วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 9 ก.ค. 2567

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 9 กรกฏาคม 2567 ราคาทองคำเปิดตลาดวันอังคารด้วยการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ แม้จะมีแรงกดดันจากการที่ธนาคารประชาชนจีน (People's Bank of China: PBoC) ไม่ได้เพิ่มปริมาณทองคำในคลังสำรองเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังคงเป็นบวก
ปัจจัยหนุนราคาทองคำยังแข็งแกร่ง
Christopher Vecchio หัวหน้าฝ่ายฟิวเจอร์สและฟอเร็กซ์ของ Tastylive.com ให้ความเห็นว่า แม้จีนจะไม่ได้อัปเดตปริมาณทองคำในคลังสำรองอย่างเป็นทางการ แต่ไม่ได้หมายความว่าจีนหยุดซื้อทองคำ ข้อมูลในระดับภูมิภาคบางส่วนแสดงให้เห็นว่าจีนยังคงซื้อทองคำในช่วงปลายเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม Vecchio เสริมว่าอุปสงค์จากธนาคารกลางแม้จะยังคงสนับสนุนราคาทองคำ แต่ไม่ได้มีแรงขับเคลื่อนเหมือนกับช่วงต้นปีอีกต่อไป โดยตลาดกำลังให้ความสนใจกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มากขึ้น
ขณะเดียวกัน Juan Carlos Artigas หัวหน้าฝ่ายวิจัยของสภาทองคำโลก (WGC) ระบุว่า แม้อุปสงค์จากธนาคารกลางอาจไม่ถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหมือนในปี 2022 และ 2023 แต่คาดว่าการซื้อทองคำจะยังคงอยู่เหนือค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 500 ตัน โดยข้อมูลของ WGC ชี้ว่าธนาคารกลางทั่วโลกอยู่ในสถานะที่พร้อมสำหรับปีที่แข็งแกร่งอีกปีหนึ่ง Artigas ยังเน้นย้ำว่าตลาดทองคำมีขนาดใหญ่กว่าการซื้อของธนาคารกลางเพียงแห่งเดียว และแม้ว่าจีนจะชะลอการซื้อ แต่ธนาคารกลางอื่นๆ ยังคงเพิ่มปริมาณทองคำในคลังสำรองอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารกลางอื่นๆ ยังคงเพิ่มทองคำในคลังสำรอง
Krishan Gopaul นักวิเคราะห์อาวุโสของ WGC เปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อวันศุกร์ว่า ธนาคารกลางแห่งชาติโปแลนด์ (National Bank of Poland) เพิ่มทองคำในคลังสำรอง 4 ตันในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการซื้อต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม ทำให้ปริมาณทองคำในคลังสำรองของโปแลนด์อยู่ที่ 377 ตัน สูงกว่าสิ้นปี 2023 ถึง 19 ตัน การเพิ่มปริมาณทองคำอย่างต่อเนื่องของโปแลนด์สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรองที่มีความมั่นคงในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง
นอกจากนี้ Gopaul ยังรายงานว่า ข้อมูลจากธนาคารสำรองอินเดีย (Reserve Bank of India) บ่งชี้ว่ามีการซื้อทองคำ 9 ตันในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการซื้อรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2022 ส่งผลให้ยอดซื้อสุทธิตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่กว่า 37 ตัน และทำให้ปริมาณทองคำในคลังสำรองของอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 841 ตัน การเพิ่มปริมาณทองคำอย่างมีนัยสำคัญของอินเดียสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการกระจายความเสี่ยงของสินทรัพย์สำรองและลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ
คาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟดหนุนราคาทอง
ตลาดเริ่มคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน หลังจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐออกมาอ่อนแอกว่าคาด ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐแสดงให้เห็นว่าการจ้างงานและการเติบโตของค่าจ้างในเดือนมิถุนายนชะลอตัวลง ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากนโยบายการเงินที่เข้มงวด
Ewa Manthey นักกลยุทธ์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ ING กล่าวในรายงานประจำเดือนว่า นักเทรดตลาดล่วงหน้า (Swap traders) กำลังให้น้ำหนักกับโอกาส 75% ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในอีกสองเดือนข้างหน้า นักเศรษฐศาสตร์ของเขาเชื่อว่าการลดดอกเบี้ยครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในเดือนกันยายน และคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยสามครั้งในปีนี้ เทียบกับการคาดการณ์ของตลาดที่สองครั้ง โดยอัตราดอกเบี้ยกองทุนเฟดอาจลดลงมาอยู่ที่ 4% ภายในช่วงนี้ของปีหน้า
Manthey ยังเสริมว่าเฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25% ถึง 5.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เพิ่มความเป็นไปได้ที่เฟดจะเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงินไปสู่การผ่อนคลายเร็วขึ้น การคาดการณ์การลดดอกเบี้ยนี้เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากทองคำซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยจะมีความน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น พันธบัตรรัฐบาล
ความไม่แน่นอนทางการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์หนุนราคาทอง
สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนในฝรั่งเศสและความตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ความไม่สงบทางการเมืองในฝรั่งเศสที่เกิดขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของวัยรุ่นจากการยิงของตำรวจได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในยุโรป ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนระมัดระวังและมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ สงครามในยูเครนและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนก็เป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะสั้นถึงระยะกลาง ความขัดแย้งในยูเครนที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่าหนึ่งปีได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนที่ตึงเครียดในประเด็นต่างๆ เช่น การค้า เทคโนโลยี และไต้หวัน ก็ยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ
Manthey กล่าวเสริมว่า “เราเชื่อว่าปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์จะยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาทองคำ นอกจากนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนและการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่รอคอยมานานจะยังคงเพิ่มแรงส่งให้กับราคาทองคำจนถึงสิ้นปี” การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024 นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินโลกรวมถึงราคาทองคำ
แนวโน้มราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปี
ING คาดการณ์ว่าราคาทองคำ Spot gold จะเฉลี่ยอยู่ที่ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาสที่สาม ก่อนที่ราคาจะขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 2,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาสที่สี่ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 2,255 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแนวโน้มเชิงบวกนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2025 การคาดการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักวิเคราะห์ต่อปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนราคาทองคำ แม้ว่าจะมีความผันผวนในระยะสั้น
Manthey ยังเน้นย้ำว่า ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในปี 2024 โดยราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 15% นับตั้งแต่ต้นปี ทองคำมีการซื้อขายเหนือระดับ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นส่วนใหญ่ในไตรมาสที่สอง และเพิ่มขึ้นรายไตรมาสติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม ซึ่งถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
ราคาทองคำกำลังเผชิญกับการปรับฐานในระยะสั้น หลังจากที่ราคาได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 2,393 ดอลลาร์ และปัจจุบันปรับตัวลงมาอยู่ที่ 2,362 ดอลลาร์ แม้จะมีการปรับตัวลง แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังคงชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในระยะกลาง
การพิจารณาเส้นค่าเฉลี่ย EMA แสดงให้เห็นภาพที่น่าสนใจ แม้ก่อนหน้านี้ราคาจะตกลงมาต่ำกว่าเส้น EMA 12 และ 26 แต่ราคาปัจจุบันกำลังไต่กลับขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ยังคงแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงในระยะสั้นนี้อาจเป็นการพักฐานที่จำเป็นหลังจากการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 2,356 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ราคาเคยทดสอบและสามารถยืนเหนือได้ในช่วงก่อนหน้านี้ หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้ อาจเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวในระยะสั้น ในขณะที่แนวต้านแรกจะอยู่ที่ 2,364 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามองอยู่ที่ 2,375 ดอลลาร์ ก่อนไปเจอ 2,393 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ การผ่านแนวต้านเหล่านี้จะเป็นสัญญาณบวกที่แข็งแกร่งสำหรับนักลงทุน
ดัชนี RSI ที่ปรับตัวลงมาจากระดับสูงกว่า 70 บ่งชี้ถึงการลดลงของแรงซื้อ และอาจมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อในระยะสั้น สอดคล้องกับภาพรวมของการปรับฐานที่เรากำลังเห็นในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การที่ RSI ยังไม่ได้ลงมาต่ำกว่าระดับ 30 แสดงว่ายังไม่เข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) ซึ่งอาจหมายถึงยังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงต่อได้อีก
ในภาพรวม แม้ว่าราคาทองคำกำลังเผชิญกับแรงขายในระยะสั้น แต่แนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางยังคงแข็งแกร่ง นักลงทุนควรติดตามระดับแนวรับและแนวต้านสำคัญอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการทดสอบแนวรับที่ 2,356 ดอลลาร์ ซึ่งหากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจเห็นการฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 2,375 ดอลลาร์ในระยะสั้น นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอก เช่น ความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลให้ราคาทองคำมีความผันผวนได้ในระยะสั้น
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,356 ดอลลาร์
2,350 ดอลลาร์
2,336 ดอลลาร์
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,364 ดอลลาร์
2,375 ดอลลาร์
2,393 ดอลลาร์
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน