วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 16 เม.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำประจำวันที่ 16 เมษายน 2567 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 2% ในวันที่ผ่านมา หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากสหรัฐอเมริกา อย่างการใช้จ่ายของผู้บริโภคแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจเป็นอีกข้อมูลที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ชะลอการปรับลดต้นทุนการกู้ยืมซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้กับโลหะมีค่า
นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้ที่อาจเกิดขึ้นของอิสราเอล หลังจากที่อิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าทำเนียบขาวจะกดดันให้อิสราเอลไม่ตอบโต้ แต่หัวหน้าฝ่ายทหารของอิสราเอลกล่าวว่าจะมีการตอบสนองต่อขีปนาวุธและโดรนของอิหร่านที่ยิงมาที่ดินแดนอิสราเอล
สิ่งนี้อาจเป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์ปลอดภัย รวมถึงทองคำและดอลลาร์สหรัฐ จึงไม่แปลกที่ราคาทั้งสองจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน
ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่เป็นประเด็นใหญ่คือยอดขายในกลุ่มควบคุม ซึ่งใช้ในการคำนวณผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) พุ่งขึ้นอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งในไตรมาสแรกของปี 2024
หลังจากการเปิดเผยข้อมูล ประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2024 แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโต 2.8% เพิ่มขึ้นจาก 2.4% ที่ประมาณการไว้เมื่อวันที่ 10 เมษายน ตามแบบจำลอง Atlanta GDPNow
เมื่อวันจันทร์ ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนที่แล้ว หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนกุมภาพันธ์ ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ข้อมูลนี้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าในเดือนมีนาคม ตัวเลขหลักจะเพิ่มขึ้น 0.4%
ยอดขายพื้นฐานซึ่งแยกยอดขายยานพาหนะออกไป เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.5% และเทียบกับการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนกุมภาพันธ์
ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อตลาดทองคำ โดยราคาทองยังคงทรงตัวหลังจากการเคลื่อนไหวผันผวนอย่างมากเมื่อวันศุกร์
ขณะที่กิจกรรมการผลิตในภูมิภาคนิวยอร์กแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอที่ต่อเนื่องในเดือนนี้ ตามตัวเลขล่าสุดที่เผยแพร่โดยธนาคารกลางนิวยอร์กที่ระบุเมื่อวันจันทร์ว่า ผลสำรวจภาคการผลิต Empire State เพิ่มขึ้นเป็น -14.3 ในเดือนเมษายน หลังจากอยู่ที่ -20.9 ในเดือนมีนาคม ข้อมูลนี้ยังคงแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยคาดการณ์ไว้ที่ -9
Richard Deitz ที่ปรึกษาด้านการวิจัยทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางนิวยอร์กกล่าวว่ากิจกรรมการผลิตยังคงหดตัวในรัฐนิวยอร์กในเดือนเมษายน และการจ้างงานยังคงลดลงต่อไป ขณะที่ความมั่นใจเกี่ยวกับแนวโน้มสภาวะธุรกิจในอนาคตยังคงซบเซา
องค์ประกอบของรายงานแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอในวงกว้างของภาคการผลิตในภูมิภาค
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น -16.2 จากเดือนมีนาคมที่ -17.2 ขณะที่ดัชนีการขนส่งลดลงลึกเข้าไปในดินแดนติดลบที่ -14.4 ลดลงจาก -6.9 ในเดือนที่แล้ว
รายงานระบุว่าดัชนีจำนวนพนักงานอยู่ที่ -5.1 และดัชนีชั่วโมงทำงานเฉลี่ยเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยที่ -10.6 ซึ่งบ่งชี้ถึงการลดลงอย่างต่อเนื่องของระดับการจ้างงานและชั่วโมงทำงาน
รายงานยังแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยดัชนีราคาจ่ายเพิ่มขึ้นห้าจุดเป็น 33.7 บ่งชี้ว่าการเพิ่มขึ้นของราคาปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และดัชนีราคาที่ได้รับยังคงทรงตัวที่ 16.9
ตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นถือเป็นปัจจัยลบที่อาจเกิดขึ้นกับทองคำ เนื่องจากอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงนโยบายการเงินที่เข้มงวด และชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนานกว่าที่คาดไว้
Caroline Bain หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ Capital Economics ระบุว่าความผันผวนของราคาทองคำที่สูงกว่า $2,400 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาจเป็นจุดสูงสุดของปีสำหรับโลหะมีค่า เนื่องจากตลาดปรับความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงนโยบายการเงินที่เข้มงวดไว้นานกว่าที่คาดไว้
โดยรายงานที่เผยแพร่ออกมาระบุว่าแม้เธอจะมีมุมมองในแง่บวกต่อทองคำในปีนี้ แต่ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างเกินความคาดหมาย และเธอคาดว่าราคาจะปรับตัวลดลงภายในสิ้นปี
Bain กล่าวในบันทึกการวิจัยล่าสุดของเธอว่า “การพุ่งขึ้น 16.5% ของราคาทองคำตั้งแต่ต้นปีดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นเรื่อยๆ รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์และตัวเลข CPI เดือนมีนาคมเมื่อวันพุธ ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นในระยะยาว ตรงกับช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วย”
Bain กล่าวว่าแม้ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความวุ่นวายที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง จะสร้างความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ใช่แนวโน้มที่ยั่งยืน สินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ เช่น ฟรังก์สวิส ไม่ได้มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และยังคงมีกระแสเงินไหลออกอย่างต่อเนื่องจากกองทุน ETF ทองคำในยุโรป
Blain กล่าวว่าปัจจัยผลักดันที่ใหญ่ที่สุดสำหรับทองคำในปีนี้ ซึ่งช่วยให้โลหะมีค่าฝ่าฟันแรงต้านจากความคาดหวังด้านนโยบายการเงินที่เปลี่ยนแปลงซึ่งคือความต้องการทองคำแท่งทางกายภาพในจีน
เธอตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ค่าพรีเมียมในตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Gold Exchange) ทำสถิติสูงสุดเมื่อเทียบกับราคาที่จดทะเบียนในลอนดอน อย่างไรก็ตาม เธอคาดว่าความต้องการจะอ่อนแอลงจนถึงสิ้นปี
“ความสนใจของนักลงทุนจีนในทองคำไม่น่าแปลกใจนัก เนื่องจากโอกาสในการลงทุนที่มีศักยภาพในจีนแคบลง เนื่องจากการปรับตัวลดลงของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ และราคาหุ้นที่ดิ่งลงในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา กระนั้น เรามองว่าความคลั่งไคล้ของจีนในทองคำจะค่อยๆ หมดไปในที่สุด และปัจจัยขับเคลื่อนแบบดั้งเดิมมากขึ้นจะเข้ามาแทนที่ในช่วงปลายปี ส่วนหนึ่งของมุมมองนี้ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ของเราที่ว่าหุ้นจีนจะฟื้นตัวบางส่วนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”
รัฐบาลสหรัฐฯ อาจถูกล่อใจให้ควบคุมราคาทองคำ แต่การทำเช่นนั้นจะเป็นเพียงการผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้น ตามรายงาน GREED & fear ฉบับล่าสุดจาก Christopher Wood หัวหน้ากลยุทธ์หุ้นประจำภูมิภาคของ Jeffries
Wood ระบุว่ามีแรงจูงใจที่ชัดเจนของธนาคารกลางในการพยายามจัดการราคาทองคำ
“เมื่อเวลา 15.00 น. ตามเวลานิวยอร์กเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีการขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้ามูลค่า $1.6 พันล้าน ในเวลาประมาณสามนาที ซึ่งกดราคาทองคำแท่งลงชั่วคราว” เขาชี้ให้เห็น และแม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่เขาตั้งข้อสังเกตว่า “ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมากไปกว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น”
ในขณะที่ปัจจัยขับเคลื่อนของการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันค่อนข้างชัดเจน แต่ปัจจัยขับเคลื่อนระยะใกล้ของการพุ่งขึ้นของทองคำในปัจจุบันยังไม่ชัดเจนนัก
“อย่างน้อยในตอนนี้ ยังคงมีการไหลเข้าของเงินลงทุนสู่กองทุน ETF ทองคำในโลกตะวันตกที่น่าสังเกตอย่างมาก แต่กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ยังไม่มีหลักฐานแสดงถึงการเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของยอดขายเหรียญทองคำบูลเลี่ยน American Eagle ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐฯ”
Wood ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า แม้จะมีการปรับตัวขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่หุ้นเหมืองทองคำ “ก็ยังไม่ได้มีผลงานเหนือกว่าทองคำแท่งในระดับที่ปกติคาดว่าจะเกิดขึ้นในตลาดกระทิงที่กำลังคึกคัก” เหมือนที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2001-2011 “หุ้นเหมืองทองคำยังคงถูกมากเมื่อพิจารณาจากราคาทองคำในปัจจุบัน”
Wood กล่าวว่าเป็นที่น่าประทับใจที่ทองคำยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่โดยไม่มีการไหลเข้าของ ETF ในโลกตะวันตก “ในขณะที่ประเด็นหลังนี้เน้นย้ำอย่างชัดเจนว่ามีความเสี่ยงต่อการพุ่งขึ้นในปัจจุบัน ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดน่าจะยังคงเป็นความพยายามอย่างเป็นทางการในการจัดการราคาให้ลดลง”
เขากล่าวว่าประเด็นที่แท้จริงไม่ใช่ว่าทำไมทองคำถึงขึ้นในขณะนี้ แต่เป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงไม่ได้ขึ้นมากกว่านี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อธนาคารกลางกลุ่ม G7 ในยุคของการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quanto Easing) มีส่วนร่วมในการสร้างเงินมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นในการขยายตัวอย่างมากของงบดุลของพวกเขา”
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมืองจริงฟรี $50, 000 ดอลลาร์!💰
แนวโน้มเทคนิคราคาทองคำวันนี้
ราคาทองคำอยู่ที่ระดับ $2,382 โดยในภาพรวม ราคายังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ซึ่งเห็นได้จากราคาที่อยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA ทั้ง 3 เส้น
อย่างไรก็ตาม ราคาอาจจะย่อตัวลงมาทดสอบแนวเส้น EMA 12 ซึ่งจะเป็นการปรับฐานในระยะสั้น โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่เส้น EMA 26 บริเวณ $2,359 หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้ คาดว่าจะเห็นการดีดกลับขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ $2,432 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของราคาก่อนหน้า
ทั้งนี้ เครื่องมือ Stoch RSI ซึ่งวัดภาวะ Overbought/Oversold ก็ปรับตัวลดลงจากระดับ Overbought และส่งสัญญาณ Bearish Divergence เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดของราคา แสดงถึงแรงซื้อที่ลดลงในระยะสั้น แต่เมื่อพิจารณาเครื่องมือ RSI กลับพบว่า กำลังวกตัวขึ้นจากแนวรับอีกครั้ง จึงมีโอกาสที่ราคาจะสานต่อขาขึ้นได้หลังจากการพักฐาน
โดยสรุป แนวโน้มของราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น โดยมีสัญญาณการพักฐานในช่วงสั้น ถ้าราคาสามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ $2,359 ได้ จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ $2,400 อย่างไรก็ตาม หากราคาสามารถผ่านแนวต้านนี้ได้ ก็จะกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ $2,432 ได้ในอนาคต แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าราคาร่วงหลุดแนวรับที่ $2,359 ลงมา ก็อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวในระยะสั้น โดยมีแนวรับถัดไปที่ระดับ $2,323
กราฟทองคำระดับ 4 ชั่วโมง
แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,359 และ $2,323
แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,400 - $2,432
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน