​วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 11 เม.ย. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 10 เมษายน 2568 ราคาทองคำ XAU/USD พุ่งทะยานแบบหยุดไม่อยู่ ทำจุดสูงสุดตลอกกาลครั้งใหม่เหนือระดับ $3,200 ในช่วงเช้าวันศุกร์นี้

ต้องบอกว่าทองมาแรงแบบฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียว โดยปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ทองขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ก็คือค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนแอลงแบบสุดๆ บวกกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงนี้ทองถูกมองว่าเป็น Safe Heaven หรือสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนวิ่งเข้าหาเวลาที่เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน เรียกได้ว่าตอนนี้ใครที่ถือทองอยู่คงนอนหลับฝันดีกันไปแล้ว

เงินเฟ้อสหรัฐฯ เซอร์ไพรส์ CPI ลดลงแรงกว่าคาด ทำไมนักลงทุนถึงฮือฮา?

เรื่องเซอร์ไพรส์มากๆ ของสัปดาห์นี้คือตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ออกมาเย็นกว่าที่ใครๆ คาด ข้อมูลจาก US Bureau of Labor Statistics เผยว่าเงินเฟ้อ CPI เดือนมีนาคมลดลงมาอยู่ที่ 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% แถมยังลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ที่อยู่ที่ 2.8% อีกด้วย ส่วน Core CPI ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ก็ลดลงมาอยู่ที่ 2.8% จากเดิม 3.1% ในเดือนก่อน และต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.0%

ถ้าดูเป็นรายเดือน เงินเฟ้อหลักยังลดลง 0.1% ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ปัจจัยหลักมาจากราคาน้ำมันและเชื้อเพลิงที่ลดลงแรง โดยดัชนีพลังงานลดลงถึง 2.4% ในเดือนมีนาคม และราคาน้ำมันเบนซินลดลงมากถึง 6.3%

แต่อย่าเพิ่งดีใจมาก เพราะราคาอาหารยังคงเพิ่มขึ้น 0.4% ซะงั้น ข้อมูลนี้ทำให้หลายคนมองว่า Fed อาจเริ่มลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น ซึ่งปกติแล้วการลดดอกเบี้ยมักส่งผลดีต่อราคาทองคำ เพราะลดต้นทุนการถือครองทองคำไปด้วยนั่นเอง

Trump เล่นใหญ่! สงครามภาษีเดือด จีน-สหรัฐฯ เศรษฐีซวยยกแผง แต่คนถือทองยิ้มร่า

เรื่องใหญ่ที่กำลังส่งผลต่อตลาดทองคืองานนี้ Trump ไม่เล่น ประกาศขึ้นภาษีจีนแบบเดือดสุดๆ ขึ้นไปถึง 125% ทันทีแบบไม่มีให้ตั้งตัว หลังจากที่จีนประกาศจะตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ 84% เรียกได้ว่าเป็นการเปิดศึกสงครามการค้ารอบใหม่ที่เดือดกว่าเดิมหลายเท่า แม้ว่า Trump จะประกาศลดภาษีชั่วคราวกับอีกหลายประเทศ แต่กับจีนนี่ไม่มีการผ่อนปรนใดๆ ทั้งสิ้น

งานนี้เศรษฐกิจโลกส่อแววป่วนหนัก เพราะเรากำลังพูดถึงสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกที่กำลังแขวะกันไม่หยุด สถานการณ์แบบนี้ทำให้นักลงทุนกังวลสุดๆ และเมื่อไหร่ที่เขากลัว เขาก็มักจะหันไปกอดทองคำไว้แน่นๆ นั่นทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

ความไม่แน่นอนของนโยบายของ Trump ที่สัปดาห์ก่อนประกาศจะขึ้นภาษีกับหลายประเทศ แต่อาทิตย์นี้กลับบอกว่าจะระงับไว้ 90 วัน ยิ่งทำให้ตลาดปั่นป่วนหนักขึ้นไปอีก และนั่นก็เป็นข่าวดีสำหรับทองคำที่มักทำผลงานได้ดีในช่วงที่ตลาดวุ่นวาย

ตลาดแรงงานยังแกร่ง แต่ Fed เตรียมลดดอกเบี้ย มิถุนายนนี้ลุ้นหนัก

ข่าวดีอีกเรื่องคือตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่คาด โดยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ล่าสุดอยู่ที่ 223,000 ราย ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 226,000 ราย

ซึ่งบ่งบอกว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งอยู่ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 4 สัปดาห์ยังคงอยู่ที่ 223,000 ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน ส่วนผู้ที่รับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงมาอยู่ที่ 1.85 ล้านคน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.915 ล้านคน

แต่ทั้งๆ ที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า Fed จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนนี้ และอาจจะลดลงรวมกันถึง 1% ภายในสิ้นปี 2025 เลยทีเดียว

ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะช่วยหนุนให้ราคาทองพุ่งทะยานต่อไปอีก เพราะเมื่อดอกเบี้ยลดลงค่าเสียโอกาสในการถือทองก็ลดลงตามไปด้วย ทำให้ทองคำน่าลงทุนมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่ทองสามารถพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $3,200 ต่อออนซ์ หลังการประกาศตัวเลขการจ้างงานล่าสุด

กระแสทองร้อนแรง! เงินไหลเข้า ETF ทองคำทะลัก นักวิเคราะห์ชี้ยังวิ่งได้อีกยาว

ความกลัวที่เพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตช้าลงพร้อมกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น หรือที่เรียกว่าภาวะ Stagflation ได้ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำกันอย่างล้นหลาม

World Gold Council รายงานว่ากองทุน ETF ที่อิงกับทองคำทั่วโลกมีเงินไหลเข้ามากถึง 92 ตัน คิดเป็นมูลค่า 8.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนที่แล้ว และยิ่งกว่านั้น ในไตรมาสแรกของปี 2025 มีทองไหลเข้ากองทุน ETF ถึง 226 ตัน คิดเป็นมูลค่า 21 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์เมื่อคิดเป็นดอลลาร์ รองจากไตรมาสที่สองของปี 2020 เท่านั้น

ตลาดอเมริกาเหนือครองส่วนแบ่งการไหลเข้ามากที่สุดที่ 61% ตามมาด้วยยุโรป 22% และเอเชีย 16% ที่น่าสนใจคือตลาดยุโรปที่เคยซบเซาในช่วงที่ผ่านมา กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยการไหลเข้าในไตรมาสแรกอยู่ที่ 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2020 ส่วนในเอเชีย จีนและญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มีความต้องการสูงสุด ซึ่งน่าจะมาจากราคาทองที่พุ่งสูงและความเสี่ยงจากนโยบายการค้าโลก

แม้บางคนอาจกังวลว่าการพุ่งขึ้นของทองอาจไม่ยั่งยืน แต่ World Gold Council เชื่อว่าตลาดทองยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และหากเทียบกับการพุ่งขึ้นในปี 2011 และ 2020 ถือว่าสถานการณ์ปัจจุบันดูมั่นคงกว่า นักวิเคราะห์ยังเสริมว่า ความเต็มใจที่จะถือและความลังเลที่จะขาย ในสภาวะความไม่แน่นอนของนโยบายที่สุดโต่งเช่นนี้ อาจสร้างแรงขับเคลื่อนที่แท้จริง เอาเป็นว่า ถ้าคุณมีทองในมือตอนนี้ อย่าเพิ่งใจร้อนขายออกไป เพราะโอกาสที่จะวิ่งต่อยังมีอีกเยอะ

จากการวิเคราะห์ครั้งก่อนที่เราบอกว่าราคาจะไปทดสอบแนวต้าน $3,156 นั้น ตอนนี้ราคาไม่เพียงแค่ทะลุผ่านไปแล้ว แต่พุ่งทะยานไปถึง $3,211 เลยทีเดียว แบบนี้เรียกว่าทองมาแรงแบบแซงไม่เห็นฝุ่นกันเลยทีเดียว

จากกราฟจะเห็นว่า ทองคำสร้างการเคลื่อนไหวแบบเดือด ทะลุแนวต้านทุกระดับที่เราเคยคาดการณ์ไว้ ไม่ว่าจะเป็น $3,088 และ $3,156 ไปแบบสบายๆ ราคาปัจจุบันอยู่ที่ $3,211 แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่หนาแน่นมากๆ แท่งเทียนสีเขียวยาวล่าสุดก็เป็นสัญญาณยืนยันว่าใครที่ไม่ซื้อทองตอนนี้ อาจจะต้องเสียใจในภายหลัง เพราะโมเมนตัมขาขึ้นกำลังแรงสุดๆ

เส้นค่าเฉลี่ยทั้งหมดทั้งสีแดง (ระยะสั้น) และสีฟ้า (ระยะกลาง) ตอนนี้เรียงตัวกันเรียบร้อยแล้ว และราคาทองอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหมด บ่งบอกว่าทรงนี้มาแรงแบบไม่มีใครต้านไหว สังเกตว่าช่องว่างระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยกำลังขยายตัว ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง

มาดูเครื่องมือทางเทคนิคกันบ้าง ค่า RSI ได้พุ่งขึ้นมาอยู่ในโซน 70-80 แล้ว ซึ่งเริ่มเข้าสู่ภาวะ Overbought แต่ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะในช่วงตลาดกระทิงที่แข็งแกร่ง RSI สามารถอยู่ในโซนนี้ได้นานพอสมควร ส่วน Stochastic RSI ก็อยู่ในโซน Overbought เช่นกัน แสดงให้เห็นว่าโมเมนตัมการซื้อยังคงแข็งแกร่งมาก แต่ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจมีการพักฐานในระยะสั้นได้

แนวรับสำคัญตอนนี้จะอยู่ที่ $3,167 และ $3,136 หากราคามีการปรับฐานลงมา นักลงทุนควรจับตาดูว่าราคาจะสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้หรือไม่ ถ้ายืนได้ก็มีโอกาสที่ราคาจะกลับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ถ้าหลุดลงมา แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ $3,100 ซึ่งเป็นระดับสำคัญอีกจุดหนึ่ง

สำหรับแนวต้านถัดไป มองไปที่ $3,278 ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญตาม Fibonacci Extensions หากราคาทะลุผ่านระดับนี้ไปได้ เตรียมเฮกันได้เลย เพราะมีโอกาสที่ราคาจะพุ่งไปถึง $3,366 ในอนาคตอันใกล้

ในภาพรวม 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำมีโอกาสที่จะแกว่งตัวในกรอบ $3,167-$3,278 โดยมีโอกาสที่จะปรับฐานเล็กน้อยเนื่องจากเครื่องมือทางเทคนิคเริ่มเข้าสู่ภาวะ Overbought แต่แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาขึ้น นักลงทุนที่พลาดรอบที่แล้วอาจต้องรอจังหวะย่อ เพื่อเข้าซื้อ เพราะการไล่ซื้อในราคาสูงอาจเสี่ยงเกินไป

สรุปแบบสั้นๆ ว่า ทองยังแรง แต่เริ่มร้อนแล้ว อาจมีการพักตัวบ้างในระยะสั้น แต่แนวโน้มใหญ่ยังคงเป็นขาขึ้น ถ้าคุณถือทองอยู่แล้ว ก็ต้องบอกว่ากำไรนี้มีแต่จะงอกเงย แต่ถ้ายังไม่ได้เข้า ก็รอจังหวะที่ราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับก่อนค่อยเข้าซื้อจะปลอดภัยกว่า ยังไงก็ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนนะครับ

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,167

• $3,136

• $3,100

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,278

• $3,300

• $3,366