วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 24 ต.ค. 2567

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,758 ดอลลาร์สหรัฐในวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น และดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน

ความเสี่ยงในตลาดเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันไปถือครองสกุลเงินปลอดภัย แต่น่าสนใจที่ไม่รวมถึงทองคำซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 65 basis points นับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 basis points เมื่อวันที่ 18 กันยายน ท่ามกลางความกังวลว่าการกลับมาของประธานาธิบดี Trump อาจสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อและส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ

Thomas Hayes ประธานบริษัท Great Hill Capital ในนิวยอร์กได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจว่าการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นสะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่จะมีรัฐบาลที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจเข้ามาบริหารประเทศ และมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายที่อาจก่อให้เกิดการขาดดุล ซึ่งประเด็นนี้ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะในแง่ของผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว

นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่าตลาดกำลังให้น้ำหนักกับความเป็นไปได้ที่อดีตประธานาธิบดี Donald Trump จะสามารถเอาชนะรองประธานาธิบดี Kamala Harris ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากข้อมูลของเว็บไซต์พนันต่างๆ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลว่านโยบายการใช้จ่ายที่อาจก่อให้เกิดการขาดดุล การใช้มาตรการภาษีศุลกากร และแผนการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่ของ Trump อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อรอบใหม่

ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มผ่อนคลายลงบ้าง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง 0.77% มาอยู่ที่ 70.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากความไม่แน่นอนในภูมิภาคนี้ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลก

ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัว แม้ยอดขายบ้านมือสองยังชะลอ

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) รายงานว่ายอดขายบ้านมือสองในเดือนกันยายน ปรับตัวลดลง 1.0% สู่ระดับ 3.84 ล้านยูนิตต่อปี เมื่อปรับตามฤดูกาล ตัวเลขดังกล่าวดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่จะลดลง 1.3% สู่ระดับ 3.80 ล้านยูนิต โดยตัวเลขของเดือนสิงหาคมได้รับการปรับแก้เพิ่มขึ้นเป็น 3.88 ล้านยูนิต จากที่รายงานครั้งแรกที่ 3.86 ล้านยูนิต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายลดลง 3.5% จากเดือนกันยายน 2023

Lawrence Yun หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NAR ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่าแม้ยอดขายบ้านจะทรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 4 ล้านยูนิตต่อปีในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่ปัจจัยที่มักส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของยอดขายบ้านกำลังพัฒนาในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ของตัวเลือกที่มากขึ้นสำหรับผู้บริโภค อัตราดอกเบี้ยจำนองที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว และการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รายงานระบุว่ายอดขายบ้านมือสองในเดือนกันยายนปรับตัวลดลงทั้งเมื่อเทียบรายเดือนและรายปีในภูมิภาคใต้ มิดเวสต์ และตะวันออกเฉียงเหนือ แต่กลับเพิ่มขึ้นในภูมิภาคตะวันตก สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของพลวัตตลาดที่อยู่อาศัยในแต่ละภูมิภาค

แบงก์ชาติแคนาดาปรับลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ 50 basis points ตามรอยเฟด พร้อมส่งสัญญาณลดต่อเนื่อง

ธนาคารกลางแคนาดา (Bank of Canada) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งสำคัญ 50 basis points ลงมาอยู่ที่ 3.75% จากระดับ 4.25% ซึ่งเป็นการปรับลดตามรอยธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยอัตราดอกเบี้ยธนาคาร (Bank Rate) อยู่ที่ 4.00% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (Deposit Rate) อยู่ที่ 3.75% การตัดสินใจดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด หลังจากอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือนกันยายน โดยตลาดได้ให้น้ำหนักความน่าจะเป็นถึง 92% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้

ธนาคารกลางแคนาดาคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ระดับ 1.2% ในปี 2024 ตามด้วย 2.1% ในปี 2025 และ 2.3% ในปี 2026 พร้อมระบุในรายงานนโยบายการเงินว่า “เมื่ออัตราเงินเฟ้อกลับมาอยู่ที่ระดับเป้าหมายประมาณ 2% คณะกรรมการนโยบายการเงินจึงตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 50 basis points เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้กับจุดกึ่งกลางของช่วง 1% ถึง 3% หากเศรษฐกิจพัฒนาไปตามที่คาดการณ์ไว้ในประมาณการล่าสุด เราคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม”

Stephen Brown รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อเมริกาเหนือจาก Capital Economics ได้ให้ความเห็นว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 basis points อีกครั้งในเดือนธันวาคม ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 3.25% ภายในสิ้นปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของช่วงอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง (Neutral Range) ที่ธนาคารกลางประเมินไว้ที่ 2.25% ถึง 3.25%

Brown ยังคาดการณ์เพิ่มเติมว่า “หลังจากนั้น เราคาดว่าธนาคารกลางจะเปลี่ยนมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 25 basis points จนกระทั่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ 2.25% ภายในกลางปี 2025 อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงต่อการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายนี้ดูเหมือนจะเอนเอียงไปในทิศทางขาลง”

นักวิเคราะห์ชี้จุดพลิกผันทองคำที่ $2,590 พร้อมคาดการณ์แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง

Kelvin Wong นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับทิศทางราคาทองคำ โดยระบุว่าระดับ $2,590 เป็นแนวรับสำคัญในระยะกลาง หากราคาไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจส่งผลให้เกิดการปรับฐานในระยะหลายสัปดาห์ลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,484 และ $2,360 อย่างไรก็ตาม Wong ไม่คาดว่าทองคำจะเผชิญกับการปรับฐานครั้งใหญ่ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากโมเมนตัมเชิงบวกที่แข็งแกร่ง โดยสังเกตได้จากราคาทองคำที่ซื้อขายเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันและ 50 วัน อีกทั้งตัวชี้วัดโมเมนตัมต่างๆ ก็ยังคงแสดงแนวโน้มขาขึ้น Wong ได้ตั้งเป้าแนวต้านสำคัญถัดไปที่ระดับ $2,850

นอกเหนือจากปัจจัยทางเทคนิค Wong ยังชี้ให้เห็นว่าทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยการพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ของทองคำดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของ “Trump Trade” รอบใหม่ เนื่องจากตลาดเริ่มให้น้ำหนักกับความเป็นไปได้ที่อดีตประธานาธิบดี Donald Trump จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน

Wong ยังเน้นย้ำว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไม่ได้ตอบสนองเพียงแค่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นและความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่น่าสนใจ

จากการวิเคราะห์กราฟราคาทองคำในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง พบว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยเกิดการทดสอบแนวต้านสำคัญที่บริเวณ $2,760 แต่ไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ ส่งผลให้เกิดการอ่อนตัวลงในระยะสั้น

เมื่อพิจารณาจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ พบว่า EMA 12 และ EMA 26 ยังคงวางตัวเหนือ EMA 200 ซึ่งสะท้อนแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหลุดลงมาต่ำกว่า EMA 12 และ EMA 26 ในช่วงล่าสุด อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการอ่อนตัวในระยะสั้น

ดัชนี RSI ได้ส่งสัญญาณ Bearish Divergence โดยในขณะที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ค่า RSI กลับทำจุดสูงสุดที่ต่ำกว่าครั้งก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงการอ่อนแรงของแรงซื้อ

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตาอยู่ที่ $2,715 และ $2,685 หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับแรกได้ มีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ $2,740 และ $2,750 ตามลำดับ

คาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ $2,715 - $2,750 โดยมีแนวโน้มอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับก่อน หากไม่สามารถยืนเหนือ $2,715 ได้ อาจเห็นการปรับฐานลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,685 นักลงทุนควรติดตามการทดสอบแนวรับดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแรงซื้อที่จะเข้ามาหนุนราคา

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,715

• $2,685

• $2,671

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,740

• $2,750

• $2,760