วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 29 ต.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 28 ตุลาคม 2567 ตลาดทองคำเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการปรับตัวลดลงเล็กน้อย ท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาทองคำเคลื่อนไหวที่ระดับ $2,746 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 basis points สู่ระดับ 4.272% อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายยังคงมองว่าราคาทองคำมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่เหนือระดับ $2,758 และอาจแตะระดับ $2,800 ก่อนสิ้นปีนี้
ปัจจัยสำคัญที่กำลังส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำในขณะนี้คือความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยนักลงทุนกำลังจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดในระยะถัดไป
นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯ - ทรัมป์มีโอกาสชนะ 52%
การสำรวจความคิดเห็นล่าสุดจากเว็บไซต์ FiveThirtyEight ซึ่งเป็นแหล่งวิเคราะห์ข้อมูลการเมืองที่ได้รับความเชื่อถือ ระบุว่าอดีตประธานาธิบดี Donald Trump มีโอกาสชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ที่ 52% เทียบกับรองประธานาธิบดี Kamala Harris ที่ 48% แม้ว่าผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตจะยังคงนำอยู่เล็กน้อยในผลสำรวจระดับชาติส่วนใหญ่
นักวิเคราะห์มองว่าไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง แนวโน้มการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ จะยังคงดำเนินต่อไป โดย Robert Minter ผู้อำนวยการด้านกลยุทธ์ ETF ของ abrdn ระบุว่า ทั้ง Trump และ Harris ต่างมองค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เหมือนเป็น “เงินในเกมเศรษฐี (Monopoly money)” และจะดำเนินนโยบายการคลังที่ไม่รับผิดชอบเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะหากพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในสภาคองเกรสและทำเนียบขาว อาจนำไปสู่การใช้จ่ายภาครัฐรอบใหม่ที่จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
ตลาดรอลุ้นข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ก่อนประชุมเฟด
สัปดาห์นี้มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานที่ตลาดให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ รายงานการเปิดรับสมัครงาน (JOLTS Job Openings), ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (Initial Jobless Claims) และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนกันยายนจะเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าตัวเลขเดือนสิงหาคมที่เพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยตัวเลข Gross Domestic Product (GDP) ไตรมาส 3 ปี 2024, ดัชนี ISM Manufacturing PMI และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Expenditures Price Index หรือ PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดอยู่ในช่วง blackout period ก่อนการประชุมวันที่ 7-8 พฤศจิกายน ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินจนกว่าประธานเฟด Jerome Powell จะแถลงในการแถลงข่าวหลังการประชุม
ผู้เชี่ยวชาญแนะลงทุนทองคำ รับมือดอกเบี้ยขาลง-เงินเฟ้อดื้อรั้น
Robert Minter ผู้อำนวยการด้านกลยุทธ์ ETF ของ abrdn ระบุว่า นักลงทุนควรมองข้ามความผันผวนระยะสั้นและเน้นภาพใหญ่ที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง ขณะที่เงินเฟ้อยังคงดื้อรั้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (real interest rates) อาจลดลงเร็วกว่าที่คาด สภาวะเช่นนี้เอื้อต่อการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะทองคำ
Minter ยังชี้ให้เห็นว่าปัจจัยบวกที่สำคัญที่สุดสำหรับราคาทองคำในระยะยาวคือความสนใจจากนักลงทุนที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยตลอดปี 2023 และช่วงใหญ่ของปีนี้ นักลงทุนสถาบันและรายย่อยเป็นผู้ขายสุทธิในกองทุน ETF ทองคำ แต่ตลาดสามารถดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินได้เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
แม้ว่าความต้องการซื้อจากธนาคารกลางจะชะลอตัวลง แต่ความต้องการจากนักลงทุนเริ่มเปลี่ยนทิศทาง โดยกองทุน ETF ทองคำเริ่มเห็นเงินไหลเข้าในปีนี้ Minter มองว่าการเปลี่ยนแปลงตลาดครั้งนี้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากที่จะมีปัจจัยเชิงโครงสร้างสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงพร้อมกับการถือครองทองคำที่อยู่ในระดับต่ำในตลาด
ปัจจัยพื้นฐานยังหนุนราคาทองคำในระยะยาว
Marc Chandler ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารที่ Bannockburn Global Forex คาดว่าราคาทองคำจะแกว่งตัวในกรอบในระยะสั้น และมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลง โดยชี้ว่าทองคำได้แสดงสัญญาณ key reversal ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากทำจุดสูงสุดใหม่แล้วปรับตัวลงมาปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของวันก่อนหน้า หากราคาหลุดระดับ $2,700 อาจทำให้เกิดแรงเทขายจากนักลงทุนที่เพิ่งเข้าซื้อ และราคาอาจลงไปทดสอบระดับ $2,600 ก่อนที่จะขึ้นไปแตะ $2,800
แต่ทางด้าน Adrian Day ประธาน Adrian Day Asset Management มองว่าแม้อาจเกิดการปรับฐานที่รอคอยมานาน แต่คาดว่าจะไม่รุนแรงหรือยาวนานนัก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่หนุนราคาทองคำยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอาวุธทางการเงิน ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกต้องการกระจายความเสี่ยงด้วยการถือครองทองคำ ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและความมั่นคงของธนาคารในจีน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในสหรัฐฯ และยุโรป และภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงดื้อรั้น
Darin Newsom นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสที่ Barchart.com มองว่าในระยะยาว ราคาทองคำจะได้แรงหนุนจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและภูมิรัฐศาสตร์ทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ ซึ่งไม่มีแนวโน้มที่จะคลี่คลายลงในเร็วๆ นี้ เมื่อนักลงทุนเผชิญกับความไม่แน่นอน พวกเขามักจะถอนเงินออกจากตลาดหุ้นและมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย โดยทองคำเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าน้ำมันดิบหรือข้าวโพดในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
Bob Haberkorn จาก RJO Futures มองว่าหากตลาดเริ่มให้น้ำหนักกับโอกาสชัยชนะของ Trump มากขึ้น นโยบายของรัฐบาลพรรครีพับลิกันจะส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อและสนับสนุนราคาทองคำในระยะใกล้ โดยเฉพาะประเด็นการลดภาษีที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับความท้าทายในการควบคุมการใช้จ่ายภาครัฐ
Haberkorn เปรียบเทียบสถานการณ์กับอาร์เจนตินา โดยมองว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องมีการปรับลดการใช้จ่ายภาครัฐอย่างมีนัยสำคัญ แต่การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นเรื่องยาก ขณะที่มาตรการลดภาษีมีแนวโน้มที่จะผ่านการอนุมัติได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะการต่ออายุมาตรการลดภาษีที่กำลังจะหมดอายุในปีหน้า
ปัจจัยสำคัญที่นักวิเคราะห์จับตามองคือความเคลื่อนไหวในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ โดย Haberkorn ชี้ว่าการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นแม้ว่า Fed มีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ย สะท้อนว่านักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นเพื่อถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ สถานการณ์นี้อาจส่งผลดีต่อราคาทองคำในระยะ 1 ปีข้างหน้า
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำยังคงแสดงสัญญาณแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ระดับ $2,746 ซึ่งเคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้ง EMA 12, EMA 26 และ EMA 200 สะท้อนถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ยังมีความแข็งแกร่ง
จากการวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียน พบว่าราคามีการสร้างจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ (Higher Low) และจุดสูงสุดที่สูงขึ้น (Higher High) แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวรับระยะใกล้ที่ $2,740 และแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ $2,715 ซึ่งเป็นระดับที่มีการทดสอบและราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ แนวรับถัดไปอยู่ที่ $2,685 และ $2,633 ตามลำดับ
สำหรับแนวต้านสำคัญในระยะสั้น อยู่ที่ระดับ $2,750 ซึ่งเป็นระดับที่ราคาเคยถูกต้านไว้ก่อนหน้านี้ หากราคาสามารถผ่านแนวต้านนี้ไปได้ แนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ $2,760 และ $2,770 ตามลำดับ
ด้านดัชนี RSI ที่ระดับ 60 แสดงให้เห็นว่าราคายังไม่เข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) จึงยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ อย่างไรก็ตาม ควรระวังการเกิด Bearish Divergence หากราคาทำจุดสูงสุดใหม่แต่ค่า RSI ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้
คาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน $2,750 - $2,760 โดยมีแนวรับสำคัญที่ $2,715 เป็นระดับที่ต้องรักษาไว้ให้ได้ หากหลุดระดับนี้อาจทำให้แนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นอ่อนแรงลง นักลงทุนควรติดตามการทดสอบแนวต้านและแนวรับดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในระยะถัดไป
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,740
$2,715
$2,685
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,750
$2,760
$2,770
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน