วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 15 ส.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ราคาทองคำยังคงไม่สามารถผ่านจุดสูงสุดตลอดกาล โดยล่าสุดราคาอยู่ในระดับ $2,450 ในเช้าวันนี้ หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ออกมาดูเหมือนจะเป็นใจ กลับกัน การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐกลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนราคาทองคำ ขณะนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยออกมาเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีก จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ ดัชนีภาคการผลิตของเฟดฟิลาเดลเฟีย และการผลิตภาคอุตสาหกรรม
ตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดกำลังคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลงในเดือนกรกฎาคม
เมื่อวันที่ผ่านมา ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนกรกฎาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อรายปีอยู่ที่ 2.9% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 3.0% ในเดือนมิถุนายน ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และ 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงนี้ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดค่อนข้างผันผวนในช่วงแรกหลังการประกาศตัวเลข โดยราคาทองคำปรับตัวลดลงในทันทีหลังการเปิดเผยข้อมูล CPI
Phillip Streible หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ Blue Line Futures กล่าวว่า ความคาดหวังในตลาดได้เปลี่ยนไปในทิศทางที่ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% ซึ่งอาจทำให้แรงส่งของตลาดทองคำลดลงบ้าง ปัจจุบัน ตลาดการเงินคาดการณ์ว่ามีโอกาสประมาณ 41% ที่ เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมเดือนกันยายน ลดลงจากระดับ 50% ก่อนหน้าการเปิดเผยตัวเลข CPI ตามข้อมูลจาก CME FedWatch Tool
ทางด้านเจ้าหน้าที่เฟดก็ได้แสดงความเต็มใจที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน แต่ก็ยังระมัดระวังที่จะไม่ผูกมัดตัวเองกับกำหนดเวลาหรืออัตราการปรับลดดอกเบี้ยที่แน่นอน Raphael Bostic ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ได้กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า เขาต้องการเห็นหลักฐานเพิ่มเติมก่อนที่จะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ความเสี่ยงของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินของ Fed
ทางด้าน Danielle DiMartino Booth ซีอีโอและหัวหน้านักกลยุทธ์ของ QI Research เตือนว่าหากเฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน อาจส่งผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อตลาด เนื่องจากอาจเป็นการยืนยันสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่นักลงทุนกังวล
DiMartino Booth อธิบายว่า หาก Fed ออกมาประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินในตอนนี้ อาจเป็นการยืนยันความกลัวที่สุดของนักลงทุน นักลงทุนอาจมองว่า เฟดคิดว่าสถานการณ์แย่มากจนต้องทำบางอย่างที่ปกติแล้วจะสงวนไว้สำหรับช่วงวิกฤตการเงินเท่านั้น แต่การปรับตัวลดลงเล็กน้อยในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่ใช่สิ่งที่เฟดจะพิจารณาว่าเป็นเหตุผลที่เพียงพอในการออกมาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม DiMartino Booth ระบุว่ามีสถานการณ์หนึ่งที่อาจทำให้เฟดเปิดรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน นั่นคือความเสี่ยงของตลาดเครดิต นั่นจะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ความกังวลของประธานเฟด Jerome Powell คือ หากการออกพันธบัตรหยุดชะงัก ซึ่งอยู่ในขอบเขตอำนาจของเฟด และหากเราเริ่มเห็นสภาพคล่องในตลาดเครดิตเริ่มขาดแคลน นั่นอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เฟดถูกกระตุ้นให้ออกมาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน
อีกทั้ง DiMartino Booth เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังอยู่ในภาวะถดถอยแล้ว เธอแสดงความกังวลว่าการขายทำกำไรในตลาดอาจรุนแรงขึ้นในช่วงเดือนต่อจากนี้ โดยเฉพาะหากตัวเลขเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอและเฟดยังคงชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ความไม่แน่นอนทางการเมืองโลกยังคงหนุนราคาทองคำ
ขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินอยู่อาจส่งผลให้เกิดกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งเป็นผลดีต่อราคาทองคำ โดยล่าสุด อิหร่านได้ปฏิเสธคำเรียกร้องจากสหราชอาณาจักรและประเทศตะวันตกอื่นๆ ที่ขอให้ยับยั้งการตอบโต้อิสราเอล หลังจากเกิดเหตุลอบสังหาร Ismail Haniyeh ผู้นำกลุ่มฮามาสในกรุงเตหะราน เมื่อเดือนที่ผ่านมา ตามรายงานของ BBC
สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางนี้ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังและหันมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่เกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ
ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบหลายทศวรรษ
Scott Bauer ซีอีโอของ Prosper Trading Company กล่าวว่า ทองคำมีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดในรอบหลายทศวรรษในปี 2024 โดยราคาได้พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $2,483.35 แม้ว่าตอนนี้ราคาจะยังไม่สามารถกลับไปทะลุแนวต้านที่ $2,480 ได้ หลังจากทดสอบมาแล้วใน 3 ครั้งก่อนหน้านี้ แต่เขาเชื่อว่าเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นที่ราคาจะสามารถทะลุขึ้นไปเหนือระดับ $2,500 ได้
Bauer กล่าวว่า ตลาดโลหะมีค่ามีความผันผวนอย่างมากในปีนี้ โดยมีทองคำ เงิน และทองแดงเป็นตัวนำ แนวโน้มของโลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรมดูเหมือนจะเป็นบวก เนื่องจากความต้องการทองคำและเงินพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
Bauer ระบุว่าปัจจัยสำคัญที่ผลักดันมุมมองเชิงบวกต่อโลหะมีค่าคือความคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดย CME FedWatch Tool แสดงให้เห็นว่า Wall Street ได้คาดการณ์โอกาส 100% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน และโอกาสประมาณ 80% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐยังเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เนื่องจากทำให้สามารถซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ได้ในปริมาณที่มากขึ้นด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ และผู้ถือครองสกุลเงินอื่นๆ สามารถซื้อดอลลาร์สหรัฐได้มากขึ้นด้วยเงินสกุลของตนเอง
ธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มการถือครองทองคำ
ข้อมูลจาก World Gold Council (WGC) แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางทั่วโลกได้ซื้อทองคำในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยในปี 2023 ธนาคารกลางได้ซื้อทองคำรวม 1,037 ตัน นำโดยประเทศจีน นอกจากนี้ ผลสำรวจประจำปีของ WGC ยังพบว่า 29% ของธนาคารกลางคาดว่าจะเพิ่มปริมาณทองคำสำรองของตนในอีก 12 เดือนข้างหน้า
การเพิ่มการถือครองทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกนี้สะท้อนถึงความต้องการกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง ทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและสามารถรักษามูลค่าได้ในระยะยาว
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำกำลังแสดงสัญญาณพักฐานอีกครั้ง โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ระดับ $2,450 จากการวิเคราะห์กราฟราย 4 ชั่วโมง จะเห็นได้ว่าราคาทองคำกำลังเคลื่อนตัวอยู่ระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 12 (สีแดง) และ EMA 26 (สีฟ้า) ซึ่งจะเป็นกรอบการบีบราคาระยะสั้นๆ ในช่วงนี้ โดยสาเหตุของการปรับตัวลงคือการเกิด Divergence ระหว่างราคาและดัชนี RSI ในช่วงที่ผ่านมา โดยในขณะที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ RSI กลับไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงการอ่อนแรงลงของแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น
แนวรับสำคัญที่ควรจับตามองอยู่ที่ระดับ $2,437 ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci 23.6% ขณะที่แนวรับระยะถัดไปอยู่ที่บริเวณ $2,426 ก่อนจะไปถึง $2,408 ซึ่งเป็นแนวรับ Fibonacci 38.2% ซึ่งหากราคาหลุดลงมาต่ำกว่าระดับเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณของการปรับฐานที่ลึกขึ้น
ทางฝั่งของแนวต้านคือบริเวณใกล้เคียงเส้น EMA 26 ซึ่งจะอยู่ที่ $2,454 - $2,460 หากผ่านไปได้ ถึงจะมองถึงแนวต้านถัดไปบริเวณ $2,474
ในภาพรวม คาดว่าราคาทองคำจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ $2,437 - $2,460 ในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า โดยมีโอกาสที่จะทดสอบแนวต้านที่ $2,460 อีกครั้ง หากสามารถผ่านแนวต้านนี้ไปได้ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ $2,474
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,437
$2,426
$2,408
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,460
$2,474
$2,483
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน