วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 2 ก.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 2 กันยายน 2567 ราคาทองคำปรับตัวลดลงอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ โดยลงไปแตะระดับ $2,494 ก่อนที่จะกลับมาทรงตัวอยู่เหนือระดับ $2,500 เล็กน้อยในเช้าวันนี้ แม้จะมีแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐในระยะสั้น แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าแนวโน้มระยะยาวของราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังในวงกว้างว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนกันยายนนี้
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Expenditures Price Index หรือ PCE Price Index) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าทรงตัวที่ 2.5% ส่วนดัชนี Core PCE ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 0.2% ในรายเดือน และ 2.6% ในรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.7% สะท้อนให้เห็นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลง
Alex Ebkarian ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Allegiance Gold กล่าวว่า รายงาน PCE ยืนยันว่าเงินเฟ้อไม่ใช่ความกังวลหลักของเฟดอีกต่อไป โดยเฟดได้หันมาให้ความสำคัญกับข้อมูลการจ้างงานมากขึ้น ซึ่งเป็นการสนับสนุนความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
ขณะนี้ ตลาดคาดการณ์โอกาสการลดดอกเบี้ย 25 basis points อยู่ที่ 70% และโอกาสลด 50 basis points อยู่ที่ 30% ตามเครื่องมือ CME FedWatch ความคาดหวังดังกล่าวส่งผลบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ความขัดแย้งในตะวันออกกลางหนุนแรงซื้อทองคำ ขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวอาจฉุดราคา
นอกจากปัจจัยด้านนโยบายการเงินของสหรัฐฯ แล้ว สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ โดยกลุ่มแรงงานใหญ่ที่สุดของอิสราเอลวางแผนจะนัดหยุดงานทั่วประเทศในวันนี้ เพื่อกดดันรัฐบาลให้หยุดยิงในฉนวนกาซาและปล่อยตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไป ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคอาจส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ทองคำทางกายภาพและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในจีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก อาจเป็นปัจจัยฉุดรั้งราคาทองคำ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ของจีนที่จัดทำโดย Caixin สำหรับเดือนสิงหาคมมีกำหนดเผยแพร่ในวันนี้ หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดอาจส่งผลกดดันราคาทองคำในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าปัจจัยบวกยังมีน้ำหนักมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเพิ่มทุนสำรองทองคำและกระจายการถือครองสินทรัพย์ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในระยะยาว
ราคาทองคำหลังเฟดลดดอกเบี้ย ผลตอบแทนระยะสั้นอาจผันผวน แต่ระยะยาวสดใส
Kerry Sun นักยุทธศาสตร์การลงทุน ได้วิเคราะห์ผลตอบแทนของทองคำในช่วงที่เฟดเริ่มวงจรการลดดอกเบี้ยย้อนหลังไป 30 ปี เผยข้อมูลน่าสนใจที่นักลงทุนควรพิจารณา โดยพบว่าในวันที่มีการประกาศลดดอกเบี้ยครั้งแรก ราคาทองคำมักปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1.6% และมีโอกาสเป็นบวก 75% ของเวลา แต่หลังจากนั้น 1 เดือน ราคาทองคำมักปรับตัวลงเฉลี่ย 2.5% และมีโอกาสเป็นบวกเพียง 37.5%
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่น่าสนใจคือ หลังจาก 6-12 เดือน ผลตอบแทนของทองคำมักเป็นบวกอย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 7.7% โดยเฉลี่ย และมีโอกาสเป็นบวกมากกว่า 75% ของเวลา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้ราคาทองคำอาจเผชิญความผันผวนในระยะสั้น แต่แนวโน้มระยะยาวยังคงเป็นบวก
Sun ยังชี้ให้เห็นประเด็นที่น่าสนใจว่า แม้ทองคำจะถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ไม่จำเป็นต้องให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหรือการเมืองเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2008 ราคาทองคำลดลงถึง 30% ระหว่างเดือนมีนาคมถึงตุลาคม และในช่วงวิกฤต Silicon Valley Bank เมื่อต้นปี 2023 ราคาทองคำลดลงถึง 7% ซึ่งอาจอธิบายได้ว่าในช่วงวิกฤตรุนแรง นักลงทุนอาจต้องเร่งขายสินทรัพย์ทุกประเภทรวมถึงทองคำเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจเริ่มคลี่คลายและตลาดเริ่มมีเสถียรภาพ ราคาทองคำมักจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) ของธนาคารกลาง ซึ่งเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงินและกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อและการลงทุน สภาวะที่มีสภาพคล่องสูงและอัตราดอกเบี้ยต่ำมักเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในระยะยาว
นักลงทุนจับตาข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ชี้ชะตาทิศทางดอกเบี้ยและราคาทองคำ
ในขณะที่ตลาดกำลังจับตาการประชุมของเฟดในเดือนกันยายน นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างให้ความสำคัญกับข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานในเดือนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราการว่างงาน ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดหุ้นอย่างมาก
นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า หากตัวเลขการจ้างงานในเดือนนี้ยังคงอ่อนแอ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันให้เฟดต้องพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยอย่างไรก็ตาม หากตัวเลขการจ้างงานออกมาแข็งแกร่งเกินคาด อาจทำให้เฟดชะลอการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลกดดันราคาทองคำในระยะสั้น
Adam Button หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การซื้อขายสกุลเงินของ Forexlive.com กล่าวว่า โอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 50 basis points อยู่ที่ประมาณ 30% ซึ่งลดลงเล็กน้อย แต่ทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของข้อมูลการจ้างงานที่จะมีผลต่อการตัดสินใจของเฟดและส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาทองคำ
นอกจากนี้ ข้อมูล GDP ล่าสุดของสหรัฐฯ ที่แสดงการเติบโตถึง 3% ในไตรมาสที่สอง ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่อาจทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องเร่งลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ข้อมูลเศรษฐกิจยังแสดงให้เห็นว่าการบริโภคของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนที่แล้ว สูงกว่าเดือนมิถุนายนที่เพิ่มขึ้น 0.2% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.2%
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคกำลังใช้จ่ายมากกว่าที่หาได้ โดยการใช้จ่ายส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ สถานการณ์นี้อาจไม่ยั่งยืนในระยะยาวและอาจนำไปสู่การชะลอตัวของการบริโภคในอนาคต
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำได้แสดงสัญญาณการปรับตัวลงในระยะสั้น หลังจากมีสัญญาณเตือนถึงการเกิดรูปแบบ Double Top ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยปัจจุบันราคาได้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ $2,503 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้นในตลาด
การเกิด Double Top ที่ระดับราคาประมาณ $2,524 - $2,528 ได้ส่งสัญญาณเตือนอย่างมีนัยสำคัญว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังอ่อนแรงลง และเราก็ได้เห็นการยืนยันของสัญญาณนี้ผ่านการปรับตัวลงของราคาในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ค่า RSI ที่ลดลงก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนมุมมองขาลงในระยะสั้น
ในสถานการณ์ปัจจุบัน แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามองคือระดับ $2,500 ซึ่งเป็นจุดที่มีความสำคัญทางจิตวิทยา หากราคาหลุดต่ำกว่าระดับนี้ อาจเห็นการปรับตัวลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,493 และ $2,483 ตามลำดับ
ในทางกลับกัน แนวต้านสำคัญในวันนี้อยู่ $2,511 ซึ่งเป็นจุดตัดของเส้นค่าเฉลี่ย EMA 12 และ 26 หากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ไปได้ ก็อาจเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงในระยะสั้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังว่าวันนี้เป็นวันหยุดของการซื้อขายฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางกว่าปกติ การเคลื่อนไหวของราคาจึงอาจไม่สะท้อนภาพรวมของตลาดได้อย่างชัดเจนนัก
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,500
$2,493
$2,483
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,511
$2,520
$2,524
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน