วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 26 ธ.ค. 2567

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ในช่วงท้ายปี 2024 ตลาดทองคำปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางในช่วงวันหยุดเทศกาล โดยนักลงทุนจับตามองนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และนโยบายภาษีศุลกากรของว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump ที่อาจส่งผลต่อทิศทางของราคาทองคำในปีหน้า

Zain Vawda นักวิเคราะห์จาก MarketPulse by OANDA อธิบายว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงนี้มีสาเหตุหลักมาจากสภาพคล่องในตลาดที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม เขามองว่าการปรับตัวขึ้นในลักษณะเดียวกันอาจเกิดขึ้นได้อีกในปี 2025 แต่ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยหากไม่มีการหยุดชะงักทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่คาดคิด กรณีพื้นฐานคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะอยู่ที่ประมาณ 2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแรงหนุนจากความเสี่ยงที่ยังคงอยู่และความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า

ทองคำถือเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในปี 2024 จะเป็นพื้นฐานสำหรับการปรับตัวขึ้นในลักษณะเดียวกันในปี 2025 โดยได้แรงหนุนจากการซื้อของธนาคารกลางที่ยังคงดำเนินต่อเนื่อง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ

ในปี 2024 ทองคำมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 27% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 การเติบโตอย่างแข็งแกร่งนี้มีปัจจัยสนับสนุนจากหลายด้าน ทั้งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน พฤศจิกายน และธันวาคม

ทองคำเผชิญความท้าทายจากนโยบายใหม่ของ Trump และท่าที Fed ในครึ่งปีแรกปี 2025

การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำเริ่มชะลอตัวลงในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน เมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นท่ามกลาง “Trump euphoria” ซึ่งส่งผลกระทบต่อการปรับตัวขึ้นของทองคำ การที่ Trump เตรียมกลับสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม ทำให้นักลงทุนสหรัฐฯ กำลังเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญในปี 2025 รวมถึงการขึ้นภาษีศุลกากร การผ่อนคลายกฎระเบียบ และการเปลี่ยนแปลงภาษี ซึ่งทั้งหมดอาจมีนัยยะด้านเงินเฟ้อ

Frank Watson นักวิเคราะห์โลหะมีค่าจาก Kinesis Money กล่าวว่า หากนโยบายภาษีศุลกากรมีผลบังคับใช้จริง จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีข้อจำกัดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง และเราได้เห็นตลาดปรับลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับปี 2025 ลงแล้ว

แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างมุ่งมั่นในเดือนกันยายน พฤศจิกายน และธันวาคม แต่ก็ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในปี 2025 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างดื้อรั้น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์คาดทองแตะ 3,000 ดอลลาร์ในครึ่งหลังปี 2025 หลังผ่านช่วงพักฐาน

การปรับตัวขึ้นเป็นประวัติศาสตร์ของทองคำในปี 2024 ยังไม่จบลง แต่นักวิเคราะห์หลายรายเตือนนักลงทุนให้ควบคุมความสนใจในการเข้าซื้อ อย่างน้อยในช่วงครึ่งแรกของปี นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าราคาทองคำจะแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีหน้า แต่การปรับตัวขึ้นอาจไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ในขณะเดียวกัน เมื่อราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 2,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป้าหมายของปีหน้าจะแสดงถึงการเพิ่มขึ้นประมาณ 13% เมื่อเทียบกับการปรับตัวขึ้นเกือบ 30% ในปีนี้

Chantele Schieven หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Capitalight Research กล่าวว่า ตลาดทองคำอยู่ในโหมดรอดูสถานการณ์ขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินสุขภาพของเศรษฐกิจที่กำลังต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ดื้อรั้น ในขณะเดียวกัน ตลาดกำลังพยายามประเมินความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนในขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump เตรียมเข้ารับตำแหน่งบริหารประเทศ

แม้ว่าทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบนับตั้งแต่ราคาพุ่งขึ้นสูงสุดในช่วงปลายเดือนตุลาคม Schieven สังเกตว่าตลาดยังคงรักษาระดับไว้ได้แม้จะเผชิญกับแรงกดดันที่สำคัญ ในการเข้าสู่ปีใหม่ ทองคำสามารถรักษาแนวรับสำคัญที่ระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไว้ได้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณในการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปี 2024 ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในปีหน้า ตามการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่ปรับปรุงใหม่ ธนาคารกลางกำลังมองหาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีหน้า ซึ่งลดลงจากเดือนกันยายนที่คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสี่ครั้ง

ในสภาพแวดล้อมนี้ Schieven คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวระหว่าง 2,500 ถึง 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 อย่างไรก็ตาม Schieven ทำนายว่าจะมีการปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ผลักดันให้ราคาขึ้นไปเหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ในช่วงต้นปี 2024 Schieven มีการคาดการณ์ที่มองโลกในแง่ดีที่สุดในบรรดานักวิเคราะห์ทั้งหมดที่สำรวจโดย London Bullion Market Association ในการสำรวจการคาดการณ์ปี 2024 Schieven ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับทองคำสำหรับปี 2025 เช่นเดียวกับในปี 2024 แต่ตอนนี้ตลาดทองคำต้องการพักฐานสักหน่อย

Bank of America ก็คาดการณ์เช่นกันว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบตลอดครึ่งแรกของปี 2024 แม้ว่าจะมองเห็นราคาพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ Michael Widmer ผู้อำนวยการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยโลหะ กล่าวเกี่ยวกับแนวโน้มประจำปีของธนาคารว่า “เรากำลังติดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีปัจจัยที่จับต้องได้ที่จะดึงดูดนักลงทุนกลับเข้าสู่ตลาด”

ธนาคารกลางตลาดเกิดใหม่เร่งกระจายการถือครองทองคำ หนุนราคาพุ่งเป้า 3,000 ดอลลาร์

ในขณะที่ความต้องการลงทุนจากตะวันตกอาจชะลอตัวลงเนื่องจากวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ช้าลงซึ่งสนับสนุนดอลลาร์สหรัฐฯ และผลตอบแทนพันธบัตร นักลงทุนจำนวนมากกำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์โลกมากขึ้น

ทางด้าน John LaForge หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินทรัพย์จริงของ Wells Fargo ก็กล่าวเกี่ยวกับแนวโน้มประจำปีของธนาคารว่า เขาจะไม่ให้ความสำคัญกับธนาคารกลางสหรัฐฯ มากนักในปี 2025 เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีหน้า LaForge คาดว่าราคาทองคำจะถูกขับเคลื่อนโดยความต้องการของธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากประเทศต่างๆ ยังคงกระจายการถือครองออกจากดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

ราคาทองคำได้มีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในช่วงที่ผ่านมา โดยสามารถผ่านแนวต้านที่ $2,621 ขึ้นมาได้ และปัจจุบันเคลื่อนไหวที่ระดับ $2,626

เมื่อพิจารณาภาพรวมทางเทคนิค เราพบว่าราคายังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงระยะกลาง สังเกตได้จากเส้น EMA 200 ที่ยังคงมีความชันลงอย่างต่อเนื่อง และราคายังเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นดังกล่าว

เมื่อดูการเคลื่อนไหวของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น EMA 12 และ 26 พบว่าทั้งสองเส้นกำลังเคลื่อนตัวในแนวราบและมีระยะห่างระหว่างเส้นที่แคบลงมาก สะท้อนถึงภาวะ Sideways หรือการพักตัวของราคา ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนการเคลื่อนไหวในทิศทางใหม่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสัญญาณการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยที่จะบ่งชี้ทิศทางที่ชัดเจน

ดัชนี RSI ในปัจจุบันแกว่งตัวรอบระดับ 50 สะท้อนภาวะที่แรงซื้อและแรงขายมีความสมดุลกัน ไม่มีฝ่ายใดเหนือกว่าอย่างชัดเจน

สำหรับมุมมอง 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาจะยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways ภายในกรอบ $2,603-2,632 โดยมีแนวต้านสำคัญที่ $2,632 ซึ่งหากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ไปได้ มีโอกาสที่จะย่อตัวลงทดสอบแนวรับที่ $2,603 อีกครั้ง หากหลุดแนวรับนี้ ราคาอาจปรับตัวลงต่อไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,583

ในสภาวะตลาดเช่นนี้ นักลงทุนควรรอสัญญาณยืนยันทิศทางที่ชัดเจนก่อนเข้าซื้อขาย โดยหากต้องการเข้าซื้อ ควรรอให้ราคาผ่านแนวต้าน $2,632 พร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น และหากต้องการขาย ควรรอให้ราคาหลุดแนวรับ $2,603 อย่างชัดเจนก่อน เนื่องจากในช่วง Sideways การเข้าซื้อขายอาจมีความเสี่ยงสูงจากการแกว่งตัวที่ไม่มีทิศทาง

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,621

• $2,603

• $2,582

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,632

• $2,656

• $2,688