วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 23 ก.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 23 กรกฏาคม 2567 ราคาทองคำยังคงเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ แม้จะยังคงยืนเหนือระดับ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ท่ามกลางปัจจัยสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อตลาดโลหะมีค่า
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาทอง โดยพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 4.26% นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่า ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สำคัญคือการประกาศถอนตัวของประธานาธิบดี Joe Biden จากการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง พร้อมให้การสนับสนุน Kamala Harris รองประธานาธิบดี ในการแข่งขันกับอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ในการเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ แม้ว่าการประกาศดังกล่าวจะไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจสำหรับนักวิเคราะห์การเมืองและนักลงทุน แต่ก็ส่งผลให้เกิดการประเมินความเสี่ยงใหม่ในตลาดการเงิน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาทองคำ
ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้น Wall Street เปิดตลาดในแดนบวก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเชิงบวกหลังจากการตัดสินใจของ Biden อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจส่งผลต่อนโยบายเศรษฐกิจและการเงินในอนาคต
ปัจจัยทางการเมืองและมุมมองของนักวิเคราะห์ต่อราคาทอง
นักวิเคราะห์จาก Stone X ให้ความเห็นว่า หาก Trump ชนะการเลือกตั้ง อาจส่งผลดีต่อราคาทอง เนื่องจากนโยบายลดภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบ และการขยายงบประมาณขาดดุล ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ในขณะที่นโยบายต่างประเทศของ Harris ยังไม่ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อราคาทองในระยะสั้น แต่อาจไม่ใช่ในระยะยาว
James Hyerczyk นักวิเคราะห์จาก FX Empire กล่าวว่า ความสนใจของโลหะมีค่าเพิ่มขึ้นเมื่อนักลงทุนมองหาการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมือง การตัดสินใจของประธานาธิบดี Joe Biden ที่จะยุติการลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ได้เปิดทางให้นักการเมืองพรรคเดโมแครตคนอื่นขึ้มาท้าทาย Donald Trump การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนี้ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้ทองคำน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่น
Hyerczyk ยังเสริมว่า หาก Trump ได้รับเลือกตั้ง นโยบายเศรษฐกิจที่เสนออาจกระตุ้นเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงการลดภาษีนิติบุคคล การลดอัตราดอกเบี้ย และความเข้มงวดในความสัมพันธ์ทางการค้า โดยเฉพาะกับจีน นักวิเคราะห์เตือนว่ามาตรการเหล่านี้ โดยเฉพาะการใช้ภาษีศุลกากร อาจเป็นแรงกดดันให้เกิดเงินเฟ้อ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
ในแง่ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค Hyerczyk ระบุจุดสำคัญหลายจุด เริ่มตั้งแต่จุดแรกคือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) 50 วันที่ 2,359.86 ดอลลาร์สหรัฐเป็นแนวรับสำคัญ ถัดไปคือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันที่ 2,163.01 ดอลลาร์สหรัฐเป็นแนวรับระยะยาว โดยมีแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 2,385.28 ดอลลาร์สหรัฐ หากราคาหลุดระดับนี้อาจเกิดการปรับฐานระยะสั้น และสุดท้าย คือแนวต้านอยู่ในช่วง 2,450-2,480 ดอลลาร์สหรัฐ หากราคาผ่านระดับ 2,483.74 ดอลลาร์สหรัฐได้ อาจมีเป้าหมายที่ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าตลาดอาจอยู่ในภาวะ Overbought (ซื้อมากเกินไป) ในระยะสั้น เนื่องจากช่องว่างที่มีนัยสำคัญระหว่างราคาปัจจุบันและค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับฐานในอนาคตอันใกล้
นักวิเคราะห์ระยะสั้นอย่าง Jennie ได้แสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียว่า ทองคำลดลงตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะนี้แนวรับด้านล่างอยู่ที่ 2,384 ดอลลาร์สหรัฐ หากตลาดสหรัฐฯ ลดลงต่ำกว่าระดับนี้ เป้าหมายต่อไปของทองคำจะอยู่ที่ 2,366.10 ดอลลาร์สหรัฐ หากทองคำไม่สามารถลดลงต่ำกว่าระดับนี้ได้ การลดลงจะหยุดลงและเกิดการฟื้นตัว เป้าหมายระยะสั้นด้านบนอยู่ที่ 2,390 และ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ
ในขณะที่ Grega Horvat นักวิเคราะห์ Elliott Wave กล่าวว่า ทองคำทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบวัน การกลับตัวขาลงได้รับการยืนยัน การปรับฐานจะลึกมากขึ้นและอยู่ในระดับที่สูงขึ้น
ความเคลื่อนไหวของกองทุนเฮดจ์ฟันด์และผลกระทบต่อราคาทอง
หลังจากเงียบมาหลายเดือน กองทุนเฮดจ์ฟันด์ได้กลับเข้ามาในตลาดทองคำอีกครั้ง โดยรายงาน CFTC's disaggregated Commitments of Traders สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 กรกฎาคม แสดงให้เห็นว่า money managers เพิ่มสถานะ speculative gross long ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ Comex ขึ้น 34,520 สัญญา เป็น 216,502 สัญญา ในขณะที่สถานะ short เพิ่มขึ้น 7,455 สัญญา เป็น 20,510 สัญญา
สถานะ net long ของทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับ 184,532 สัญญา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 โลหะมีค่าเห็นการเพิ่มขึ้นของความสนใจเก็งกำไรมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม เมื่อราคาทะลุ 2,150 ดอลลาร์สหรัฐและพุ่งขึ้นสู่ 2,448 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำมีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ นักวิเคราะห์ชี้ว่าความสนใจในการเก็งกำไรยังคงอยู่ในระดับสูงและค่อนข้างคงที่ นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และการซื้อของธนาคารกลาง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่าการที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่เมื่อเร็วๆ นี้อาจเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนบางส่วนทำกำไร
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ความสนใจในการเก็งกำไรเพิ่มสูงขึ้น ราคาทองคำได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับเหนือ 2,480 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่จุดสูงสุดดังกล่าว ตลาดได้เผชิญกับแรงขายที่ค่อนข้างหนัก นักวิเคราะห์กล่าวว่าระดับราคาปัจจุบันเป็นแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ต้องรักษาไว้เพื่อให้ทองคำรักษาแรงส่งของการทะลุขึ้นไปได้
ความเสี่ยงและโอกาสในตลาดทองคำ
ในรายงานจากนักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities ระบุว่าการรีบาวด์ของราคาทองคำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้สร้างความเสี่ยงด้านลบที่ไม่ขัดแย้งกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
นักวิเคราะห์กล่าวในบันทึกว่า “การวิเคราะห์กระแสเงินทุนของเราชี้ให้เห็นว่าช่วงเวลาสำหรับการปรับตัวลงของโลหะมีค่าเปิดกว้างขึ้น และการหยุดพักชั่วคราวในตลาดกระทิงของทองคำอาจกำลังจะเกิดขึ้น”
แม้ว่าธนาคารแคนาดาคาดว่าราคาทองคำจะลดลงต่ำกว่า 2,380 ดอลลาร์สหรัฐในระยะใกล้ แต่นักวิเคราะห์ก็ยังคงมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว
ทางด้าน Julia Cordova ผู้ก่อตั้ง Cordovatrading.com กล่าวว่าทองคำจำเป็นต้องรักษาแนวรับระหว่าง 2,373.50 และ 2,381.20 ดอลลาร์สหรัฐ เธอไม่มองว่าการรีบาวด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นการทะลุแนวต้านที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม หากระดับแนวรับไม่สามารถรักษาไว้ได้ ทองคำอาจลดลงไปที่ 2,325 ดอลลาร์สหรัฐ
เช่นเดียวกับ James Stanley นักยุทธศาสตร์อาวุโสจาก Forex.com กล่าวว่าไม่แปลกใจที่ทองคำกำลังเผชิญกับแรงขายบางส่วง เนื่องจากตัวชี้วัดโมเมนตัมเคลื่อนที่เข้าสู่ภาวะ overbought อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อทองคำเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
ราคาทองคำกำลังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน หลังจากที่มีการปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้านี้ ในระยะสั้น ราคาทองคำกำลังพยายามฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 2,385 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 2,402 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับที่อยู่เหนือแนวรับสำคัญที่ระดับ Fibonacci 50% ที่ 2,385 ดอลลาร์เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ราคายังคงเคลื่อนตัวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 12 และ EMA 26 อย่างชัดเจน ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงในระยะสั้นถึงระยะกลาง โดยเส้น EMA 12 และ EMA 26 กำลังทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญที่ระดับ 2,408 และ 2,418 ดอลลาร์ตามลำดับ
ในส่วนของ RSI พบว่ากำลังฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำ แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้น 50 ซึ่งแสดงถึงแรงขายที่ยังคงมีอยู่ แต่อาจเริ่มอ่อนกำลังลง
สำหรับแนวรับแต่ละระดับคือ
2,385 ดอลลาร์ (ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดล่าสุดที่ราคาเคยลงมาแตะ ซึ่งตรงกับระดับ Fibonacci 50% พอดี แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาหนุนราคาไว้)
2,373 ดอลลาร์ (เส้น EMA 200 ซึ่งเป็นแนวรับระยะยาวที่สำคัญ มักแสดงถึงแนวโน้มหลักของตลาด)
2,362 ดอลลาร์ (ระดับ Fibonacci 61.8% ซึ่งมักเป็นจุดกลับตัวสำคัญในทางเทคนิค หากราคาหลุดแนวรับอาจมีโอกาสลงมาทดสอบแนวนี้)
ในส่วนของแนวต้านที่ต้องจับคือ
2,408 ดอลลาร์ (เส้น EMA 26 และระดับ Fibonacci 38.2% เป็นแนวต้านด่านแรกที่ราคาต้องเผชิญในการฟื้นตัว)
2,418 ดอลลาร์ (เส้น EMA 26)
2,437 ดอลลาร์ (ระดับ Fibonacci 23.%)
ในภาพรวม แนวโน้มของราคาทองคำในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้ายังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงต่อ แต่อาจมีการฟื้นตัวในระยะสั้นเพื่อทดสอบแนวต้านที่ 2,408 ดอลลาร์ หากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 2,418 - 2,437 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวรับที่ 2,385 ดอลลาร์ได้ อาจเสี่ยงที่จะปรับตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ 2,372 - 2,362 ดอลลาร์
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,385 ดอลลาร์
2,373 ดอลลาร์
2,362 ดอลลาร์
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,408 ดอลลาร์
2,418 ดอลลาร์
2,437 ดอลลาร์
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน