วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 31 ก.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 31 กรกฏาคม 2567 ราคาทองคำกลับมาปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ราคาพุ่งทะลุระดับ $2,400 สถานการณ์ตลาดโดยรวมยังคงมีความผันผวน แม้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะยังคงแสดงสัญญาณแข็งแกร่ง แต่การลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
ขณะนี้ นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตามองการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะมีการประกาศในช่วงดึกคืนวันนี้ โดยคาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต
ในส่วนของยุโรป เยอรมนีซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป กำลังเผชิญกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ หลังจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ปี 2024 ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สถานการณ์นี้อาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต้องพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค
ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์กลับมาเป็นปัจจัยสำคัญอีกครั้ง หลังจากอิสราเอลโจมตีชานเมืองทางใต้ของเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน โดยมีเป้าหมายเป็นผู้บัญชาการของกลุ่ม Hezbollah ตามรายงานของสำนักข่าว Reuters เหตุการณ์นี้สร้างความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง และส่งผลให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น
สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายการเงิน
ในสหรัฐฯ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมครั้งนี้ แต่อาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินในอนาคต อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการจ้างงานล่าสุดอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องระมัดระวังในการส่งสัญญาณดังกล่าว เนื่องจากตำแหน่งงานว่างในเดือนมิถุนายนสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานที่ยังคงดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตามองการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (Institute for Supply Management - ISM) และรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls - NFP) ประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญของสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในอนาคต
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งแม้มีสัญญาณชะลอตัว
แม้ว่าตำแหน่งงานว่างในสหรัฐฯ จะลดลงเล็กน้อยในเดือนมิถุนายน แต่ข้อมูลเดือนก่อนหน้าได้รับการปรับแก้เพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่มีความเสี่ยงที่จะอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ตามรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ตำแหน่งงานว่างลดลง 46,000 ตำแหน่ง มาอยู่ที่ 8.184 ล้านตำแหน่ง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ขณะที่ข้อมูลเดือนพฤษภาคมได้รับการปรับแก้เพิ่มขึ้นเป็น 8.230 ล้านตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานไว้ 8.140 ล้านตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม การรับรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับตลาดแรงงานกำลังเสื่อมถอยลง ผลสำรวจจาก Conference Board แสดงให้เห็นว่าสัดส่วนของผู้บริโภคที่มองว่าหางานยากเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่สัดส่วนของผู้ที่เชื่อว่างานไม่ได้มีมากนักก็สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของผู้บริโภคต่อสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต
Nancy Vanden Houten นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Oxford Economics ให้ความเห็นว่า ตลาดแรงงานได้ชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ไม่ได้อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสถานการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องการป้องกัน และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนอย่างแน่นอน ซึ่งคำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของนักวิเคราะห์ต่อทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้
ทองคำยังคงเป็นทางเลือกการลงทุน ท่ามกลางความไม่แน่นอน
Ryan McIntyre ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนที่ Sprott Inc. บริษัทจัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในทองคำและโลหะมีค่า มองว่าตลาดทองคำกำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นของการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยความต้องการกองทุน ETF ที่อิงกับทองคำเริ่มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่ายังต้องมีปัจจัยสำคัญอีกอย่างเกิดขึ้นก่อนที่ราคาทองคำจะพุ่งทะยานอย่างแท้จริง
McIntyre กล่าวว่า “สภาพแวดล้อมสำหรับทองคำกำลังดีขึ้น แต่เขาไม่คิดว่าสถาบันการเงินมีสัญญาณซื้อที่แข็งแกร่ง ซึ่งสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะมีการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากขึ้นในตลาด” เขาเสริมว่า แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงสูงพอที่กองทุนขนาดใหญ่จะสามารถทำกำไรจากการซื้อกองทุนตลาดเงินระยะสั้นได้ ทำให้การลงทุนในทองคำยังไม่น่าดึงดูดมากนักสำหรับนักลงทุนสถาบัน
McIntyre คาดว่าความรู้สึกของนักลงทุนจะเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น เขากล่าวว่า “เรามีการประเมินมูลค่าที่สูงเกินไปในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และในสินทรัพย์หลายประเภท หากผู้คนกำลังมองหาการกระจายความเสี่ยง เป้าหมายนั้นจะนำไปสู่ทองคำ” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่ว่าทองคำอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ตองการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง
นอกจากนี้ McIntyre ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า “การขาดดุล 7% ในเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตควรทำให้ผู้คนตกใจ” เขาชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสถานะของดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก “เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลง การขาดดุลจะยิ่งสูงขึ้นมาก”
ความคิดเห็นเหล่านี้สอดคล้องกับรายงานล่าสุดที่ระบุว่าหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะยาว เนื่องจากนักลงทุนมักมองหาทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ
ทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงหาก Trump ชนะการเลือกตั้ง
ผลสำรวจล่าสุดของ Bloomberg แสดงให้เห็นว่าทองคำอาจเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนในการป้องกันความเสี่ยง หาก Donald Trump ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เนื่องจากนโยบายของเขาอาจทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ผลสำรวจพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่เห็นว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในกรณีที่ Trump ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งมีจำนวนมากกว่าผู้ที่เลือกดอลลาร์สหรัฐเป็นสองเท่า โดยมากกว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงในท้ายที่สุดหากผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุนต่อนโยบายเศรษฐกิจของ Trump ที่อาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
Gregory Shearer นักวิเคราะห์จาก JPMorgan Chase ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ กล่าวว่า “ทองคำอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะปรับตัวขึ้น” โดยชี้ว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การขาดดุลที่เพิ่มขึ้น การกระจายความเสี่ยงของธนาคารกลาง และการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อสูง ได้ผลักดันให้ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว เขาเสริมว่า “ปัจจัยเหล่านี้อาจยังคงอยู่ต่อไปไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร แต่อาจเพิ่มความรุนแรงขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ Trump ชนะการเลือกตั้งหรือพรรครีพับลิกันได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น”
ประวัติศาสตร์สนับสนุนมุมมองที่เป็นบวกต่อทองคำ โดย Bloomberg รายงานว่าในช่วงที่ Trump ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคราวก่อน ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมากกว่า 10% ในขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 50% แม้ว่าการปรับตัวขึ้นอย่างมากของทองคำในปี 2020 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 แต่รายงานระบุว่า นี่ไม่ใช่การปรับตัวขึ้นที่ใหญ่ที่สุดของทองคำภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีคนใดคนหนึ่งในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา โดยการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในสมัยของประธานาธิบดี George W. Bush และ Jimmy Carter ยังมีขนาดใหญ่กว่า
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่าสองในสามของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของ Trump จะ “บั่นทอนสถานะของดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก” ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะยาว
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
ราคาทองคำได้แสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ $2,410 หลังจากที่ดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากจุดต่ำสุดในรอบหลายวัน การเคลื่อนไหวของราคาในช่วงนี้แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่เข้ามาหนุนตลาด แม้ว่าจะยังคงมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่เราได้เห็นว่าราคาทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 12 (เส้นสีแดง) และ EMA 26 (เส้นสีฟ้า) ขึ้นมาได้ และทั้งสองเส้นได้ตัดกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณบวกในระยะสั้น - กลาง
ในแง่ของแนวรับแนวต้าน ราคามีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ $2,392 และ $2,377 ซึ่งเป็นระดับที่ราคาเคยทดสอบและดีดตัวขึ้นมาได้ ส่วนแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามองอยู่ที่ $2,408 ซึ่งกำลังทดสอบอยู่ในขณะที่เขียนบทความนี้ ก่อนไปที่เป้าหมายถัดไปบริเวณ $2,421
ดัชนี RSI ที่ปรากฏในกราฟยังไม่แสดงให้เห็นว่าราคาทองคำเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป ทำให้ยังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อ โดยหากราคายังสามารถรักษาแนวโน้มขาขึ้นไว้ได้ อาจเห็นการทดสอบแนวต้านที่ $2,421 ในไม่ช้า
โดยสรุป แนวโน้มราคาทองคำใน 24 ชั่วโมงข้างหน้ามีแนวโน้มเป็นบวกในระยะสั้น แต่นักลงทุนควรระมัดระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ ปัจจัยที่ควรติดตามคือรายงานการประชุมที่จะออกมาค่ำคืนนี้ และต้องดูว่าราคาจะสามารถยืนเหนือระดับ $2,400 ได้ต่อเนื่องหรือไม่ ซึ่งจะเป็นจุดสำคัญในการกำหนดทิศทางราคาในระยะถัดไป
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,400
$2,392
$2,377
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,408
$2,421
$2,432
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน