วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 19 ก.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 19 กรกฏาคม 2567 ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวานจนถึงช่วงเช้าของการซื้อขายในวันนี้ โดยปัจจุบัน ราคาอยู่ที่ระดับ 2,425 ดอลลาร์สหรัฐ แม้จะยังคงมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน แต่เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัว โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น จะเห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกและนโยบายการเงินของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา
สัญญาณการชะลอตัวของตลาดแรงงาน และความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลการจ้างงานล่าสุดที่เปิดเผยโดยสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ (US Bureau of Labor Statistics) แสดงให้เห็นว่ามีผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 20,000 ราย สู่ระดับ 243,000 ราย ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 กรกฎาคม ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 229,000 ราย
นอกจากนี้ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 4 สัปดาห์ของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่น่าเชื่อถือมากกว่าเนื่องจากช่วยลดความผันผวนรายสัปดาห์ ก็เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 234,750 ราย ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังอ่อนแอลง ซึ่งอาจส่งผลต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐในอนาคต
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคก็แสดงสัญญาณที่ดีขึ้น โดยธนาคารกลางภูมิภาครายงานว่าดัชนีภาวะธุรกิจการผลิต (Manufacturing Business Outlook) สำหรับเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเป็น 13.9 เทียบกับเดือนมิถุนายนที่อยู่ที่ 1.3 ซึ่งดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 2.9
องค์ประกอบสำคัญของดัชนีแสดงการปรับตัวดีขึ้นในเดือนนี้ โดยดัชนีคำสั่งซื้อใหม่และการจัดส่งสินค้าปรับตัวเป็นบวก นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ ยังรายงานการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของภาคการผลิตในสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจส่งผลต่อนโยบายการเงินและราคาทองคำในอนาคต
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐได้แสดงความเห็นว่าธนาคารกลางอาจ “ใกล้” ถึงเวลาที่จะลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากความเสี่ยงต่อเป้าหมายทั้งสอง (dual mandate) ของธนาคารกลาง ซึ่งประกอบด้วยการรักษาเสถียรภาพราคาและการจ้างงานเต็มที่ มีความสมดุลมากขึ้น ประกอบกับข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังมุ่งสู่เป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้ผู้กำหนดนโยบายเริ่มให้ความสนใจกับความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ได้แสดงความเห็นว่าธนาคารกลางสหรัฐไม่ควรลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปลายปี 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเห็นที่แตกต่างกันในวงการการเงินระหว่างประเทศเกี่ยวกับจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการปรับนโยบายการเงิน
ช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีการพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ส่งผลให้โอกาสที่ Trump จะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและนโยบายการค้าระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ คำพูดของ Trump เกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนอย่างน้อย 60% ยังกระตุ้นให้เกิดการไหลเข้าของเงินทุนสู่ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในระยะสั้น
แนวโน้มราคาทองของนักวิเคราะห์
Thorsten Polleit นักเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Bayreuth และผู้เผยแพร่รายงาน BOOM & BUST REPORT ให้ความเห็นว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก 10-15% ในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายข้อ
ปัจจัยแรก คือความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะจีนยังคงมีแนวโน้มที่จะซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการก็ตาม การซื้อทองคำของธนาคารกลางเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนราคาทองในระยะยาว
ปัจจัยที่สอง คือการใช้ทองคำเป็นสินทรัพย์สำรองทางการเงิน โดยประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศกำลังพิจารณาใช้ทองคำเป็นสินทรัพย์สำรองทางการเงินแทนดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้ดอลลาร์สหรัฐเป็นอาวุธทางการเงิน Polleit กล่าวว่า “ทองคำกำลังกลับมาเป็นสื่อกลางในการชำระเงินสูงสุดอีกครั้ง ปัญหาเงินดอลลาร์แบบ fiat กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน”
ปัจจัยที่สาม คือการผ่อนคลายนโยบายการเงิน การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางอื่นๆ จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินในอนาคตอันใกล้ อาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ
และปัจจัยสุดท้าย คือความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก โดยสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนในตลาดการเงิน ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงมากขึ้น
Polleit ยังชี้ให้เห็นว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำเมื่อเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักลงทุนทองคำ เขากล่าวว่า เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นที่จะเห็นมูลค่าในลักษณะเดียวกันนี้เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์ และสกุลเงินหลักอื่นๆ ทุกสกุล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของราคาทองคำในระยะยาว
ผลกระทบของนโยบายการเงินต่อราคาทอง
Polleit อธิบายว่าการหดตัวของปริมาณเงินในระบบได้ช่วยผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อลดลง อย่างไรก็ตาม เมื่อนโยบายการเงินเริ่มผ่อนคลาย แนวโน้มนี้อาจกลับทิศทาง เขากล่าวว่า เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง เศรษฐกิจยังคงเติบโต และปริมาณเงินยังคงไหลเวียน นั่นจะเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยอย่างมากสำหรับทองคำ ซึ่งบ่งชี้ว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินในอนาคตอาจเป็นปัจจัยบวกสำคัญสำหรับราคาทองคำ
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในทองคำ Polleit แนะนำให้ถือครองทองคำประมาณ 30% ของพอร์ตการลงทุน โดยแบ่งเป็นทองคำ 80% และเงิน 20% เขาเชื่อว่าทองคำยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ โดยการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้างด้วย ไม่ว่าจะเป็นตลาดการเงิน ที่ราคาทองคำที่สูงขึ้นมักส่งผลให้ตลาดหุ้นและสกุลเงินหลักอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนหันไปถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
ราคาทองคำเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจากระดับสูงสุดที่ $2,483 มาอยู่ที่ $2,425 ในปัจจุบัน การปรับฐานครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงก่อนหน้า
จากการวิเคราะห์กราฟ 4 ชั่วโมง พบว่าราคาทองคำได้หลุดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 12 และ EMA 26 ลงมาอย่างรวดเร็ว สะท้อนถึงแรงขายที่เข้ามาอย่างหนักในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ราคายังคงอยู่เหนือเส้น EMA 200 ซึ่งเป็นแนวโน้มหลักในระยะยาว บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวยังคงอยู่
ดัชนี RSI ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วจากระดับ Overbought มาอยู่ที่เหนือระดับ 40 เล็กน้อย แสดงถึงแรงขายที่เข้ามาอย่างหนักเช่นกัน แต่ยังไม่ถึงระดับ Oversold ที่ 30 ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาในระยะสั้น
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามองมีดังนี้
$2,418 ซึ่งเป็นแนวต้านก่อนหน้านี้ที่ผันมาเป็นแนวรับ
$2,404 แนวรับถัดไป ที่เคยเป็นฐานของราคา
$2,392 แนวรับที่เคยเป็นแนวต้านมาก่อน
ส่วนแนวต้านสำคัญที่ต้องติดตามมีดังนี้
$2,442 ซึ่งเป็นระดับเส้น EMA 26
$2,452 ระดับเส้น EMA 12 และฐานแนวรับก่อนหน้า
$2,467 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของการแกว่งตัวก่อนหน้านี้
คาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ $2,418 - $2,452 โดยอาจเกิดแรงซื้อกลับเข้ามาในระยะสั้นหลังจากปรับตัวลงแรง อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านที่ $2,442 ได้ อาจเกิดแรงขายเพิ่มเติม ทำให้ราคาปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ $2,404 นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคาบริเวณแนวรับแนวต้านสำคัญ เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับทิศทางตลาดที่อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,418 ดอลลาร์
2,404 ดอลลาร์
2,392 ดอลลาร์
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,442 ดอลลาร์
2,452 ดอลลาร์
2,467 ดอลลาร์
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน