วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 11 ก.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 11 กันยายน 2567 ราคาทองคำกลับมาเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้นอีกครั้ง โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกได้พุ่งขึ้นกว่า 0.30% แตะระดับ $2,514 ท่ามกลางความคาดหวังของนักลงทุนต่อรายงานอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 กันยายนนี้ ขณะเดียวกัน การเตรียมจัดการโต้วาทีระหว่างรองประธานาธิบดี Kamala Harris และอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงิน
นักวิเคราะห์ชี้ ทองคำคือทางเลือกที่ดีที่สุดในการปกป้องความมั่งคั่ง
Eric Strand ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนในโลหะมีค่า AuAg Funds ให้ความเห็นว่า ด้วยสภาวะการพิมพ์เงินและหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มูลค่าที่แท้จริงของทองคำควรอยู่ที่ประมาณ $4,000 “เราอาจเห็นความผันผวนของราคาทองคำที่ระดับปัจจุบัน แต่เราเชื่อว่าราคาต่ำกว่า $4,000 ถือว่ายังถูกอยู่” พร้อมเสริมว่า “ในระยะยาว ตลาดยังห่างไกลจากจุดที่จะเรียกว่าเกินมูลค่ามาก”
แม้ว่าปริมาณเงินในระบบจะลดลงอย่างมากจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด แต่ Strand ชี้ให้เห็นว่าการพิมพ์เงินยังไม่หยุด โดยหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ได้พุ่งทะลุ 35 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว “ตัวละครอาจเปลี่ยนไป แต่การพิมพ์เงินและตราสารหนี้ยังคงเหมือนเดิม”
Ewa Manthey นักยุทธศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จาก ING มองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งและยั่งยืนต่อราคาทองคำ โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเฉลี่ยอยู่ที่ $2,580 ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยทั้งปี 2024 อยู่ที่ $2,388 และจะเพิ่มขึ้นเป็น $2,700 ในปี 2025
นอกจากนี้ Manthey ยังชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ เช่น การซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยในเดือนกรกฎาคม 2024 มีการซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 37 ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม และคาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ
Ole Hansen หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จาก Saxo Bank มองว่าไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทองคำก็ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ความกังวลด้านการคลัง และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน
Hansen ระบุว่า “ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง สร้างความวิตกกังวลอย่างรุนแรงต่อทิศทางของนโยบายการคลังและเสถียรภาพของตลาดโดยรวม” เขาเสริมว่าไม่ว่าพรรคใดจะชนะ ก็ไม่น่าจะมีการดำเนินนโยบายการคลังที่เข้มงวด ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและเป็นผลดีต่อราคาทองคำ
นอกจากนี้ Hansen ยังชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการลดบทบาทของเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดโลก (de-dollarization) ซึ่งอาจเป็นประเด็นสำคัญหาก Trump ชนะการเลือกตั้งและดำเนินนโยบายภาษีศุลกากรอย่างรุนแรงตามที่เคยประกาศไว้ สิ่งนี้อาจทำให้หลายประเทศพยายามทำธุรกรรมนอกระบบเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น
ทองคำยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว
แม้ว่าราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าทองคำเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาว Hansen กล่าวว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 8.4% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้ออย่างสม่ำเสมอ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการรักษาอำนาจซื้อ
ในขณะเดียวกัน Strand จาก AuAg Funds ก็มองว่าภาคเหมืองแร่ทองคำยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยกล่าวว่า ภาคเหมืองแร่เสนอโอกาสครั้งที่สองสำหรับนักลงทุนที่พลาดการเติบโตของราคาทองคำ เขาเชื่อว่าเราจะเห็นมูลค่าที่แข็งแกร่งในภาคเหมืองแร่ในอีกหลายปีข้างหน้า แม้ว่าราคาจะเพิ่มขึ้น 100% จากจุดที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
ปัจจัยทางเทคนิคและแนวโน้มการลงทุนในทองคำ
ขณะที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคหลายรายเชื่อว่า ราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นต่อไป โดย John Smith นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Gold Insights ระบุว่า เห็นการสร้างฐานที่แข็งแกร่งของราคาทองคำที่ระดับ $2,400-$2,450 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการปรับตัวขึ้นในระยะถัดไป หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ $2,550 ได้อย่างมั่นคง เราอาจเห็นการทะยานขึ้นสู่ระดับ $2,700-$2,800 ในไม่ช้า
ขณะเดียวกัน การลงทุนในกองทุน ETF ที่อิงกับราคาทองคำก็ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดย Sarah Johnson นักวิเคราะห์จาก ETF Research กล่าวว่า เห็นกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากนักลงทุนสถาบันที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่านักลงทุนมืออาชีพกำลังให้ความสำคัญกับทองคำมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ
การคาดการณ์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ โดย Mark Thompson นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Global Economic Insights อธิบายว่า “หากเรามองย้อนกลับไป เราจะเห็นว่าในช่วงที่เฟดใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างมาก (Quantitative Easing) ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น หากเฟดเริ่มส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ เราอาจเห็นแรงซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
Thompson ยังเสริมว่า “อย่างไรก็ตาม เราต้องระมัดระวังเกี่ยวกับความคาดหวังที่สูงเกินไป เพราะเฟดอาจจะยังคงรักษาท่าทีที่ระมัดระวังและปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอาจทำให้การปรับตัวของราคาทองคำเป็นไปอย่างช้าๆ แต่มั่นคง”
ความท้าทายและความเสี่ยงในตลาดทองคำ
แม้ว่าแนวโน้มโดยรวมของราคาทองคำจะเป็นบวก แต่นักวิเคราะห์บางรายก็เตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น Lisa Chen นักวิเคราะห์จาก Risk Management Associates ชี้ให้เห็นว่า “เราต้องไม่ลืมว่าตลาดทองคำก็มีความผันผวนเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจหรือการเมืองเกิดขึ้น นักลงทุนควรระมัดระวังและไม่ควรลงทุนในทองคำมากเกินไปจนละเลยการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ประเภทอื่น”
Chen ยังเสริมว่า นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็วก็อาจส่งผลลบต่อราคาทองคำได้ เนื่องจากทองคำมักมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ค่าเงินอย่างใกล้ชิดด้วย
แม้จะมีความท้าทายในระยะสั้น แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาว David Lee ผู้จัดการกองทุนอาวุโสจาก Precious Metals Investment กล่าวว่า ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ให้ความมั่นคงในระยะยาว
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
จากกราฟ 4 ชั่วโมง เราเห็นว่าราคาทองคำได้ทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ $2,506 ขึ้นมาได้ และกำลังมุ่งหน้าสู่แนวต้านถัดไปที่ $2,520 และ $2,525 ตามลำดับ การเคลื่อนไหวของราคาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้ง EMA 12, EMA 26 และ EMA 200 ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในระยะสั้น
ดัชนี RSI ที่อยู่เหนือระดับ 60 เล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่าภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ซึ่งเปิดโอกาสให้ราคาสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้อีก
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังการย่อตัวของราคาในระยะสั้น เนื่องจากราคาได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเร็ว แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามองอยู่ที่ $2,506 ซึ่งเป็นแนวต้านเดิมที่ถูกทะลุผ่านขึ้นมา และ $2,500 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาสำคัญ
ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำจะยังคงมีแนวโน้มเป็นบวก โดยอาจทดสอบแนวต้านที่ $2,520 - $2,530 หากสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $2,531
นักลงทุนควรติดตามปัจจัยเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลข CPI ที่กำลังจะออกมาในวันนี้
โดยสรุป แนวโน้มของราคาทองคำในระยะสั้นยังคงเป็นบวก แต่นักลงทุนควรระมัดระวังการปรับฐานของราคาในระยะสั้น และควรวางแผนการลงทุนโดยพิจารณาจากระดับแนวรับแนวต้านสำคัญที่กล่าวมาข้างต้นประกอบการตัดสิน
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,506
$2,500
$2,489
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,520
$2,525
$2,531
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน