วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 8 ก.พ. 2568
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 ตลาดทองคำยังคงสร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง โดย XAUUSD พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,886 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศแผนการตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากหลายประเทศในสัปดาห์หน้า ส่งผลให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผสม กดดันเฟดชะลอลดดอกเบี้ย นักวิเคราะห์เตือนระวังผลกระทบต่อทองคำ
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด เมื่อตัวเลขการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 143,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 169,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของตลาดแรงงานกลับส่งสัญญาณแข็งแกร่งผ่านตัวเลขสำคัญอื่นๆ โดยอัตราการว่างงานปรับตัวลดลงอย่างน่าประหลาดใจเหลือเพียง 4.0% จากเดิม 4.1% ในเดือนธันวาคม ขณะที่ค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยพุ่งขึ้น 0.5% แตะระดับ 35.87 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ส่งผลให้การเติบโตของค่าจ้างในรอบ 12 เดือนอยู่ที่ 4.1%
นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมยังได้รับการปรับแก้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยตัวเลขเดือนพฤศจิกายนถูกปรับเพิ่มจาก 212,000 เป็น 261,000 ตำแหน่ง และเดือนธันวาคมถูกปรับจาก 256,000 เป็น 307,000 ตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้
Michael Brown นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Pepperstone อธิบายว่า ตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดในเดือนมกราคมอาจเป็นผลมาจากปัจจัยชั่วคราวด้านสภาพอากาศ และไม่ได้สะท้อนถึงการชะลอตัวที่แท้จริงของตลาดแรงงาน เขาเชื่อว่าข้อมูลนี้จะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มที่จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยอาจต้องรอจนถึงช่วงครึ่งหลังของปีก่อนที่จะเริ่มวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวพร้อมเงินเฟ้อ (Stagflation) กำลังเพิ่มสูงขึ้น เห็นได้จากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นเริ่มอ่อนแรงลง และระดับหนี้ที่สูงเกินไปกำลังสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน อย่างไรก็ตาม Adrian Day ซีอีโอของ Adrian Day Asset Management มองว่าราคาทองคำยังมีโอกาสพุ่งแตะระดับ 3,500 ถึง 4,000 ดอลลาร์ภายใน 12 เดือนข้างหน้า
ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าซื้อทองคำต่อเนื่อง รับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
รายงานล่าสุดจาก World Gold Council เผยว่าความต้องการทองคำทั่วโลกในปี 2024 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,974 เมตริกตัน โดยเป็นปีที่สามติดต่อกันที่ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำเกิน 1,000 ตัน ผู้ซื้อรายใหญ่ได้แก่ จีน โปแลนด์ และตุรกี สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการกระจายการถือครองสินทรัพย์ให้ห่างจากดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ
ล่าสุด ธนาคารกลางจีนรายงานการเพิ่มทองคำในคลังสำรองอีก 5 ตันในเดือนมกราคม ส่งผลให้ปริมาณทองคำสำรองเพิ่มขึ้นเป็น 2,285 ตัน อย่างไรก็ตาม สัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนยังอยู่ที่เพียง 5% ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่ายังมีโอกาสเพิ่มขึ้นไปถึง 10% เพื่อให้สอดคล้องกับระดับการถือครองของธนาคารกลางในประเทศพัฒนาแล้วนอกจากจีนแล้ว ธนาคารกลางโปแลนด์ก็เพิ่มปริมาณทองคำในคลังสำรองอีก 3 ตันในเดือนมกราคม ทำให้มีทองคำสำรองรวม 451 ตัน เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นถึง 97% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2023 โดยโปแลนด์เป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในปีที่ผ่านมา ด้วยปริมาณการซื้อถึง 90 ตัน
ผู้เชี่ยวชาญมองแนวโน้มทองคำยังสดใส รับปัจจัยบวกรอบด้าน
Joseph Cavatoni นักยุทธศาสตร์ตลาดของ World Gold Council กล่าวว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ในระดับสูง จึงไม่น่าแปลกใจที่ธนาคารกลางต่างๆ พยายามกระจายการลงทุนออกจากดอลลาร์สหรัฐฯ
“เหตุผลในการถือทองคำนั้นชัดเจนและเป็นที่เข้าใจได้ เมื่อเรามองที่อุปสงค์จากธนาคารกลาง เหตุผลของพวกเขาในการถือทองคำยังคงแข็งแกร่งมาก ภาระหนี้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นและภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงบ่งชี้ว่าธนาคารกลางจะยังคงซื้อทองคำต่อไป”
นอกจากนี้ Cavatoni ยังเชื่อว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการซื้อทองคำของธนาคารกลางตลอดปี 2025 เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนราคายังคงแข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของอุปสงค์จากธนาคารกลาง ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศ
ตลาดทองคำส่งสัญญาณเตือนภัยเศรษฐกิจโลก นักวิเคราะห์แนะจับตาปัจจัยเสี่ยง
Chris Zaccarelli หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Northlight Asset Management แสดงความเห็นว่า แม้ตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนมกราคมจะน่าผิดหวัง แต่ข้อมูลในเดือนแรกของปีมักมีความผันผวนสูง โดยเขามองว่ามีความเสี่ยงที่ใหญ่กว่าต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกเหนือจากตลาดแรงงาน
“เราคิดว่าประเด็นที่น่ากังวลมากกว่าคือเรื่องภาษีนำเข้า และเรากังวลว่าสงครามการค้าอาจรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ตั้งใจหรือแม้แต่ผลจากการคำนวณผิดพลาดระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า นี่คือสิ่งที่สามารถขัดขวางตลาดขาขึ้นและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ” แม้ Zaccarelli ยังคงมองโลกในแง่ดีอย่างระมัดระวังในช่วงต้นปี 2025 แต่ก็เห็นศักยภาพด้านลบมากขึ้นในปีนี้เมื่อเทียบกับสองปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องระมัดระวังและลดการรับความเสี่ยง
อัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทิศทางของราคาทองคำ โดย Neel Kashkari ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขา Minneapolis มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายควร “ลดลงเล็กน้อย” ขณะที่ Austan Goolsbee ประธานธนาคารกลางสาขา Chicago กล่าวว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรยังคงแข็งแกร่ง และแม้อัตราดอกเบี้ยจะลดลง แต่จังหวะการปรับลดจะ “ช้าลงด้วยความไม่ชัดเจนมากขึ้น”
ด้าน Adriana Kugler กรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อ "เคลื่อนไหวในแนวราบ" และเสริมว่า "การรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบันเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล" สะท้อนให้เห็นว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับปัจจุบันไปอีกระยะหนึ่ง
จากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดทางการค้า การถือครองทองคำที่เพิ่มขึ้นของธนาคารกลางทั่วโลก ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวพร้อมเงินเฟ้อ และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะยาว โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาทองคำมีโอกาสทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในปีนี้ แม้อาจเผชิญกับความผันผวนในระยะสั้นก็ตาม
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาได้สร้างจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ระดับ 2,886 ดอลลาร์ แต่แท่งเทียนที่เกิดขึ้น ณ จุดนี้มีลักษณะไส้บนยาว สะท้อนให้เห็นว่ามีแรงเทขายทำกำไรเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญเมื่อราคาแตะระดับสูงสุดใหม่
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเทียบกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ยังคงแสดงให้เห็นภาพแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยราคายังคงเคลื่อนไหวเหนือเส้น EMA ทั้งสามเส้นอย่างชัดเจน เส้น EMA ระยะสั้นสีแดงยังคงทำหน้าที่เป็นแนวรับเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สังเกตได้จากทุกครั้งที่ราคาย่อตัวลงมาทดสอบเส้นนี้ มักจะมีแรงซื้อเข้ามาหนุนราคาขึ้นไปใหม่
ในส่วนของดัชนีทางเทคนิค RSI กำลังเคลื่อนไหวในโซนกลาง แสดงให้เห็นว่าแรงซื้อยังไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงเกินไป ขณะที่ Stochastic RSI ยังไขว้สลับไปมาในโซนล่าง ซึ่งมักเป็นจังหวะที่ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นในระยะสั้น
แนวรับสำคัญในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 2,850 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านเดิมที่ถูกทะลุขึ้นมาและตรงกับแนวเส้น EMA 26 การที่ราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้จะเป็นสัญญาณบวกที่สำคัญ แต่หากราคาหลุดลงมา แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 2,830 ดอลลาร์
ในด้านแนวต้าน ราคากำลังเผชิญกับแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 2,880-2,890 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่มีแรงขายอยู่มาก การทะลุผ่านแนวต้านนี้ขึ้นไปได้จะเป็นสัญญาณบวกที่สำคัญและอาจนำไปสู่การทดสอบระดับ 2,900 ดอลลาร์ในระยะถัดไป
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,850
$2,830
$2,800
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,880
$2,890
$2,900
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน