐอเมริกาเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนกันยายน ในขณะเดียวกัน รายงานการประชุม FOMC ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมประชุมหลายคนพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง

รายงานการจ้างงานภาคเอกชน ADP

เริ่มต้นข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในวันที่ผ่านมา โดยบริษัท ADP รายงานว่ามีการสร้างงานใหม่ 150,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 170,000 ตำแหน่ง ตัวเลขของเดือนพฤษภาคมถูกปรับแก้เพิ่มขึ้นเป็น 157,000 ตำแหน่งจากที่รายงานครั้งแรกที่ 152,000 ตำแหน่ง

Nela Richardson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADP กล่าวว่า การเติบโตของการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง แต่ไม่ได้กระจายตัวในวงกว้าง และหากไม่มีการฟื้นตัวของการจ้างงานในภาคการพักผ่อนและการบริการ เดือนมิถุนายนก็อาจจะเป็นเดือนที่ซบเซา

การจ้างงานตามภาคส่วน

ขณะที่ภาคบริการเพิ่มการจ้างงาน 136,000 ตำแหน่ง นำโดยภาคการพักผ่อนและการบริการ (+53,000) บริการวิชาชีพและธุรกิจ (+25,000) การค้า การขนส่งและสาธารณูปโภค (+15,000) การศึกษาและบริการสุขภาพ (+9,000) และกิจกรรมทางการเงิน (+11,000) แต่มีการลดลงในภาคข้อมูล (-3,000)

ส่วนภาคการผลิตสินค้าเพิ่มการจ้างงาน 14,000 ตำแหน่ง โดยมีการเพิ่มขึ้นในภาคก่อสร้าง (+27,000) แต่ลดลงในภาคการผลิต (-5,000) และทรัพยากรธรรมชาติและเหมืองแร่ (-8,000)

ดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐฯ

สถาบัน ISM รายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (Services Purchasing Managers Index หรือ PMI) ลดลงเหลือ 48.8% ในเดือนมิถุนายน เทียบกับ 53.8% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 52.6% อย่างมีนัยสำคัญ

Steve Miller ประธานคณะกรรมการสำรวจธุรกิจภาคบริการของ ISM กล่าวว่า ในเดือนมิถุนายน ดัชนี Services PMI อยู่ที่ 48.8% ลดลง 5 เปอร์เซ็นต์จากตัวเลขในเดือนพฤษภาคมที่ 53.8% ตัวเลขในเดือนมิถุนายนนี้เป็นการกลับตัวเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม และเป็นครั้งที่สองในรอบสามเดือนที่อยู่ในเขตหดตัว

Olivia Cross นักเศรษฐศาสตร์ภูมิภาคอเมริกาเหนือจาก Capital Economics กล่าวว่า ผลสำรวจเหล่านี้บ่งชี้ว่าการเติบโตของ GDP จะยังคงอ่อนแอในไตรมาสที่สาม นอกจากนี้ยังเพิ่มหลักฐานว่าความต้องการแรงงานกำลังอ่อนตัวลง และอัตราเงินเฟ้อจะยังคงมีแนวโน้มลดลง

มุมมองของ FOMC ต่อเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน

ในวันที่ผ่านมา สิ่งสำคัญที่ตลาดจับตามอง คือรายงานการประชุม FOMC ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสมาชิกมีมุมมองที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และระดับการปรับตัวของเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะเอื้อต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนการจ้างงานที่อ่อนแอลง หรือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่ยังคงสูง

สมาชิก FOMC ส่วนใหญ่ประเมินว่าสภาวะทางการเงินในปัจจุบัน “ผ่อนคลายลงเล็กน้อย” ในช่วงระหว่างการประชุม โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาหุ้นที่สูงขึ้น โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหนึ่งครั้งภายในสิ้นปีนี้

แนวโน้มเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

สมาชิก FOMC คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั้งหมดและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะลดลงในช่วงสิ้นปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่การคาดการณ์เงินเฟ้อสำหรับปีนี้ยังคงสูงกว่าการคาดการณ์ในการประชุมเดือนมีนาคม พวกเขาคาดว่าเงินเฟ้อจะลดลงต่อไปในปี 2025 และ 2026 เมื่อความต้องการและอุปทานในตลาดผลิตภัณฑ์และแรงงานปรับตัวเข้าสู่สมดุลที่ดีขึ้น

ในด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ สมาชิก FOMC คาดว่าการเติบโตของ GDP จริงในปี 2024 “จะต่ำกว่าอัตราที่แข็งแกร่งในปี 2023” และพวกเขาชี้ให้เห็นว่าข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดสอดคล้องกับการชะลอตัวที่คาดการณ์ไว้

ความเสี่ยงและความไม่แน่นอน

สมาชิก FOMC ระบุความเสี่ยงหลายประการต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการชะลอตัวของอุปสงค์รวมที่รุนแรงกว่าที่คาดไว้พร้อมกับการเสื่อมสภาพของตลาดแรงงาน หรือความตึงเครียดในงบประมาณของครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำและปานกลางซึ่งอาจนำไปสู่การลดการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างฉับพลัน

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมบางคนยังชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เงินเฟ้ออาจจะยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% นานกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยอ้างถึงปัจจัยต่างๆ เช่น การพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์ที่แย่ลง ความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น เงินเฟ้อในภาคที่อยู่อาศัยที่ยืดเยื้อ หรือนโยบายการคลังของสหรัฐฯ ที่อาจขยายตัวมากกว่าที่คาดไว้

มุมมองต่อนโยบายการเงินในอนาคต

สมาชิก FOMC ส่วนใหญ่เน้นย้ำว่า พวกเขาไม่คาดว่าจะเหมาะสมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายจนกว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่ทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม มีสมาชิกบางคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับระดับความเข้มงวดของนโยบายในปัจจุบัน

รายงานการประชุมระบุว่า “สมาชิกบางคนสังเกตว่า หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงหรือเพิ่มขึ้นต่อไป ก็อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นช่วงเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ย” ในขณะที่ “สมาชิกจำนวนหนึ่งเห็นว่านโยบายการเงินควรพร้อมที่จะตอบสนองต่อความอ่อนแอทางเศรษฐกิจที่ไม่คาดคิด”

ผลกระทบและแนวโน้มต่อราคาทองคำ

ราคาทองคำมีปรับตัวขึ้นอย่างน่าทึ่งหลังจากการเผยแพร่รายงานการประชุม FOMC  อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าคาด โดยเฉพาะในภาคบริการและตลาดแรงงาน ซึ่งเพิ่มความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม รายงานการประชุม FOMC แสดงให้เห็นว่าสมาชิกยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย และพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากจำเป็น

นักลงทุนและผู้ที่สนใจในตลาดทองคำควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะเผยแพร่ในอนาคต โดยเฉพาะรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ ข้อมูลนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการคาดการณ์นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และราคาทองคำในระยะสั้น

วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง

ราคาทองคำในตลาดโลกยังคงแสดงพลังอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทะยานขึ้นทะลุระดับ $2,360 สะท้อนถึงแรงซื้อที่หนาแน่นและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ

จากการวิเคราะห์กราฟราคารายชั่วโมง พบว่าแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำยังคงแข็งแกร่ง โดยเห็นได้ชัดจากการที่ราคาสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แท่งเทียนล่าสุดเป็นแท่งสีเขียวขนาดใหญ่ แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ราคาสามารถทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ $2,350 ขึ้นมาได้

การวิเคราะห์เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) ยิ่งตอกย้ำแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดย EMA12 และ EMA26 กำลังแยกตัวห่างจากกันมากขึ้น บ่งชี้ถึงโมเมนตัมเชิงบวกในระยะสั้น นอกจากนี้ ราคาปัจจุบันยังยืนเหนือ EMA200 อย่างชัดเจน ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง การเรียงตัวของเส้น EMA แบบ Golden Cross ยิ่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับแนวโน้มขาขึ้นในทุกกรอบเวลา

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังการปรับฐานในระยะสั้น เนื่องจากดัชนี RSI ได้ปรับตัวเข้าสู่เขต Overbought ที่ระดับประมาณ 70 แล้ว บ่งชี้ว่าราคาอาจมีการพักฐานเพื่อระบายแรงซื้อที่สะสมมามาก แม้ว่าในช่วงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง RSI อาจอยู่ในเขต Overbought ได้นานกว่าปกติก็ตาม

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามองคือบริเวณ $2,350 ซึ่งเป็นแนวรับแข็งแกร่งที่เพิ่งทะลุผ่าน ถัดไปบริเวณ $2,340 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ EMA12 ,26 และ $2,330 ที่ใกล้เคียงกับระดับ EMA200

ส่วนแนวต้านสำคัญที่ต้องติดตามคือบริเวณ $2,364 - $2,368 ก่อนที่จะเจอแนวต้านสำคัญที่อาจเป็นเป้าหมายต่อไปบริเวณ $2,376

คาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีโอกาสที่จะทดสอบแนวต้านที่ $2,364 - $2,368 หากสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง อาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $2,376 อย่างไรก็ตาม หากเกิดแรงขายทำกำไรเข้ามา ราคาอาจย่อตัวลงทดสอบแนวรับที่ $2,350 ซึ่งเป็นระดับสำคัญที่ต้องรักษาไว้เพื่อคงแนวโน้มขาขึ้น

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• 2,350 ดอลลาร์ 

• 2,340 ดอลลาร์

• 2,330 ดอลลาร์

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• 2,364 ดอลลาร์

• 2,368 ดอลลาร์

• 2,376 ดอลลาร์