วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 2 ม.ค. 2568
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 2 มกราคม 2568 ราคาทองคำ (XAU/USD) ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,633 ดอลลาร์สหรัฐในวันแรกของการซื้อขายในปี 2025 นี้ ท่ามกลางปัจจัยสนับสนุนจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของ Donald Trump ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก นักวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลอดปีนี้ ส่งผลให้นักลงทุนแสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัยโดยเฉพาะทองคำมากขึ้น
ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) ระบุว่าธนาคารกลางหลักๆ ทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการถือครองทองคำในช่วง 12 เดือนข้างหน้า สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายด้าน อย่างไรก็ตาม ท่าทีที่ระมัดระวังของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ โดยนักลงทุนกำลังรอปัจจัยใหม่ๆ ที่อาจส่งผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้
Fed ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดดอกเบี้ย หลังเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง
ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2024 Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐได้ส่งสัญญาณท่าทีที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม หลังจากที่ได้ปรับลดลง 25 basis points โดยธนาคารกลางคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2025 ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ 4 ครั้งในเดือนกันยายน สะท้อนมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งอย่างน้อยในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
การเปลี่ยนแปลงมุมมองของ Fed ที่จะชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงินนั้นสมเหตุสมผล เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแสดงถึงความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ยังคงตึงตัว ซึ่งจะเห็นได้จากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (Initial Jobless Claims) ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ของ S&P Global สำหรับเดือนธันวาคมที่จะเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ จะเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญถึงสภาวะของภาคการผลิตสหรัฐ
ธนาคารใหญ่หลายแห่งได้ปรับลดคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยนักวิเคราะห์ของ Bank of America มองสอดคล้องกับ Fed ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ ขณะที่ Wells Fargo มีมุมมองที่เข้มกว่า โดยคาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปี 2025 ทั้งนี้ การที่ Fed ยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงทองคำ
BlackRock เชื่อมั่นศักยภาพสหรัฐ
BlackRock ผู้จัดการกองทุนรายใหญ่ที่สุดของโลกยังคงเดิมพันความโดดเด่นของสหรัฐอเมริกา โดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะได้รับประโยชน์จาก “mega forces” อย่างการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเปลี่ยนแปลงวัฏจักรธุรกิจแบบดั้งเดิม
อย่างไรก็ตาม BlackRock ยังคงระมัดระวังการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เนื่องจากคาดว่าอัตราผลตอบแทนจะปรับตัวสูงขึ้นในปี 2025 เพราะ Fed ไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้อย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์ของ BlackRock มองว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2025 และการเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย Fed จะไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยลงต่ำกว่า 4% ได้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่สูงกว่าระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญ
นักวิเคราะห์หวั่นนโยบาย Trump กระทบเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถต้านทานความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และผลกระทบที่ไม่ได้คาดคิดจากนโยบายที่เสนอโดยว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump ได้ ก่อนการเข้ารับตำแหน่ง Trump ได้ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับเกือบทุกประเทศเศรษฐกิจหลักทั่วโลก แม้ว่านโยบายดังกล่าวอาจช่วยส่งเสริมการผลิตภายในประเทศและสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็จะมาพร้อมกับต้นทุนและอาจเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อที่มีอยู่แล้ว
TD Securities มีมุมมองที่ระมัดระวังต่อเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปี 2025 จนอยู่ที่ระดับ 3.50% ณ สิ้นปี นักวิเคราะห์ของ TD Securities กล่าวว่า ปี 2025 จะเป็นปีแห่งความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในสหรัฐและยุโรป เศรษฐกิจโลกกำลังจะเผชิญกับแรงกระแทกครั้งใหญ่ และการเมืองจะยิ่งคาดเดาได้ยากขึ้น ธนาคารกลางต่างๆ จะต้องปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว
นักวิเคราะห์ยังระบุว่าการที่ Trump เข้ามาเป็นประธานาธิบดีจะส่งผลให้เงินเฟ้อในสหรัฐสูงขึ้นและการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอ่อนแอลง แต่คาดว่าผลกระทบจริงจะน้อยกว่าที่มีการขู่ไว้ โดยแม้จะมีการคำนวณผลกระทบจากภาษีศุลกากรและผลกระทบจำกัดต่อตลาดแรงงานจากนโยบายการเข้าเมืองในสหรัฐ แต่คาดว่าจะส่งผลให้การเติบโตของประเทศคู่ค้าสำคัญอ่อนแอลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยรวมแล้ว TD Securities คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะยังคงต่ำกว่าแนวโน้มที่ 3% เล็กน้อย และผลกระทบจากการเก็บภาษีศุลกากรจะเริ่มปรากฏชัดในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025
ราคาทองคำมีโอกาสแตะ 3,000 ดอลลาร์ จากแรงซื้อธนาคารกลาง
แม้การปรับลดดอกเบี้ยที่น้อยลงของ Fed อาจสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำในระยะสั้น Bank of America คาดว่าการปรับลดดอกเบี้ยที่น้อยลงจะช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งโดยปกติจะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นและมีโอกาสทะลุ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี
นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเข้าซื้อทองคำในปริมาณมาก นอกจากนี้ นโยบายการเก็บภาษีศุลกากรของ Trump และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์จะยิ่งเร่งแนวโน้มการลดการพึ่งพาดอลลาร์ของธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่
ปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำอีกประการหนึ่งคือความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในตะวันออกกลางและสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนแสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาดการเงินโลกเผชิญกับความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก
การสำรวจของสภาทองคำโลกยังชี้ให้เห็นว่าธนาคารกลางส่วนใหญ่มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศในช่วง 12 เดือนข้างหน้า สะท้อนถึงความต้องการกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบการเงินโลกและความเสี่ยงจากการใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงิน
นอกจากนี้ วัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงินทั่วโลกที่คาดว่าจะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2025 แม้จะช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ก็ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะยาว เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำลดลง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์แนะนำให้นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานและเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของ Fed
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
จากการวิเคราะห์กราฟราคาทองคำปัจจุบันที่ระดับ $2,633 เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากการวิเคราะห์ครั้งก่อน โดยราคาได้แสดงสัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง
เมื่อพิจารณาจากมุมมองทางเทคนิค ราคาได้ทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ $2,611 ซึ่งเดิมเคยเป็นแนวรับ การทะลุผ่านระดับนี้ได้สำเร็จถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่สำคัญ นอกจากนี้ ราคายังสามารถเคลื่อนตัวขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้ง EMA 12 และ EMA 26 (เส้นสีแดงและสีฟ้า) ซึ่งเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น ในด้านโมเมนตัม เราเห็นการปรับตัวขึ้นของดัชนี RSI ที่สามารถทะลุผ่านระดับ 50 ได้สำเร็จ ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นในตลาด
สำหรับมุมมอง 24 ชั่วโมงข้างหน้า แนวต้านสำคัญถัดไปที่ต้องจับตามองอยู่ที่ระดับ $2,641 และ $2,660 ตามลำดับ โดยระดับ $2,611 ที่เคยเป็นแนวต้านได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นแนวรับที่สำคัญในปัจจุบัน หากราคาไม่สามารถยืนเหนือระดับปัจจุบันที่ $2,633 ได้ เราอาจเห็นการย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับที่ $2,611 อีกครั้ง
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,611
$2,603
$2,582
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,633
$2,641
$2,656
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน