วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 12 มี.ค. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2568 ราคาทองคำ XAU/USD ราคาทองคำปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างในวันอังคาร โดยล่าสุดอยู่ที่ 2,915 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นกว่า 1% ท่ามกลางความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น ขณะที่นักลงทุนมองข้ามตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ที่เติบโตขึ้น โดยเลือกที่จะหันมาสะสมทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยแทน ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ทั้งนี้ แม้สหรัฐฯ และแคนาดาจะผ่อนคลายการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกัน แต่มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าอลูมิเนียมและเหล็กของประธานาธิบดี Trump ก็จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้
ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ส่งผลกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลดลง กลายเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำให้สูงขึ้น นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า ตลาดจับตาดูข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะประกาศในวันนี้ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งอาจเป็นตัวชี้นำทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และส่งผลต่อราคาทองคำในระยะต่อไป
ด้านแรงงานสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง แต่ตัวเลขเงินเฟ้ออาจกดดัน FED ลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หนุนทองทะลุ 3,000 ดอลลาร์
ตัวเลขตำแหน่งงานว่างของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 7.74 ล้านตำแหน่ง จากเดิม 7.51 ล้านตำแหน่งในเดือนธันวาคม ตามรายงาน JOLTS ของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 7.65 ล้านตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง นักเศรษฐศาสตร์บางรายเชื่อว่าการมีตำแหน่งงานว่างจำนวนมากจะช่วยลดความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังคงผันผวนสูงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่ราคาเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับ 2,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำยังคงทำผลงานได้ดีกว่าตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยล่าสุดราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า
ขณะที่ James Hyerczyk นักวิเคราะห์จาก FX Empire ระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI และ PPI ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้อาจผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวขึ้นในรอบใหม่ของราคาทองคำ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
ด้านนโยบายการค้าของประธานาธิบดี Trump ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมา ทั้งการขึ้นภาษีและเลื่อนการเก็บภาษีกับแคนาดาและเม็กซิโก ในขณะที่เพิ่มภาษีสินค้าจากจีน ได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดโลก จีนและแคนาดาตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ เช่นกัน เพิ่มความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ประกอบกับการที่ประธานาธิบดี Trump กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ยิ่งส่งผลให้ความกังวลของนักลงทุนเพิ่มสูงขึ้น
Scott Bessent รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ อธิบายสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันว่าเป็น “ช่วงเวลาการล้างพิษ” อันเนื่องมาจากการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายยังคงสงสัยถึงโอกาสที่จะเกิดภาวะถดถอย มุมมองที่หลากหลายนี้ทำให้ทองคำได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางสภาวะตลาดที่ผันผวน
ตลาดคาดการณ์ว่า FED อาจลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง FED อาจจำเป็นต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง ซึ่งจะจำกัดโอกาสการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ เนื่องจากทองคำไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
วิกฤตตลาดหุ้นซึมลึก ทองคำแสดงศักยภาพความเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ความกังวลว่าสงครามการค้าโลกจะผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ได้กระตุ้นให้เกิดการขายหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยดัชนี S&P 500 ลดลง 8.9% จากจุดสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะเดียวกัน ราคาทองคำมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าตลาดหุ้นโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ
การวิเคราะห์จาก Kitco News แสดงให้เห็นว่าทองคำโดยทั่วไปมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อ S&P 500 เผชิญกับการปรับฐานที่ 10% ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 และการตกต่ำของตลาดจากโควิด-19 ดัชนี S&P 500 ลดลงเฉลี่ยระหว่าง 10% ถึง 15% ในขณะที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% ถึง 5% โดยในบางกรณีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่านั้นในช่วงที่ตลาดลดลงอย่างรุนแรงที่สุด
กองทุน ETF ทองคำไหลเข้าต่อเนื่อง นักวิเคราะห์มั่นใจทองทะลุ 3,000 ดอลลาร์ปีนี้
George Milling-Stanley หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านทองคำที่ State Street Global Advisors คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะยังคงได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนหันมาลงทุนในกองทุน ETF ที่อิงกับทองคำเพื่อปกป้องเงินทุนของพวกเขา ในเดือนที่แล้ว ขณะที่ S&P 500 เริ่มปรับตัวลดลง SPDR Gold Shares ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเงินไหลเข้า 1.9 พันล้านดอลลาร์ในหนึ่งวัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่าสามปี
“นักลงทุน ETF มาร่วมวงช้าไปหน่อย แต่ผมดีใจที่พวกเขาเข้าร่วมในที่สุด” Milling-Stanley กล่าว “ผมคิดว่ามีโอกาสดีมากที่เราจะเห็นความต้องการด้านการลงทุนเติบโตต่อไป เหตุผลเบื้องหลังการปรับตัวขึ้นของทองคำไม่ได้หายไป พวกมันแค่แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน”
Ryan McIntyre ผู้จัดการที่ Sprott Inc. ระบุว่าตลาดหุ้นมีมูลค่าสูงเกินจริงตามตัวชี้วัดต่างๆ มาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นการปรับฐานที่สำคัญนี้ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการขึ้นภาษีและสงครามการค้าโลกกำลังเป็นเชื้อเพลิงให้กับการขายหุ้น ข้อพิพาททางการค้าที่เปิดและปิดระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโกทำให้บริษัทต่างๆ วางแผนระยะยาวได้ยาก
โดยความไม่แน่นอนนี้มีผลเชิงลบต่อการลงทุนด้านเงินทุน และจะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของสินทรัพย์หลายประเภท ยกเว้นทองคำ
แม้ว่าทองคำอาจจะเผชิญกับแรงกดดันจากการขายบ้าง แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการปรับฐาน จะเป็นโอกาสในการซื้อ Bart Melek หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ TD Securities กล่าวในบันทึกล่าสุดว่าเขาอาจเห็นราคาทองคำลดลงไปอยู่ที่ 2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้นกดดันราคา อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่มเติมว่าแนวโน้มการปรับตัวขึ้นในระยะยาวของทองคำยังคงอยู่ และเขาคาดว่าราคาจะทะลุ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีนี้
“เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่สูงกว่าเป้าหมาย ซึ่งขับเคลื่อนโดยภาษีนำเข้า แรงกดดันด้านค่าจ้าง และนโยบายการย้ายถิ่นฐานที่เข้มงวด พร้อมด้วย FED ที่จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินในที่สุดเพื่อให้บรรลุภารกิจการจ้างงานสูงสุด น่าจะทำให้ทองคำเคลื่อนไหวในช่วงการซื้อขายที่ยั่งยืนเหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ปี 2025 เริ่มต้นขึ้น” Melek กล่าว
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาปัจจุบันอยู่ที่ $2,915 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่ $2,890 อย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อพิจารณาจากแท่งเทียนล่าสุดในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง เราเห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของราคาทองคำที่สามารถดีดตัวกลับขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 12 (เส้นสีแดง) และ EMA 26 (เส้นสีฟ้า) ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับแนวโน้มในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเส้น EMA 12 ที่ตัดกับเส้น EMA 26 จากด้านล่างขึ้นด้านบน (Golden Cross) ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น
ดัชนี RSI ก็ได้ปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจนและข้ามระดับ 50 ขึ้นมาแล้ว แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจากภาวะ bearish กลับสู่ภาวะ bullish ในระยะสั้น
นอกจากนี้ เส้น Stochastic ก็ มีการไขว้กันขึ้นและเคลื่อนตัวสู่โซนบน ยืนยันถึงแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นและโมเมนตัมเชิงบวกในตลาด การที่ทั้งสองอินดิเคเตอร์แสดงสัญญาณไปในทิศทางเดียวกันเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังเกิดขึ้น
จากการกลับตัวขึ้นนี้ แนวรับสำคัญจะอยู่ที่เส้น EMA ทั้งสองซึ่งอยู่ประมาณ $2,920 จนถึงบริเวณ 2,900 โดยมีแนวรับถัดไปที่ $2,890และ $2,880 ตามลำดับ ส่วนแนวต้านในระยะสั้นอยู่ที่ $2,920, $2,930 และ $2,940
สำหรับการคาดการณ์ใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ $2,920 ก่อน หากสามารถทะลุผ่านได้ก็จะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $2,930 อย่างไรก็ตาม เราอาจเห็นแรงขายทำกำไรบริเวณแนวต้านเหล่านี้ซึ่งอาจทำให้ราคาย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับที่ $2,900 อีกครั้ง
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,910
$2,900
$2,890
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,920
$2,940
$2,960
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน