วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 3 ก.ค. 2567

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 3 กรกฏาคม 2567 ราคาทองคำผันผวนก่อนที่จะลดลงเล็กน้อย หลังจากที่ตลาดได้รับฟังความเห็นของ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ประเทศโปรตุเกส โดย Powell แสดงท่าทีที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ขณะที่ข้อมูเศรษฐกิจล่าสุดแสดงความแข็งแกร่ง

สถานการณ์ตลาดแรงงานสหรัฐฯ

ข้อมูลการจ้างงานในสหรัฐฯ เผยว่าตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้นเกินคาด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงที่ 5.25%-5.50% ตามที่เฟดกำหนด

เมื่อวันที่ผ่านมา รายงาน JOLTS (Job Openings and Labor Turnover Survey) เปิดเผยว่าตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้นเป็น 8.14 ล้านตำแหน่ง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 7.96 ล้านตำแหน่ง

จำนวนการจ้างงานและการลาออกไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อยู่ที่ 5.8 ล้านและ 5.4 ล้านตำแหน่งตามลำดับ โดยที่การเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงานว่างส่วนใหญ่มาจากภาครัฐ ขณะที่อัตราการลาออกยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของการเติบโตของค่าจ้าง

ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งนี้ส่งผลกดดันราคาทองคำ เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจนโยบายการเงินของเฟด โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่าจะยังไม่พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะเห็นสัญญาณการชะลอตัวในตลาดแรงงานสหรัฐฯ

มุมมองนักวิเคราะห์ต่อตลาดแรงงาน

แม้ว่ารายงาน JOLTS จะแสดงให้เห็นถึงตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่าเริ่มมีสัญญาณของความอ่อนแอปรากฏขึ้น โดย Olivia Cross นักเศรษฐศาสตร์อเมริกาเหนือจาก Capital Economics กล่าวว่า แม้จะมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของตำแหน่งงานว่างในเดือนพฤษภาคม แต่ภาพรวมยังคงแสดงให้เห็นว่าสภาวะตลาดแรงงานค่อยๆ กลับสู่ภาวะปกติ และอัตราการลาออกที่ต่ำยังชี้ให้เห็นถึงการชะลอตัวอย่างรวดเร็วของการเติบโตของค่าจ้าง

นักวิเคราะห์มองว่าแนวโน้มระยะยาวของตำแหน่งงานว่างยังคงลดลงในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้จะมีการเพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมก็ตาม ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าตลาดแรงงานกำลังค่อยๆ ปรับตัวสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น

ความเห็นของ Jerome Powell ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ในการประชุมของธนาคารกลางยุโรป ประธานเฟด Jerome Powell กล่าวว่า กระบวนการลดเงินเฟ้อได้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง แต่ยังต้องการเห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมก่อนที่จะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย เขาเน้นย้ำว่า “เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง เราจึงมีเวลาที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบและทำสิ่งนี้ให้ถูกต้อง”

Powell ยอมรับว่าความเสี่ยงต่อเป้าหมายทั้งสองอย่างของเฟด ได้กลับมาสมดุลมากขึ้น โดยกล่าวว่า “เราต้องบริหารจัดการความเสี่ยงเหล่านี้”

เป้าหมายทั้งสองของเฟด ประกอบด้วย การรักษาเสถียรภาพราคา (price stability) โดยมีเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2% ในระยะยาว และการส่งเสริมการจ้างงานสูงสุด (maximum employment) โดยพยายามรักษาอัตราการว่างงานให้อยู่ในระดับต่ำ

การที่ Powell กล่าวว่าความเสี่ยงต่อเป้าหมายทั้งสองกลับมาสมดุลมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าเฟดกำลังพยายามสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อและการรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

มุมมองของ Powell ต่อเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย

Powell กล่าวว่า เฟดต้องการเห็นข้อมูลเพิ่มเติมที่แสดงว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงอย่างยั่งยืนสู่เป้าหมาย 2% ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการลดความเข้มงวดของนโยบายการเงิน เขายังเน้นย้ำว่าเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง เฟดจึงมีเวลาที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบ

Powell ยังกล่าวถึงความเสี่ยงสองด้านที่ Fed ต้องพิจารณา ประการแรก คือความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ หากดำเนินการเร็วเกินไป อาจทำให้เงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นอีก และอาจต้องกลับมาใช้นโยบายที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ประการที่สอง คือความเสี่ยงด้านการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หากรอนานเกินไป อาจทำให้ตลาดแรงงานอ่อนแอลงมากเกินไปและส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยได้

Powell ยังกล่าวถึงอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางในระยะยาวว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจ แต่ในปัจจุบัน เฟดมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบของนโยบายต่อเศรษฐกิจในปัจจุบันมากกว่า เนื่องจากเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากการระบาดของ COVID-19 และมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบ

คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในอีก 12 เดือนข้างหน้า

Powell คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ “ระดับกลางถึงต่ำ” โดยเป้าหมายคือให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (underlying inflation) อยู่ระหว่าง 2-2.5% อย่างยั่งยืน

Powell กล่าวว่า “ไม่เห็นว่าเราจะกลับไปสู่อัตราเงินเฟ้อ 2% ในปีนี้หรือปีหน้า แต่อาจจะเป็นปลายปีหน้าหรือปีถัดไป สิ่งสำคัญคือเรากำลังมีความคืบหน้า” ขณะที่ Lagarde คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ “ระดับต่ำ” ในช่วงเวลาเดียวกัน

มุมมองของ World Gold Council ต่อราคาทองคำ

World Gold Council (WGC) ซึ่งเป็นองค์กรตลาดทองคำชั้นนำของโลก ได้เผยแพร่รายงานล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มราคาทองคำ

Juan Carlos Artigas หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ WGC กล่าวว่า แม้ราคาทองคำอาจดูเหมือนไม่มีความเคลื่อนไหวมากนักในช่วงนี้ แต่ไม่ควรมองข้ามความสำเร็จที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี โดยราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 12% นับตั้งแต่ต้นปี ทำให้ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนดีที่สุดในตลาดการเงินโลก

Artigas สังเกตว่าเริ่มมีสัญญาณของนักลงทุนตะวันตกกำลังเริ่มสนใจทองคำมากขึ้น โดยกระแสเงินไหลออกจากกองทุน ETF ที่อิงกับทองคำเริ่มมีการกลับทิศทาง โดยเฉพาะในยุโรปที่เริ่มเห็นเงินไหลเข้าในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

แนวโน้มราคาทองคำในอนาคต

WGC มองว่าราคาทองคำอาจยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบในระยะใกล้ หากความคาดหวังของตลาดยังคงเป็นเช่นปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของ WGC เห็นว่าทองคำมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงสนับสนุนที่ดีในช่วงครึ่งหลังของปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่ ความเสี่ยงของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย

WGC ระบุว่า ความแตกแยกทางการเมือง ความขัดแย้งทางทหาร และการลดลงของโลกาภิวัตน์เพื่อสนับสนุนลัทธิชาตินิยมและพันธมิตร ล้วนเป็นเชื้อเพลิงให้เกิดความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยทองคำมักจะตอบสนองต่อความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยราคาจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2.5% ทุกๆ การเพิ่มขึ้น 100 จุดของดัชนีความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk Index)

วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง

ราคาทองคำยังคงสัญญาณแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ $2,330 ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA ทั้ง 3 เส้น (EMA 12, 26 และ 200) อย่างชัดเจน สะท้อนถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ยังคงแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway ระหว่าง $2,318 - $2,336 ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการพักตัวของราคาหลังจากที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนควรจับตาดูแนวรับสำคัญบริเวณ EMA 200 ที่ $2,330 และ $2,318 หากราคาหลุดลงมาต่ำกว่าระดับนี้อาจเป็นสัญญาณของการปรับฐานในระยะสั้น

ในทางกลับกัน หากราคาสามารถยืนเหนือ $2,330 ได้อย่างมั่นคง อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวขึ้นรอบใหม่ โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ $2,340 - $2,350

ดัชนี RSI ที่อยู่ในระดับกลางๆ ประมาณ 54 แสดงให้เห็นว่าราคายังไม่อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) แต่ก็ยังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับวันนี้ต่อเนื่องไปถึงวันพรุ้งนี้ คาดว่าปริมาณการซื้อขายจะเบาบางลงเนื่องจากเป็นวันหยุดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำมีความผันผวนน้อยลง

โดยสรุป แนวโน้มราคาทองคำในระยะสั้นยังคงเป็นขาขึ้น แต่อาจมีการพักฐานในระยะใกล้ นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์การซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับสำคัญ และขายทำกำไรเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้าน

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• 2,329 ดอลลาร์ 

• 2,324 ดอลลาร์

• 2,318 ดอลลาร์

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• 2,334 ดอลลาร์

• 2,340 ดอลลาร์

• 2,350 ดอลลาร์