วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 6 ก.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 6 กันยายน 2567 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ระดับ $2,523 ก่อนที่จะปรับลดลงมาที่ระดับ $2,500 เนื่องจากนักลงทุนเริ่มทำกำไรก่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาทองให้พุ่งสูงขึ้นมาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 basis points ในการประชุมครั้งถัดไปในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากข้อมูลการจ้างงานที่แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานกำลังชะลอตัวลง แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในภาคบริการที่มีการปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนในตลาดทองคำได้คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่า 104 basis points ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า fed funds futures ของเดือนธันวาคม 2024 ที่ซื้อขายในตลาด Chicago Board of Trade (CBOT) นอกจากนี้ Mary Daly ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาซานฟรานซิสโก ยังได้แสดงความเห็นว่าเฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษาสภาพตลาดแรงงานให้แข็งแรง
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่อแววซบเซา ส่งทองคำทะลุ 2,500 ดอลลาร์
รายงานการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP สร้างความตกตะลึงให้กับนักวิเคราะห์ เมื่อเผยว่าบริษัทเอกชนในสหรัฐฯ สร้างงานใหม่เพียง 99,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 144,000 ตำแหน่ง Nela Richardson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADP กล่าวว่า ตลาดแรงงานมีแนวโน้มชะลอตัวลง ทำให้การจ้างงานเติบโตช้ากว่าปกติหลังจากที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงสองปีที่ผ่านมา ตัวชี้วัดถัดไปที่ต้องจับตามองคือการเติบโตของค่าจ้าง ซึ่งกำลังมีเสถียรภาพหลังจากที่ชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19
ข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอนี้ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดซื้อขายล่วงหน้าเดือนธันวาคมปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ $2,550.60 เพิ่มขึ้นเกือบ 1% ในวันเดียว
แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานจะต่ำกว่าที่คาด แต่รายงานยังแสดงให้เห็นว่าค่าจ้างไม่ได้ลดลง โดยอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างสำหรับพนักงานที่ยังคงทำงานในตำแหน่งเดิมอยู่ที่ 4.8% ในเดือนสิงหาคม ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนกรกฎาคม ขณะที่พนักงานที่เปลี่ยนงานมีอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างอยู่ที่ 7.3% เท่ากับเดือนก่อนหน้า
ทางฝั่งข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ก็สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด เมื่อเผยว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงมาอยู่ที่ 227,000 ราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 230,000 ราย ขณะที่ตัวเลขของสัปดาห์ก่อนหน้าได้รับการปรับแก้เพิ่มขึ้น 1,000 ราย เป็น 232,000 ราย
เศรษฐกิจสหรัฐฯ แตกขั้ว ภาคบริการยังแกร่ง แต่ภาคการผลิตส่อแววซบเซา
สถาบัน Institute for Supply Management (ISM) เผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรายงานว่าดัชนี Services PMI ในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 51.5% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 51.4% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ Steve Miller ประธานคณะกรรมการสำรวจธุรกิจบริการของ ISM กล่าวว่า ตัวเลขในเดือนสิงหาคมนี้นับเป็นครั้งที่ 6 ในปี 2024 ที่ดัชนีรวมอยู่ในภาวะขยายตัว
อย่างไรก็ตาม Miller ยังชี้ให้เห็นว่าการสำรวจยังคงแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนที่แฝงอยู่ซึ่งไม่ได้สะท้อนออกมาในตัวเลขหลัก โดยหลายอุตสาหกรรมรายงานว่ามีการเติบโตช้าถึงปานกลาง ในขณะที่ต้นทุนที่สูงอย่างต่อเนื่องและแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อผลประกอบการทางธุรกิจ นำไปสู่ความอ่อนแอในยอดขายและการจราจร
UBS มองบวกราคาทอง คาดธนาคารกลางและนักลงทุนหนุนราคาพุ่งต่อเนื่อง
Joni Teves นักยุทธศาสตร์ด้านโลหะมีค่าของ UBS ออกมาให้มุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ โดยคาดว่าจะยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อไปในอีกสองปีข้างหน้า ได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัยสำคัญ
Teves ระบุว่า การซื้อที่แข็งแกร่งจากภาครัฐและความต้องการทางกายภาพที่ยืดหยุ่นบ่งชี้ถึงการสนับสนุนเชิงโครงสร้างและได้ยกระดับช่วงการซื้อขายทองคำให้ขึ้นไป นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาคที่สูงและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่มีแนวโน้มที่จะผลักดันให้เกิดการเพิ่มการจัดสรรทองคำของนักลงทุน ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ
ในด้านความต้องการทางกายภาพ Teves ระบุว่าความต้องการของผู้บริโภคพิสูจน์แล้วว่ามีความยืดหยุ่นเป็นส่วนใหญ่เมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่าการนำเข้าทองคำของอินเดียจะเผชิญกับอุปสรรคจากราคาที่สูงขึ้น แต่ความสนใจพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่ในจีน แรงกดดันต่อความต้องการเครื่องประดับมีแนวโน้มที่จะถูกชดเชยด้วยความสนใจในการลงทุนที่แข็งแกร่ง
Teves ชี้ว่าในรอบการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟดที่ผ่านมา ทองคำมีแนวโน้มที่จะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก โดยในรอบการผ่อนคลายที่ผ่านมา ทองคำมีกำไรสูงสุดถึงประมาณ 9% ในช่วง 2-3 ไตรมาสหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบวกสำหรับนักลงทุนทองคำในอนาคตอันใกล้
แม้จะมองบวกต่อราคาทองคำ แต่ Teves ก็ไม่ลืมเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยระบุว่าความเสี่ยงหลักที่อาจส่งผลลบต่อราคาทองคำคือการเปลี่ยนแปลงนโยบายของเฟดไปในทิศทางที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อันเนื่องมาจากความโดดเด่นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็อาจส่งผลกดดันราคาทองคำเช่นกัน
นักวิเคราะห์ชี้ ทองคำเข้าสู่ขาขึ้นรอบใหม่ คาดราคาพุ่งต่อเนื่อง
Callum Thomas ผู้ก่อตั้ง Topdown Charts ออกมาให้ความเห็นเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ โดยมองว่าการที่ราคาทองคำทะลุแนวต้านสำคัญในปีนี้หลังจากที่อยู่ในช่วงการสะสมมาหลายปีเป็นพัฒนาการที่สำคัญ โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้นมากกว่า 22% ในปีนี้
Thomas กล่าวอย่างมั่นใจว่า “เราเห็นได้ชัดเจนว่าตอนนี้เราอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นใหม่ และแรงผลักดันที่กำลังขับเคลื่อนมีแนวโน้มที่จะไม่หายไปในเร็วๆ นี้” โดยเขาอธิบายว่าความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ หนี้รัฐบาลที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะยังคงสนับสนุนราคาทองคำต่อไป
นอกจากนี้ Thomas ยังชี้ว่าแม้ว่าสถานะการเก็งกำไรในตลาดทองคำจะอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี แต่ความสนใจในทองคำโดยรวมยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะจากนักลงทุนรายย่อย ซึ่งสะท้อนจากอุปสงค์ของกองทุน ETF ที่ยังไม่สูงมากนัก เขามองว่าอาจเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่นักลงทุนทั่วไปจะเริ่มให้ความสนใจกับทองคำอีกครั้ง
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำกลับมาเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้นอีกครั้งแม้จะมีความผันผวนอยู่บ้าง โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ระดับ $2,515 ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 12 (สีแดง) และ EMA 26 (สีฟ้า) อย่างชัดเจน บ่งบอกถึงแรงซื้อที่เข้ามาหนุนราคาในช่วงนี้
เมื่อพิจารณาจากกราฟ เราเห็นการฟื้นตัวของราคาอย่างแข็งแกร่งหลังจากที่เคยลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่บริเวณ $2,470 - $2,480 ในช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งเป็นจุดที่มีปริมาณการซื้อขายสูง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อราคาทองคำในระดับนี้
ในระยะสั้น แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามองอยู่ที่ $2,520 และ $2,525 หากราคาสามารถผ่านแนวต้านเหล่านี้ไปได้ อาจมีแรงซื้อเพิ่มเติมเข้ามาหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $2,531 ในทางกลับกัน แนวรับสำคัญอยู่ที่ $2,506 และ $2,500 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาสำคัญที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด
ดัชนี RSI ที่อยู่เหนือระดับ 60 บ่งชี้ว่าราคาทองคำกำลังอยู่ในภาวะแนวโน้มขาขึ้น แต่ยังไม่ถึงจุดที่ถือว่าซื้อมากเกินไป (Overbought) อย่างไรก็ตาม หากราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้ RSI พุ่งขึ้นเกินระดับ 70 อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าราคาอาจเกิดการพักตัวในระยะสั้น
สำหรับมุมมองในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบขาขึ้น โดยมีโอกาสที่จะทดสอบแนวต้านที่ $2,520 - $2,525 หากสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง อาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปสู่ระดับ $2,531 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังการเกิด Pullback ระยะสั้นหากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ โดยอาจเห็นการย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับที่ $2,506 - $2,500
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,506
$2,500
$2,489
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,520
$2,525
$2,531
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน