วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 15 ม.ค. 2568
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 15 มกราคม ตลาดทองคำยังคงเคลื่อนไหวภายใต้ความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญแม้จะปรับตัวขึ้นได้ในวันอังคาร หลังจากสหรัฐอเมริกาเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ชะลอตัวลงต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) จะมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้
การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงต้นสัปดาห์แสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวของตลาดต่อปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่มีผลต่อการคาดการณ์ทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ในระยะถัดไป กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่าดัชนี PPI เดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.4% และชะลอลงจากเดือนพฤศจิกายนที่เพิ่มขึ้น 0.4% สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันด้านราคาในภาคการผลิตที่เริ่มผ่อนคลายลง
ในส่วนของดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนสูง ทรงตัวที่ระดับเดิม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 3.3% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.4% แม้ว่าจะยังคงสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้น 1.1% ในปี 2023 อย่างมีนัยสำคัญ
ความเคลื่อนไหวในตลาดทองคำยังได้รับอิทธิพลจากการคาดการณ์ของนักลงทุนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ในระยะข้างหน้า โดยนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าการชะลอตัวของดัชนี PPI อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจเริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ Fed พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้เร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ตลาดการเงินยังคงจับตามองการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะยอดค้าปลีก (Retail Sales) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อ CPI คาดเป็นปัจจัยชี้ขาดทิศทางนโยบายการเงิน Fed
ความสนใจของนักลงทุนทั่วโลกกำลังมุ่งไปที่การเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของระดับเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าหากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคมปรับตัวลดลงต่ำกว่า 2.7% ที่รายงานในเดือนก่อนหน้า จะเป็นสัญญาณยืนยันว่ากระบวนการชะลอเงินเฟ้อยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
การเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าจับตามอง โดยอัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ระดับ 2.6% ต่อเนื่องจากเดือนกันยายนที่เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะแสดงถึงการชะลอตัวเมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในช่วงก่อนหน้า แต่ก็ยังคงอยู่เหนือเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของ Fed อย่างมีนัยสำคัญ
นักลงทุนในตลาดการเงินได้คาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปี 2025 ไว้ที่ประมาณ 30 เบสิสพอยต์ แต่หากรายงาน CPI ในวันนี้แสดงการชะลอตัวของเงินเฟ้อที่ชัดเจน อาจส่งผลให้ตลาดปรับเพิ่มการคาดการณ์การลดดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากทองคำมักได้รับประโยชน์จากสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Interest Rate) อยู่ในระดับต่ำ
ในขณะเดียวกัน Jeffrey Schmid ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขา Kansas City ได้ออกมาแสดงความเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed โดยระบุว่าธนาคารกลางจะพร้อมดำเนินการหากมาตรการภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อหรือการจ้างงาน สะท้อนให้เห็นว่า Fed ยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการควบคุมเงินเฟ้อเป็นลำดับแรก
นักวิเคราะห์หลายรายมองว่าการเปิดเผยตัวเลข CPI ในครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ Fed จะนำไปประกอบการพิจารณาทิศทางนโยบายการเงินในการประชุมครั้งถัดไป โดยตลาดจะจับตาดูไม่เพียงแค่ตัวเลขเงินเฟ้อโดยรวม แต่ยังรวมถึงองค์ประกอบย่อยต่างๆ เช่น ราคาที่อยู่อาศัย ค่าบริการ และราคาสินค้าคงทน เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะยาว
ปัจจัยกดดันราคาทอง สงครามกาซา-นโยบายการค้าทรัมป์ สร้างความผันผวน
ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของราคาทองคำ แต่ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าระหว่างประเทศก็กำลังสร้างความผันผวนให้กับตลาดอย่างมีนัยสำคัญ โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากรายงานของ Reuters ที่อ้างอิงแหล่งข่าวระดับสูงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการบรรลุข้อตกลงยุติสงครามในกาซา ซึ่งหากเป็นจริงอาจลดความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนในเวทีการเมืองระหว่างประเทศยังคงดำรงอยู่ โดยในอีกเพียง 6 วันข้างหน้า Donald Trump ประธานาธิบดีผู้ได้รับเลือกตั้งของสหรัฐฯ จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความกังวลของนักวิเคราะห์และนักลงทุนทั่วโลกเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่อาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดย Trump ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้มาตรการกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะการข่มขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราทั่วไปกับประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะจีน แคนาดา และเม็กซิโก
นักวิเคราะห์หลายสำนักได้แสดงความกังวลว่าหาก Trump ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว อาจนำไปสู่สงครามการค้าครั้งใหม่ที่รุนแรงกว่าช่วงที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและการเติบโตของเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังอาจจุดชนวนให้เงินเฟ้อกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าสินค้าที่สูงขึ้นอาจถูกผลักภาระไปยังผู้บริโภคในที่สุด
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการค้าระหว่างประเทศยังส่งผลให้นักลงทุนต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการจัดสรรพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ซึ่งมักได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง นอกจากนี้ หากสงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจทำให้ Fed ต้องพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่วางแผนไว้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในระยะยาว
กองทุน Gabelli คาดราคาทองปี 2025 มีลุ้นทะลุ 3,000 ดอลลาร์ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
Chris Mancini ผู้จัดการกองทุนร่วมจาก Gabelli Gold Fund (GOLDX) ได้แสดงมุมมองที่น่าสนใจ โดยเน้นย้ำว่าปัจจัยหลักที่จะขับเคลื่อนราคาทองคำในปี 2025 คือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินอยู่และผลกระทบที่มีต่อระดับราคาสินค้าอุปโภคบริโภค “สิ่งที่เกิดขึ้นกับเงินเฟ้อจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของราคาทองคำ” พร้อมเสริมว่า เขาเชื่อว่าทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเนื่องจากจะมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
Mancini ยังได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำและเงินเฟ้อในเชิงลึก โดยยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาทองคำอาจไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันเงินเฟ้อ (Inflation Hedge) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งได้บีบให้ Fed ต้องลดขนาดของวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินลง โดยปัจจุบันตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาได้แสดงสัญญาณการฟื้นตัวเชิงเทคนิค โดยสามารถยืนเหนือแนวรับ $2,662 ได้อย่างแข็งแกร่ง และปรับตัวขึ้นมาทดสอบระดับ $2,673 ในปัจจุบัน การฟื้นตัวนี้สอดคล้องกับการฟื้นตัวของ RSI และ Stochastic RSI ที่เริ่มปรับตัวขึ้นจากระดับ Oversold ที่เราได้กล่าวถึงในการวิเคราะห์ก่อนหน้า
สิ่งที่น่าสังเกตเพิ่มเติมคือการก่อตัวของรูปแบบ “Double Bottom” บริเวณแนวรับ $2,662 ซึ่งเป็นรูปแบบทางเทคนิคที่มักบ่งชี้ถึงการกลับตัวขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) ทั้งระยะสั้นและระยะกลางยังคงวางตัวในลักษณะที่สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวในครั้งนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ โดยมีแนวต้านระยะสั้นที่ $2,678 ซึ่งเป็นระดับ Previous High ล่าสุด หากราคาสามารถผ่านแนวต้านนี้ไปได้ โอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $2,689 จะมีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในแง่ของ Volume การซื้อขายในช่วงการฟื้นตัวนี้ยังไม่ได้แสดงปริมาณที่สูงมากนัก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณให้ระมัดระวังการฟื้นตัวที่อาจเป็นเพียงการดีดตัวชั่วคราว (Technical Rebound) การยืนยันแนวโน้มการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งจำเป็นต้องเห็น Volume ที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการผ่านแนวต้านที่ $2,678 อย่างมีนัยสำคัญ
ในระยะสั้น แนวรับสำคัญยังคงอยู่ที่ $2,662 และ $2,645 ตามลำดับ ขณะที่แนวต้านที่ต้องจับตาคือ $2,678 และ $2,689 โดยการเคลื่อนไหวของ RSI และ Stochastic RSI จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญของโมเมนตัมในการทะลุแนวต้านดังกล่าว
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,662
$2,645
$2,632
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,678
$2,689
$2,700
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน