วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 18 พ.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจ่อแตะระดับ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐในเช้าวันนี้ หลังจากที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องยาวนานถึง 6 วันทำการ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่จำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงนี้ โดยการคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้นในปีหน้า อันเป็นผลมาจากนโยบายของ Donald Trump ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะลดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐได้แสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยม จึงยังไม่จำเป็นต้องเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงมักส่งผลกดดันราคาทองคำ เนื่องจากทำให้การถือครองสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนอย่างทองคำมีความน่าสนใจน้อยลง
อย่างไรก็ดี ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่ระหว่างยูเครนกับรัสเซียอาจส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ โดยล่าสุด รัฐบาลของประธานาธิบดี Joe Biden ได้อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธของสหรัฐในการโจมตีภายในดินแดนของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญของวอชิงตันในความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย
กิจกรรมการผลิตในนิวยอร์กพุ่ง สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง
ในการเปิดเผยข้อมูลล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐประจำนิวยอร์กได้รายงานตัวเลขที่น่าประหลาดใจอย่างมาก โดยดัชนีภาคการผลิต Empire State ในเดือนพฤศจิกายนได้พุ่งทะยานขึ้นแตะระดับ 31.2 จากที่ติดลบ 11.9 ในเดือนตุลาคม การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ -0.7 อย่างมีนัยสำคัญ และนับเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการผลิตในรัฐนิวยอร์กสะท้อนให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยการปรับตัวดีขึ้นเกิดขึ้นในแทบทุกองค์ประกอบของรายงาน ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ (New Orders Index) ได้พุ่งขึ้นอย่างน่าทึ่งถึง 38 จุด แตะระดับ 28.0 ในขณะที่ดัชนีการจัดส่งสินค้า (Shipments Index) ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 35 จุด สู่ระดับ 32.5
ยอดค้าปลีกสหรัฐทะยานเหนือคาด กระตุ้นความกังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย
ตลาดการเงินได้รับแรงกระเพื่อมอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกประจำเดือนตุลาคมที่เติบโตเกินความคาดหมาย โดยเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 0.3% การเติบโตนี้ยิ่งน่าประทับใจมากขึ้นเมื่อพิจารณาว่าตัวเลขของเดือนกันยายนได้รับการปรับปรุงเพิ่มขึ้นเป็น 0.8%
การเติบโตของยอดค้าปลีกในอัตราที่แข็งแกร่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของการบริโภคภาคเอกชนในสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นถึง 2.8% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.9% และสูงกว่าตัวเลขเดือนกันยายนที่ปรับปรุงใหม่ที่ 2.0% อย่างมีนัยสำคัญ
การเติบโตที่แข็งแกร่งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความท้าทายหลายประการ ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคชาวอเมริกันยังคงแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอย โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่แท้จริง
การเติบโตของยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งนี้อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ ต้องทบทวนแผนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 เนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการบริโภคที่คึกคักอาจนำไปสู่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญที่ธนาคารกลางสหรัฐพยายามจัดการมาโดยตลอด
นักวิเคราะห์หลายรายได้ปรับมุมมองเกี่ยวกับจำนวนครั้งที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยคาดว่าอาจมีการปรับลดน้อยครั้งกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ความเห็นนี้ได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง ทั้งตัวเลขการจ้างงาน การเติบโตของ GDP และล่าสุดคือยอดค้าปลีกที่เติบโตเกินคาด
ราคาทองร่วงแรงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 3 ปี นักวิเคราะห์ชี้โอกาสฟื้นตัว
ราคาทองคำเผชิญกับการปรับฐานครั้งสำคัญ หลังจากที่ราคาได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจากระดับสูงสุดที่ 2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อสองสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ระดับเพียงกว่า 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนหน้านี้ Alex Kuptsikevich นักวิเคราะห์อาวุโสจาก FxPro ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า การปรับตัวลดลงเกือบ 5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงสัปดาห์เดียว นับเป็นการปรับตัวลดลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดในรอบเกือบสามปี
การวิเคราะห์ทางเทคนิคแสดงให้เห็นสัญญาณที่น่ากังวล โดยเฉพาะการที่ดัชนี RSI (Relative Strength Index) เริ่มปรับตัวลดลงจากระดับสูงกว่า 80 ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการกลับตัวที่ระดับสูงสุดมักเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม Kuptsikevich ได้ย้อนดูประวัติศาสตร์และพบว่า มีเหตุการณ์คล้ายกันนี้เกิดขึ้นสองครั้งในอดีต คือในปี 2009 และ 2011
ในปี 2009 ราคาทองคำปรับตัวลดลง 15% จากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุด ก่อนที่แรงซื้อใหม่จะผลักดันให้ราคาปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ ตลาดกระทิงในครั้งนั้นดำเนินต่อไปเกือบสองปีโดยมีการพักตัวเพียงช่วงสั้นๆ ส่วนในปี 2011 ราคาทองคำปรับตัวลดลงเกือบ 20% และแม้ว่าจะมีการฟื้นตัว 17% ในเวลาต่อมา แต่แนวโน้มขาขึ้นระยะยาวก็ได้เสียไปแล้ว ส่งผลให้ในช่วงสี่ปีต่อมา ราคาทองคำสูญเสียมูลค่าไปถึง 45% จากจุดสูงสุด
อย่างไรก็ตาม Naeem Aslam ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนของ Zaye Capital Markets มีมุมมองที่แตกต่างออกไป โดยชี้ให้เห็นถึงปัจจัยหลายประการที่อาจช่วยพลิกทิศทางของราคาทองคำได้ แม้ว่าในระยะสั้น การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลงจะสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ แต่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ข้อพิพาททางการค้า และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากนี้ Aslam ยังเน้นย้ำถึงบทบาทของเงินเฟ้อที่อาจเปลี่ยนแปลงสมการทั้งหมด หากอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ธนาคารกลางสหรัฐอาจถูกกดดันให้ปรับเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วอาจเป็นประโยชน์ต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะในกรณีที่อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าอัตราดอกเบี้ย
การติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผู้ว่าการ Kugler ได้แสดงความเห็นที่บ่งชี้ว่าอัตราการปรับลดดอกเบี้ยอาจชะลอตัวลง คำแถลงในอนาคตของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ โดยเฉพาะประธาน Jerome Powell จะมีผลอย่างมากต่อทิศทางราคาทองคำ
ปัจจัยสุดท้ายที่ Aslam ให้ความสำคัญคือการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีการแข็งค่าอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม หากดอลลาร์สหรัฐเริ่มอ่อนค่าลงจากปัจจัยภายในประเทศหรือปัจจัยระหว่างประเทศ อาจส่งผลให้ความต้องการถือครองทองคำเพิ่มสูงขึ้น
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ปัจจุบันราคาทองคำเคลื่อนตัวที่บริเวณ 2,591 ดอลลาร์ โดยแม้จะมีการฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 2,537 ดอลลาร์ แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้น EMA ทั้งสามเส้น โดยเฉพาะ EMA 200 ที่กำลังปรับตัวลงและอาจกลายเป็นแนวต้านสำคัญ ทำให้ถึงแม้ราคาจะปรับขึ้น แต่แนวโน้มในระยะกลางยังอยู่ในขาลง
การวิเคราะห์ RSI พบสัญญาณ Bullish Divergence ซึ่งเกิดจากการที่ราคาทำจุดต่ำใหม่ แต่ค่า RSI กลับไม่ทำจุดต่ำใหม่ตาม บ่งชี้ว่าแรงขายอาจเริ่มอ่อนกำลังลง ซึ่งเป็นเหตุผลของการฟื้นตัวในระยะสั้นนี้
แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 2,573, 2,554 และ 2,537 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 2,602, 2,623 และ 2,642 ดอลลาร์ตามลำดับ
คาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 2,554-2,602 ดอลลาร์ โดยหากสามารถยืนเหนือแนวรับ 2,554 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง อาจเห็นการดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 2,602 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคาบริเวณแนวรับ 2,554 ดอลลาร์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากหลุดระดับนี้ลงมา อาจเห็นการอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ 2,537 ดอลลาร์
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,573
$2,554
$2,537
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,589
$2,602
$2,623
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน