วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 21 ก.พ. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ราคาทองคำ XAU/USD พุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,954 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แม้จะมีแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุนบางส่วน แต่ราคายังคงทรงตัวอยู่ในระดับ 2,934 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.23% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวลดลง
ความต้องการทองคำยังคงได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการค้าโลก การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในตลาดการเงินส่งผลให้เกิดกระแสเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและเงินเยน (JPY) ซึ่งปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระหว่างวันที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวในตลาดทองคำได้รับอิทธิพลอย่างมากจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) หลังจากรายงานการประชุมเมื่อวันที่ผ่านมาเผยให้เห็นว่า นโยบายการค้าและการเข้าเมืองของประธานาธิบดี Trump ได้กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้า ส่งผลให้คณะกรรมการนำโดย Jerome Powell ประธานเฟด ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนมกราคม เพื่อประเมินข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน ผู้ว่าการเฟดหลายคนได้แสดงความคิดเห็นในแนวทางที่ระมัดระวังมากขึ้น โดย Raphael Bostic ประธานเฟดแอตแลนตาคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้ และเน้นย้ำว่าเศรษฐกิจไม่ได้เผชิญกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อรอบใหม่
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเสถียรภาพ กดดันราคาทองในระยะสั้น
ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวเล็กน้อย โดยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 5,000 ราย มาอยู่ที่ 219,000 ราย เพิ่มขึ้นจากระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
จำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ซึ่งแสดงถึงจำนวนผู้ที่กำลังรับสวัสดิการอยู่ ลดลงมาอยู่ที่ 1.869 ล้านราย ลดลงจากระดับ 1.845 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยตลาดทองคำอาจเผชิญกับความท้าทายในระยะใกล้ เนื่องจากข้อมูลตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งพอสมควร ธนาคารกลางสหรัฐระบุว่ายังไม่รีบร้อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงและตลาดแรงงานยังคงเข้มแข็ง
ภาคการผลิตฟิลาเดลเฟียชะลอตัว แต่แรงกดดันด้านราคายังสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว
ด้านดัชนีภาคการผลิตของธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดลเฟียในเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 18.1 จากระดับ 44.3 ในเดือนมกราคม แม้ตัวเลขจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 16.3
รายงานยังแสดงให้เห็นว่าราคาปรับตัวสูงขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยระยะยาว โดยดัชนีราคาทั้งสองอยู่ในระดับสูงสุดในรอบกว่าสองปี ดัชนีราคาที่จ่ายเพิ่มขึ้น 9 จุดเป็น 40.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 โดยกว่า 45% ของบริษัทรายงานการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบ ขณะที่ 5% รายงานการลดลง และครึ่งหนึ่งรายงานว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดัชนีราคาที่ได้รับในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 3 จุดเป็น 32.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022
นักวิเคราะห์คาดราคาทองทะลุ 3,000 ดอลลาร์ในไตรมาส 2 ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง
แม้ราคาทองคำจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงที่ผ่านมา แต่โมเมนตัมในตลาดเริ่มชะลอตัวลง บริษัทวิจัย Metals Focus คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะพุ่งแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แม้จะมีความเสี่ยงจากการทำกำไรในระยะสั้น
ท่าทีด้านนโยบายการเงินที่ยืดหยุ่นของธนาคารกลางสหรัฐยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับทองคำ โดยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในเดือนมกราคมสะท้อนมุมมองในปัจจุบันว่าธนาคารกลางไม่รีบร้อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนการประชุมในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม Metals Focus ระบุว่านโยบายการเงินของสหรัฐฯ และความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐได้กลายเป็นปัจจัยรองสำหรับราคาทองคำ
โดยความแข็งแกร่งของทองคำในปีนี้มีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และในอีกด้านหนึ่งมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าในวงกว้าง
Metals Focus อธิบายว่าทองคำและเงินในรูปแบบกายภาพได้ไหลเข้าสู่ห้องนิรภัยในนิวยอร์กเป็นจำนวนมาก เนื่องจากธนาคารและนักลงทุนต้องการป้องกันความเสี่ยงจากภาษีนำเข้าที่อาจเกิดขึ้น
สถานการณ์นี้ได้สร้างปัญหาด้านสภาพคล่องที่สำคัญในตลาด Over-the-Counter (OTC) ของลอนดอน อุปสงค์ที่แข็งแกร่งในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำกำลังสร้างแรงส่งในเชิงบวกระยะสั้นให้กับราคาทองและเงิน
ในขณะที่ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงสนับสนุนราคาทองและเงิน Metals Focus ได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่มีความซับซ้อนมากขึ้น บริษัทอธิบายว่าอุปสงค์เครื่องประดับในสหรัฐฯ ยังคงอ่อนแอ แม้จะน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในสภาวะที่ราคาสูงขึ้น โดยระบุว่าตลาดเครื่องประดับสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่อันดับสามของโลก
โอกาสทองกลับมาเป็นสกุลเงินคู่ขนานกับดอลลาร์สหรัฐ หลังกระแสเงินไหลเข้าและแนวคิดแปลงทองคำเป็นตัวเงิน
Professor Thorsten Polleit นักเศรษฐศาสตของมหาวิทยาลัย Bayreuth แสดงความเห็นว่า ไม่น่าแปลกใจที่สหรัฐฯ จะเห็นการไหลเข้าของทองคำและเงินในรูปแบบกายภาพอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากธนาคารกำลังสร้างสต็อกเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาษีนำเข้า แม้ว่าความเสี่ยงของการเรียกเก็บภาษีทองคำและเงินจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็มากพอที่จะทำให้ธนาคารและนักลงทุนต้องดำเนินการเชิงรุก
มองในแง่ของผลกระทบระยะยาว Polleit กล่าวว่าการสะสมทองคำและเงินที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ประกอบกับการที่รัฐบาลหันมาให้ความสนใจกับทองคำสำรองของตนเองอีกครั้ง อาจเพิ่มความคาดหวังที่จะให้โลหะมีค่าทั้งสองชนิดได้รับการยอมรับเป็นสกุลเงินควบคู่ไปกับดอลลาร์สหรัฐ
เขาเสริมว่าการใช้ทองคำและเงินเป็นสกุลเงินร่วมกับดอลลาร์สหรัฐอาจช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์เช่นนี้ ราคาทองและเงินจำเป็นต้องปรับตัวสูงขึ้นอีกมากเพื่อรองรับขนาดของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
Polleit อธิบายว่าการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่ไม่ยั่งยืนได้ผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐและระบบเงินตราแบบ Fiat Money เข้าสู่จุดที่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้
“ต่อจากนี้ไป เฟดไม่สามารถดำเนินการอย่างยืดหยุ่นเหมือนในอดีตได้อีกต่อไป ตัวอย่างเช่น หากเกิดวิกฤต เฟดไม่สามารถอัดฉีดเงินใหม่เข้าสู่ระบบเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจได้อีกแล้ว เพราะจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น เรากำลังเริ่มตระหนักว่าธนาคารกลางสหรัฐไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้อีกต่อไป”

วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำได้สร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ $2,954 ซึ่งสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมที่ $2,946 เล็กน้อย การเคลื่อนไหวนี้ยืนยันถึงแรงซื้อที่ยังคงแข็งแกร่ง แต่ก็มาพร้อมกับสัญญาณเตือนที่ควรให้ความสำคัญ
สิ่งที่น่าสังเกตคือ หลังจากทำจุดสูงสุดใหม่ ราคาได้ปรับตัวลงมาที่ระดับ $2,927 ซึ่งยังคงอยู่เหนือแนวรับสำคัญที่ $2,920 ที่เราได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ การรักษาระดับเหนือแนวรับนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี แสดงให้เห็นว่าแรงขายยังไม่รุนแรงมากนัก
ในส่วนของ Bearish Divergence ที่เราได้สังเกตเห็นก่อนหน้านี้ได้พัฒนาชัดเจนขึ้น โดย RSI ยังคงไม่สามารถสร้างจุดสูงใหม่แม้ราคาจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้ นอกจากนี้ Stochastic RSI ก็ได้เริ่มปรับตัวลงจากโซน Overbought อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการยืนยันสัญญาณการอ่อนตัวของโมเมนตัมในระยะสั้น
สำหรับกลยุทธ์การเทรดในจุดนี้ ควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะการตั้ง Stop Loss ระดับแนวรับ $2,900 ถือเป็นจุดสำคัญที่หากราคาหลุดลงมาต่ำกว่านี้อาจนำไปสู่การปรับฐานที่ลึกขึ้น
ในระยะถัดไป หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับ $2,920-2,900 ได้อย่างมั่นคง โอกาสที่จะเห็นการทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $2,960 และ $2,980 ยังคงมีอยู่ แต่อาจต้องใช้เวลาในการสะสมแรงซื้อมากขึ้นก่อนที่จะเห็นการปรับตัวขึ้นครั้งใหม่
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในระยะสั้นคือ ปริมาณการซื้อขายในจุดที่ราคาอ่อนตัวลงมา หากเห็นปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นพร้อมกับการฟื้นตัวของราคา จะเป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งชี้ว่าแรงขายในตลาดเริ่มอ่อนกำลังลง
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,920
$2,900
$2,878
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,940
$2,960
$2,980
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน