วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 14 พ.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในวันที่ผ่านมา หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด โดยราคาทองคำแตะระดับสูงสุดของวันที่ 2,618 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนที่จะปรับตัวลดลงตามการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำจุดสูงสุดใหม่ของปีตามดัชนี US Dollar Index (DXY) โดยเช้าวันนี้ ราคาทองคำ XAU/USD เคลื่อนไหวที่ระดับ 2,561 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงกว่า 0.60%
ตลาดทองคำถูกกดดัน แม้ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เป็นไปตามคาด
เมื่อวันที่ผ่านมา สำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics - BLS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index - CPI) ในเดือนตุลาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ต่อเนื่องจากเดือนกันยายนที่เพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกัน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 2.6% ตามที่ตลาดคาดการณ์ และสูงกว่าเดือนกันยายนที่ 2.4%
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนตุลาคมตามที่คาดการณ์ไว้ และเท่ากับการเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 3.3% ซึ่งเป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์และเท่ากับตัวเลขในเดือนก่อนหน้า
ข้อมูลดังกล่าวผลให้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง แม้ว่าตลาดจะได้คำนวณความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 basis points ในการประชุมเดือนธันวาคมไว้แล้วก็ตาม โดยข้อมูลจาก CME FedWatch Tool แสดงให้เห็นว่าโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก 58% เมื่อวันก่อนเป็น 82%
ตลาดโลหะมีค่าสั่นคลอนหลังชัยชนะของ Trump นักวิเคราะห์ชี้แนวโน้มขาลงระยะสั้น
Nicky Shiels หัวหน้าฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์โลหะของ MKS PAMP วิเคราะห์ว่า หลังจากชัยชนะของ Donald Trump ในการเลือกตั้ง “animal spirits” ได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง โดยดัชนี SPX พุ่งแตะระดับ 6,000 จุด Bitcoin มุ่งหน้าสู่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่โลหะมีค่าและสินค้าโภคภัณฑ์ชะลอตัวลงชั่วคราว
ตลาดตอบสนองต่อชัยชนะของ Trump ในปี 2024 คล้ายคลึงกับปี 2016 โดยเฉพาะการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 2% ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบในปี 2016 และมีแนวโน้มที่จะขยายการปรับตัวขึ้นต่อไปจนถึงสิ้นปี อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ในครั้งนี้น้อยกว่า (น้อยกว่า 10 basis points) เมื่อเทียบกับปี 2016 (40 basis points) ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถทำผลตอบแทนได้ภายในหนึ่งสัปดาห์เท่ากับที่ใช้เวลาหนึ่งเดือนในปี 2016
ทิศทางราคาทองคำท่ามกลางความท้าทายใหม่ นักวิเคราะห์คาดเป้าหมาย 2,500 ดอลลาร์
ราคาทองคำปรับตัวลดลง 5% ในสัปดาห์แรกหลังชัยชนะของ Trump ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับปี 2016 โดย Shiels คาดการณ์ว่าระดับฐานของราคาทองคำอาจอยู่ที่ 2,420 ดอลลาร์สหรัฐฯ ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 200 วัน แม้ว่าระดับดังกล่าวอาจเป็นการประเมินที่ต่ำเกินไป ขณะที่ราคาทองแดงปรับตัวลดลงมากกว่าช่วงหลังชัยชนะของ Trump ในปี 2016 และราคาน้ำมัน WTI มีแนวโน้มเคลื่อนไหวสอดคล้องกับอดีต
Shiels ตั้งเป้าหมายราคาทองคำที่ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ แม้จะมีปัจจัยกดดันระยะสั้นหลายประการ เช่น การหายไปของข่าวร้าย การถอนตัวของนักลงทุน ETF เนื่องจากหุ้นสหรัฐฯ และการลงทุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Trump มีผลตอบแทนที่ดีกว่า การเปลี่ยนท่าทีของธนาคารกลางทั่วโลกมาเป็นแนวโน้มคุมเข้ม นโยบายสนับสนุน Bitcoin ของ Trump มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่ไม่เป็นไปตามคาด และความเป็นไปได้ในข้อตกลงสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซีย
นักวิเคราะห์ยังระบุว่า แม้จะไม่ใช่การปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้เปลี่ยนจาก “ขึ้นช้า-ลงเร็ว” (ในตลาดขาขึ้น) เป็น “ลงช้า-ขึ้นเร็ว” (ในตลาดที่กำลังลดความเสี่ยง/ตลาดขาลง) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระยะยาวควรยังคงยึดมั่นในแนวทางการลงทุนเดิม แม้ว่าในระยะสั้น ราคาอาจปรับตัวลงอีก 50-100 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ในระยะยาว ราคาไม่น่าจะลดลงถึง 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป้าหมายยังคงอยู่ที่ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ
แรงซื้อธนาคารกลางคือปัจจัยพื้นฐานหนุนทองคำระยะยาว แม้เผชิญแรงกดดันระยะสั้น
Axel Rudolph นักวิเคราะห์เทคนิคอาวุโสจาก IG ในลอนดอน ได้วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำระยะยาว โดยชี้ให้เห็นว่าการซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกได้พุ่งสูงถึงระดับประวัติศาสตร์ โดยมีการซื้อเกือบ 400 ตันในครึ่งแรกของปี 2022 ซึ่งเป็นอัตราเร็วที่สุดในรอบ 55 ปี และภายในเดือนกรกฎาคม 2024 การซื้อทั่วโลกแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 14 ปี
ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย โปแลนด์ และฮังการี ได้เพิ่มทุนสำรองทองคำอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีแรงจูงใจหลักคือการกระจายความเสี่ยง เพื่อลดการพึ่งพาสกุลเงินและพันธบัตร ในภาวะที่หนี้ทั่วโลกอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทองคำจึงทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญ
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในช่วงที่ผ่านมา ได้เพิ่มความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงตั้งแต่กลางปี 2023 แต่นักลงทุนยังคงมองว่าทองคำเป็นทางเลือกที่แข็งแกร่งในการรักษามูลค่าการลงทุน นอกจากนี้ นโยบายของ Trump ที่อาจนำไปสู่การเก็บภาษีนำเข้าระหว่าง 10-60% แม้กับพันธมิตรสหรัฐฯ อาจนำไปสู่มาตรการตอบโต้และวงจรเงินเฟ้อรอบใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ
อุปสงค์ด้านเครื่องประดับที่ฟื้นตัวหลังการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในประเทศที่ทองคำมีความสำคัญทางวัฒนธรรม เช่น อินเดียและจีน ประกอบกับการผลิตทองคำที่ค่อนข้างคงที่ในทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากข้อจำกัดด้านคุณภาพแร่ที่ลดลง การค้นพบแหล่งแร่ใหม่ที่น้อยลง และความเสี่ยงทางการเมืองในภูมิภาคผู้ผลิตหลัก รวมถึงข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ล้วนส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน
จากมุมมองการวิเคราะห์ทางเทคนิค การปรับตัวลดลง 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 6% จากระดับสูงสุดในเดือนตุลาคมที่ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 2,589 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ อาจเป็นโอกาสในการซื้อระยะยาว โดยระดับ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์อาจดึงดูดนักลงทุน เนื่องจากเส้นแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤศจิกายนกำลังให้แรงสนับสนุน อย่างไรก็ตาม หากราคาปิดรายสัปดาห์ต่ำกว่าจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ 2,546 ดอลลาร์สหรัฐฯ อาจนำไปสู่การปรับฐานที่ลึกขึ้น
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
จากการวิเคราะห์กราฟราคาทองคำรายสี่ชั่วโมง พบว่าราคาอยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาได้ปรับตัวลงแรงหลุดแนวรับสำคัญหลายระดับ มาเคลื่อนไหวที่บริเวณ 2,568 ดอลลาร์ ในปัจจุบัน
การเคลื่อนไหวของเส้นค่าเฉลี่ย EMA แสดงให้เห็นภาพขาลงที่ชัดเจน โดยเส้น EMA 12 (สีแดง) และ EMA 26 (สีฟ้า) เคลื่อนตัวลงต่ำกว่าเส้น EMA 200 (สีส้ม) ในลักษณะ Death Cross ซึ่งเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงระยะกลาง นอกจากนี้ ราคายังเคลื่อนตัวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทั้งสามเส้น บ่งชี้ถึงแรงขายที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
ค่า RSI ได้แสดงการ Bullish Divergence คือในขณะที่ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ค่า RSI กลับไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ตาม สะท้อนว่าแรงขายเริ่มอ่อนตัวลง อาจเห็นการดีดตัวกลับในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวอาจเป็นเพียงการรีบาวด์ทางเทคนิคเท่านั้น เนื่องจากแนวโน้มหลักยังคงเป็นขาลง
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตา อยู่ที่บริเวณ 2,545 และ 2,528 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 2,589 และ 2,602 ดอลลาร์ โดยเฉพาะแนวต้านที่ 2,602 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับที่มีความสำคัญทางจิตวิทยา
แนวโน้มในระยะ 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำอาจมีการดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านแรกที่ 2,589 ดอลลาร์ จากสัญญาณ Bullish Divergence ที่เกิดขึ้น แต่หากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านนี้ได้ ราคามีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 2,545 ดอลลาร์อีกครั้ง ขณะที่แนวโน้มหลักในระยะกลางยังคงเป็นขาลง จนกว่าราคาจะสามารถยืนเหนือเส้น EMA 200 ได้อย่างมั่นคง
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,568
$2,545
$2,528
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,589
$2,602
$2,623
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน