วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 2 ก.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 2 กรกฏาคม 2567 ราคาทองคำเริ่มต้นสัปดาห์ได้ค่อนข้างดี โดยแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่เป็นบวก ท่ามกลางการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนไหวของตลาดทองคำต่อนโยบายการเงินและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาค
การคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้รับการยืนยันจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวเป็นเดือนที่สามติดต่อกันในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ ราคาที่โรงงานจ่ายสำหรับวัตถุดิบยังลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน สิ่งนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อกำลังลดลง ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มพิจารณาการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้
ปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ สำหรับราคาทองคำรวมถึงปัญหาเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องของจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ของโลก ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่ในภูมิภาคต่างๆ และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป สถานการณ์เหล่านี้มักจะส่งผลให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (safe-haven asset) มากขึ้น
การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และนโยบายของ Trump
แม้จะมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ แต่การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐจากระดับต่ำสุดในรอบหลายวันกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จำกัดการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ โดยทั่วไปแล้ว ทองคำและดอลลาร์สหรัฐมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม เนื่องจากทองคำซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทองคำจะมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งอาจลดความต้องการ
ขณะที่ความกังวลในตลาดว่าการเป็นประธานาธิบดีของ Trump อาจนำไปสู่นโยบายที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อมากกว่ารัฐบาล Biden ส่งผลให้เกิดการขายในตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ การเคลื่อนไหวนี้ผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีพุ่งสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นจะเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย
ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ผ่านมา สถาบันจัดการด้านอุปทาน (Institute for Supply Management หรือ ISM) รายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing Purchasing Managers Index) ลดลงสู่ระดับ 48.5% เทียบกับ 48.7% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 49.2% ตัวเลขนี้บ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคการผลิต เนื่องจากค่าดัชนีต่ำกว่า 50 แสดงถึงการหดตัว ในขณะที่ค่าเกิน 50 แสดงถึงการขยายตัว
Timothy Fiore ประธานคณะกรรมการสำรวจธุรกิจภาคการผลิตของ ISM กล่าวว่า กิจกรรมการผลิตของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะหดตัว ณ สิ้นไตรมาสที่สอง อุปสงค์ยังคงอ่อนแอ ผลผลิตลดลง และปัจจัยการผลิตยังคงมีการปรับตัว
บทบาทสำคัญของธนาคารกลาง
ขณะที่การซื้อทองคำของธนาคารกลางเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญในตลาดทองคำปีนี้ ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่กว่า $2,450 ต่อออนซ์ การซื้อทองคำของธนาคารกลางมักจะถูกมองว่าเป็นสัญญาณของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจระดับโลกและความต้องการที่จะกระจายความเสี่ยงออกจากสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐ
แม้ว่าธนาคารกลางจะยังคงซื้อทองคำอยู่ แต่อัตราการซื้อชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือนพฤษภาคม ตามตัวเลขล่าสุดจาก World Gold Council (WGC) ธนาคารกลางซื้อทองคำสุทธิ 10 ตันในเดือนพฤษภาคม ลดลง 56% จากเดือนเมษายน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 12 เดือนที่ 42 ตัน การชะลอตัวนี้อาจเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงราคาทองคำที่อยู่ในระดับสูงและความต้องการที่จะรักษาสมดุลในพอร์ตการลงทุนของธนาคารกลาง
ผลกระทบจากการหยุดซื้อของจีน
การลดลงของการซื้อทองคำโดยธนาคารกลางในเดือนพฤษภาคมไม่ได้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากนักสำหรับนักวิเคราะห์ เนื่องจากตลาดขาดผู้เล่นสำคัญคือจีน ข้อมูลจากธนาคารกลางจีนแสดงให้เห็นว่าไม่มีการซื้อทองคำในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการยุติการซื้อที่ต่อเนื่องมา 18 เดือน การหยุดซื้อของจีนส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดทองคำโลก เนื่องจากจีนเป็นหนึ่งในผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก
แนวโน้มราคาทองคำในอนาคตจาก BCA Research
บริษัทวิจัย BCA Research มีมุมมองที่น่าสนใจ โดยคาดการณ์ว่าภาวะซบเซาในช่วงนี้เป็นเพียงความสงบก่อนพายุที่จะเกิดขึ้น
Roukaya Ibrahim นักกลยุทธ์ตลาดของ BCA กล่าวว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวลงต่ำในระยะสั้น แต่มีข้อจำกัดในการลดลง โดยทองคำยังคงรักษาแนวรับสำคัญที่ประมาณ $2,300 ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับที่นักลงทุนควรจับตามองอย่างใกล้ชิด
Ibrahim ยังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางประชาชนจีน (PBoC) จะยังคงเพิ่มทองคำสำรองต่อไป แม้ว่าจะไม่ได้ซื้อทองคำในเดือนพฤษภาคม โดยมองว่าการชะลอการซื้อทองคำของธนาคารกลางจีนสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนไหวต่อราคาที่สูง แต่แรงจูงใจในการเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองยังคงมีอยู่
โดยประเมินว่าหากจีนต้องการเพิ่มทองคำสำรองให้เป็น 16% ของสินทรัพย์รวมเพื่อแข่งขันกับธนาคารกลางของเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว จะต้องซื้อทองคำเพิ่มอีก 5,700 ตัน ซึ่งมากกว่าความต้องการทองคำทั่วโลกทั้งหมดในปี 2023 ที่ 4,400 ตัน ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของการซื้อทองคำโดยจีนในอนาคต
ผลกระทบของนโยบายการเงินสหรัฐฯ
Ibrahim คาดว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะสร้างแรงผลักดันใหม่ให้กับทองคำในช่วงครึ่งหลังของปี โดยชี้ให้เห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ปรับด้วยเงินเฟ้อ (10-year TIPS yield) ในปัจจุบันอยู่ใกล้กับระดับที่เคยเป็นในช่วงเริ่มต้นของวัฏจักรการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2007 ในช่วงนั้น ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในช่วงสามปีหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก
ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค
นอกจากนี้ Ibrahim ยังคาดว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนศักยภาพของทองคำในระยะยาว โดยมองว่ามีโอกาสสูงที่สหรัฐฯ จะเกิดภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และพอร์ตการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์และพอร์ตการลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกควรเพิ่มการลงทุนในโลหะมีค่า โดยเฉพาะทองคำ เมื่อราคาลดลงในระยะสั้น
Ibrahim ยังคาดการณ์เพิ่มเติมว่าสภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปและวัฏจักรอุตสาหกรรมทั่วโลกจะแย่ลงในช่วงปลายปี 2024 ถึงต้นปี 2025 ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้มักจะเอื้อประโยชน์ต่อราคาทองคำ เนื่องจากนักลงทุนมักจะหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
ราคาทองคำยังคงแสดงสัญญาณแข็งแกร่งในระยะสั้น โดยปัจจุบันเคลื่อนตัวอยู่ที่ระดับ $2,333 ต่อออนซ์ ซึ่งอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA ทั้ง 3 เส้น นั่นคือ EMA 12, 26 และ 200 สะท้อนถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ยังคงมีความแข็งแกร่ง
เมื่อพิจารณาจากกราฟ จะเห็นว่าราคาทองคำได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากที่เคยปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า โดยสามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ $2,318 ได้ นอกจากนี้ ราคายังสามารถทะลุผ่านแนวต้าน EMA 200 ที่ $2,329 ขึ้นมาได้ ส่งผลให้แนวโน้มในระยะสั้นกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจับตาดูแนวต้านสำคัญถัดไปที่ระดับ $2,339 ซึ่งหากราคาสามารถผ่านระดับนี้ไปได้ จะเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ $2,350 และ $2,364 ตามลำดับ
ในทางกลับกัน หากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ $2,339 ได้ และปรับตัวลงต่ำกว่า $2,329 อีกครั้ง อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงแรงขายที่อาจเข้ามากดดัน โดยมีแนวรับถัดไปที่ $2,318 และ $2,310 ซึ่งเป็นระดับที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ดัชนี RSI ที่อยู่เหนือระดับ 60 บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่ยังคงมีอยู่ แต่ก็เริ่มเข้าใกล้ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังการปรับฐานในระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้นได้
โดยสรุป แนวโน้มของราคาทองคำใน 24 ชั่วโมงข้างหน้ายังคงเป็นบวก แต่ต้องติดตามการทดสอบแนวต้านที่ $2,339 อย่างใกล้ชิด หากผ่านไปได้จะเป็นสัญญาณซื้อที่แข็งแกร่ง แต่หากไม่ผ่าน อาจเกิดการพักฐานในระยะสั้น
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,329 ดอลลาร์
2,324 ดอลลาร์
2,318 ดอลลาร์
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,339 ดอลลาร์
2,350 ดอลลาร์
2,364 ดอลลาร์
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน