วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 19 พ.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1.80% ในช่วงต้นสัปดาห์ โดยทะยานขึ้นเหนือระดับ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 2,536 ดอลลาร์ การปะทุของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ประกอบกับการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นในวันจันทร์ โดยปัจจุบัน ราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 2,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทางด้านสถานการณ์ในตลาดหุ้น Wall Street มีความผันผวน โดยดัชนีหุ้นหลักสองในสี่ของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่อีกสองดัชนีมีความผันผวน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองคำ หลังจากการโจมตีครั้งใหญ่ของรัสเซียต่อยูเครนได้กระตุ้นให้ทำเนียบขาวต้องออกมาตอบโต้
ล่าสุด เจ้าหน้าที่สองคนได้เปิดเผยว่า ประธานาธิบดี Joe Biden ได้อนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลภายในรัสเซีย ตามรายงานของ CNN การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการส่งทหารหลายพันนายจากเกาหลีเหนือเข้าไปสนับสนุนการสู้รบของมอสโก
เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าเงิน 6 สกุลหลัก ปรับตัวลดลง 0.38% มาอยู่ที่ 106.27
ดุลยภาพใหม่ของตลาดทองคำโลก เอเชียผงาดขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำโลก
ความต้องการทองคำจากภูมิภาคเอเชียได้เปลี่ยนโฉมหน้าตลาดทองคำในปีนี้ ผลักดันราคาทองคำให้พุ่งสูงสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าตลาดจะปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา แต่อิทธิพลของเอเชียในตลาดทองคำคาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามรายงานล่าสุดจาก Dubai Multi Commodities Centre (DMCC)
DMCC ได้เน้นย้ำว่า ดูไบและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างตะวันออกและตะวันตก ตามรายงาน DMCC มองว่านี่คือจุดเริ่มต้นของ “ศตวรรษแห่งเอเชีย” สำหรับทองคำ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจทองคำใหม่ระหว่างประเทศ BRICS รวมถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
Ahmed Bin Sulayem ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ DMCC กล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ในตลาดโลหะมีค่า อันเป็นผลมาจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่ผลักดันให้ธนาคารกลางต่างๆ ซื้อทองคำในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และทำให้หลายประเทศต้องทบทวนการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ เรากำลังเห็นการก่อตัวของระเบียงทองคำใหม่ทั่วเอเชีย โดยมีดูไบเป็นศูนย์กลาง สะท้อนจากการที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำใหญ่อันดับสองของโลกในปีที่ผ่านมา”
มุมมองเชิงบวกนี้มาพร้อมกับการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในการค้าทองคำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปีนี้ โดย DMCC รายงานว่ามีมูลค่าการค้าทองคำผ่านดูไบสูงถึง 129 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นักวิเคราะห์มองราคาทองพุ่งต่อเนื่องแตะ $2,693 หลังทะลุแนวต้านสำคัญ
James Hyerczyk นักวิเคราะห์จาก FX Empire ระบุว่า การที่ราคาทองคำ Spot ทะลุแนวต้าน 2,604 ดอลลาร์ อาจผลักดันให้ราคาพุ่งขึ้นสู่ระดับ 2,653 ดอลลาร์ในระยะสั้น ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่โซนแนวต้าน Retracement ระหว่าง 2,663 ถึง 2,693 ดอลลาร์
ราคาทองคำกำลังฟื้นตัวในการซื้อขายวันจันทร์หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 6 วันทำการ เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม Hyerczyk สังเกตว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นปัจจัยกดดันการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“การฟื้นตัวนี้เกิดขึ้นขณะที่ดอลลาร์สหรัฐชะลอตัวต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบหนึ่งปีล่าสุด ทำให้ทองคำน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น”
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อทองคำยังแข็งแกร่งแม้เผชิญแรงเทขาย
George Milling-Stanley หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านทองคำของ State Street Global Advisors กล่าวว่า แม้จะมีการเทขายในปัจจุบัน แต่ตลาดทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งและยังคงมีแนวโน้มที่จะปิดท้ายปีภายใต้สถานการณ์ที่เป็นบวกตามที่เขาคาดการณ์ไว้
ก่อนหน้านี้ในช่วงไม่กี่เดือนก่อน Milling-Stanley ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ราคาทองคำในกรณีที่เป็นบวกสำหรับสิ้นปีให้อยู่ระหว่าง 2,500 ถึง 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยสถานการณ์พื้นฐานของเขาคาดว่าทองคำจะซื้อขายระหว่าง 2,200 ถึง 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
“ผมค่อนข้างตกใจกับความรุนแรงของการเทขายทองคำ แต่ผมไม่คิดว่ามันจะยั่งยืน หลังจากที่เห็นการเพิ่มขึ้น 33% ในปีนี้ ผมไม่คิดว่านักลงทุนควรกังวลมากเกินไปกับการเทขายครั้งนี้”
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงินส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สามติดต่อกันในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่านักลงทุนได้ปรับลดโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทันที 25 basis points (bps) จาก 82% เหลือ 62% ตามข้อมูลของ CME FedWatch Tool
สำหรับสัปดาห์นี้ ปฏิทินเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะมีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลด้านที่อยู่อาศัย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของ S&P Global และการอ่านค่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคฉบับสุดท้ายของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (UoM) สำหรับเดือนพฤศจิกายน
ชัยชนะของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์จากความกังวลว่าการเก็บภาษีนำเข้าและการลดภาษีอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อและอาจชะลอวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ Fed
Milling-Stanley กล่าวว่าเขาไม่คาดว่านโยบายที่อาจเกิดขึ้นของ Trump จะสนับสนุนดอลลาร์สหรัฐมากอย่างที่หลายคนเชื่อ แม้ว่าการเก็บภาษีนำเข้าที่ Trump เสนอจะช่วยสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ แต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
“หากเราเห็นสัญญาณของเงินเฟ้อ ผมคิดว่าทองคำจะตอบสนองต่อสิ่งนั้นมากกว่าสิ่งที่ Fed ทำเพื่อต่อต้านเงินเฟ้อ และทองคำมีความอ่อนไหวมากต่อเงินเฟ้อและมีความอ่อนไหวมากต่อหนี้และการขาดดุล”
ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งหมดนี้และวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินในปัจจุบัน Milling-Stanley กล่าวว่าเขายังคงคาดว่านักลงทุนตะวันตกจะยังคงเคลื่อนย้ายเงินกลับเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ที่อิงกับทองคำ
“ผมคิดว่าหลายคนได้รอคอยการปรับฐานครั้งนี้ ทองคำยังคงน่าดึงดูดใจขณะที่ Fed ยังคงลดอัตราดอกเบี้ยและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง”
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
จากการวิเคราะห์กราฟราคาทองคำในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง พบว่าราคาได้เริ่มแสดงสัญญาณฟื้นตัวที่น่าสนใจ หลังจากที่มีการปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้า โดยปัจจุบันราคาเคลื่อนตัวที่ระดับ $2,614 ซึ่งเป็นการฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ $2,537 อย่างมีนัยสำคัญ
การวิเคราะห์เชิงเทคนิคด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ พบว่าในระยะสั้นราคาได้เริ่มปรับตัวขึ้นเหนือเส้น EMA 12 (สีแดง) และ EMA 26 (สีฟ้า) ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่เริ่มกลับเข้ามาในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเส้น EMA 12 เริ่มตัดขึ้นเหนือเส้น EMA 26 (Golden Cross ระยะสั้น) ซึ่งเป็นสัญญาณยืนยันการฟื้นตัว ซึ่งยังต่อติดตามต่อไปและน่าจะเห็นความชัดเจนในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ราคายังคงเคลื่อนตัวต่ำกว่าเส้น EMA 200 ที่ระดับ $2,654 ซึ่งยังคงเป็นแนวต้านแข็งแกร่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
ดัชนี RSI หลังจากเกิด Bullish Divergence อย่างชัดเจน ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นในขณะนี้ นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นยังทำให้ค่า RSI ได้ฟื้นตัวขึ้นจากเขต Oversold และกำลังเคลื่อนตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนถึงโมเมนตัมเชิงบวกที่กำลังก่อตัวขึ้น
ในส่วนของแนวรับ แนวต้านที่สำคัญ แนวรับหลักอยู่ที่ $2,602 - $2,589 และ $2,573 - $2,554 ตามลำดับ ในขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ $2,623, $2,642 และ $2,654
โดยการเกิด Bullish Divergence ซึ่งเป็นรูปแบบกลับตัวที่มีนัยสำคัญ ประกอบกับการเกิด Bullish Engulfing Pattern ในแท่งเทียนล่าสุด ยิ่งเป็นการยืนยันสัญญาณการฟื้นตัว
คาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ $2,623 - $2,642 หากสามารถยืนเหนือแนวรับ $2,602 ได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวรับดังกล่าวได้ อาจเห็นการปรับตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,589 - $2,573 ทั้งนี้ ควรระมัดระวังการเข้าซื้อบริเวณแนวต้าน เนื่องจากแนวโน้มหลักในระยะกลางยังคงเป็นขาลง และความผันผวนในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูง
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,602
$2,589
$2,573
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,623
$2,642
$2,654
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน