วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 20 พ.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ราคาทองคำแสดงให้เห็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ผลักดันให้ราคาทะลุระดับ 2,600 ดอลลาร์ หลังจากที่เคยร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 2,536 ดอลลาร์
ราคาทองคำ XAU/USD เคลื่อนไหวที่ระดับ 2,636 ดอลลาร์ ในเช้าวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงและการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ แม้จะมีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่จำกัด แต่ราคาโลหะมีค่าพุ่งขึ้นเนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ หลังจากรัสเซียทำการโจมตียูเครนครั้งใหญ่ ขณะที่ประธานาธิบดี Joe Biden อนุมัติให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ผลิตในสหรัฐฯ โจมตีภายในรัสเซีย
ตามรายงานของสำนักข่าว TASS ประธานาธิบดี Vladimir Putin ได้อนุมัติหลักการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้ ส่งผลให้เกิดความกังวลในตลาด ทำให้ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐและทองคำแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย Lavrov ได้ออกมาแถลงในภายหลังว่าประเทศของเขาเชื่อว่าสงครามนิวเคลียร์จะไม่เกิดขึ้น
Goldman Sachs ยืนยันเป้าราคาทอง $3,000 ในปี 2025 ชี้แรงซื้อธนาคารกลางหนุนตลาด
หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดเริ่มแสดงความแข็งแกร่งเหนือระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Goldman Sachs ยังคงยืนยันมุมมองว่าราคาทองคำจะแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2025
แม้ว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของ Donald Trump และการกวาดที่นั่งในรัฐสภาของพรรครีพับลิกันจะกระตุ้นให้เกิดการขายทำกำไรในตลาดทองคำ แต่ธนาคารการลงทุนชั้นนำระบุว่าปัจจัยที่ผลักดันให้ทองคำทำสถิติสูงสุดยังไม่หายไป โดยปัจจัยเชิงโครงสร้างที่สนับสนุนการคาดการณ์นี้คือความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากธนาคารกลาง ในขณะที่แรงหนุนเชิงวัฏจักรจะมาจากการไหลเข้าของเงินลงทุนในกองทุน Exchange-Traded Funds (ETF) เมื่อ Fed เริ่มลดอัตราดอกเบี้ย
แม้ว่าการซื้อทองคำของธนาคารกลางจะชะลอตัวลงในไตรมาสที่สาม แต่นักวิเคราะห์คาดว่าความต้องการจะยังคงแข็งแกร่งในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากประเทศต่างๆ ยังคงกระจายการถือครองทุนสำรองทางการออกจากดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังชี้ว่าหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ อาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางเพิ่มการถือครองทองคำมากขึ้น
ชัยชนะของ Trump ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ ขณะที่นักเทรดและนักลงทุนให้ความสนใจกับนโยบาย “America-First” ที่ว่าที่ประธานาธิบดีเสนอ อย่างไรก็ตาม Goldman Sachs กล่าวว่านโยบายเหล่านี้อาจสนับสนุนราคาทองคำไปจนถึงปี 2025 โดยการยกระดับความตึงเครียดทางการค้าที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอาจฟื้นฟูการเก็งกำไรในทองคำ
ตัวเลขที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด กดดันเศรษฐกิจขณะที่ราคาทองพุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบหลายวัน
ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยว่าการเริ่มสร้างที่อยู่อาศัย (Housing Starts) ในเดือนตุลาคมลดลง 3.1% สู่ระดับ 1.311 ล้านยูนิตต่อปีเมื่อปรับตามฤดูกาล ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 1.330 ล้านยูนิต และลดลงจากเดือนกันยายนที่มีการก่อสร้าง 1.354 ล้านยูนิต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การก่อสร้างที่อยู่อาศัยลดลง 4.0%
ภาคที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ มีส่วนสำคัญต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product) และยังคงเป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจ เนื่องจากราคาบ้านที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่องและอัตราดอกเบี้ยจำนอง (Mortgage Rates) ที่อยู่ในระดับสูงจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ส่งผลให้ผู้ซื้อบ้านรายใหม่จำนวนมากถูกผลักออกจากตลาด
ประธาน Fed สาขา Kansas City ชี้การขาดดุลงบประมาณอาจกดดันให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงยาวนานขึ้น
Jeffrey Schmid ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขา Kansas City ซึ่งจะมีสิทธิ์ลงคะแนนในการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ได้กล่าวสุนทรพจน์ใน Omaha โดยระบุว่า การตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยสะท้อนถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายที่ 2% ซึ่งความมั่นใจนี้มาจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่าทั้งตลาดแรงงานและตลาดสินค้ามีความสมดุลมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
แม้ว่าความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย 2% จะเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ Schmid ยังไม่ได้แสดงความเห็นว่าจะสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม Fed วันที่ 17-18 ธันวาคมหรือไม่ โดยระบุว่ายังต้องรอดูว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงอีกเท่าไรหรือจะลงไปอยู่ที่ระดับใด
สำหรับประเด็นการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลาง Schmid กล่าวว่าการขาดดุลจำนวนมากจะไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ เนื่องจาก Fed จะทำหน้าที่รักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ที่เป้าหมาย 2% อย่างไรก็ตาม การรักษาเสถียรภาพดังกล่าวอาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยต้องอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน ด้วยเหตุนี้ Fed จึงจำเป็นต้องรักษาความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบายการเงิน เพราะหากฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงเพื่อไม่ให้การขาดดุลส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ย ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่ามักจะนำไปสู่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
อดีต ส.ส. วิจารณ์ Fed ชี้ระบบการเงินมีรอยร้าว คาดราคาทองพุ่ง 2-4 เท่า
อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ Dr. Ron Paul ยืนยันจุดยืนที่เรียกร้องให้ยุบธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) โดยให้เหตุผลว่าสถาบันดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมาย และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งกำลังแสดงให้เห็นรอยร้าวที่มีนัยสำคัญ
Ron Paul เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการจัดการกับอำนาจที่ไร้การตรวจสอบของ Fed และผลกระทบต่อมูลค่าของดอลลาร์ โดยระบุว่าทั้งระบบผิดกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ พร้อมแสดงความกังวลต่อการที่ประธาน Fed Jerome Powell อ้างว่าประธานาธิบดีไม่สามารถปลดเขาได้ ซึ่ง Paul มองว่าเป็นเรื่องตลกที่ Powell อ้างกฎหมายเพื่อปกป้องตำแหน่งของตน ในขณะที่กำกับดูแลสถาบันที่ Paul เชื่อว่าผิดกฎหมายโดยพื้นฐาน
อีกทั้ง Paul กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปีนี้สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเสถียรภาพของดอลลาร์ และเขายังคงสนับสนุนในการถือครองทองคำ โดยระบุว่าทองคำเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
Paul เพิ่มเติมว่าทองคำจะยังคงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อข้อบกพร่องในระบบการเงินปัจจุบันปรากฏชัดขึ้น “คุณจะเห็นราคาทองเพิ่มขึ้น 2 เท่า 3 เท่า และ 4 เท่า หากเราไม่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผู้ที่ต้องการตัดการใช้จ่ายและเชื่อมโยงเข้ากับนโยบายการเงินมีงานสำคัญมาก ในปีที่ผ่านมา มีความสนใจในทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก ราคาทองจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป เมื่อราคาทองพุ่งขึ้นในทศวรรษ 1970 มันเพิ่มขึ้นจาก $35 ไปถึง $800”
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำในกรอบ 4 ชั่วโมงแสดงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เกิดการสร้างจุดต่ำสุดที่บริเวณ $2,537 โดยปัจจุบันราคาได้ปรับตัวขึ้นมาแตะระดับ $2,639 ซึ่งเป็นการเคลื่อนตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 12 และ EMA 26 อย่างชัดเจน สะท้อนถึงแรงซื้อที่เข้ามาหนุนตลาดในระยะสั้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิคพบว่า ราคาได้เกิดรูปแบบการกลับตัวที่น่าสนใจ โดยมีการสร้าง Bullish Divergence ระหว่างราคากับดัชนี RSI ในช่วงก่อนหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกที่นำไปสู่การฟื้นตัวในปัจจุบัน นอกจากนี้ ค่า RSI ที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 60 ยังบ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตาอยู่ที่ระดับ $2,642 และถัดไปคือ $2,654 ซึ่งเป็นแนวเส้น EMA 200 โดยมีแนวต้านถัดไปบริเวณ $2,673 ซึ่งหากราคาสามารถผ่านแนวต้านเหล่านี้ไปได้ จะเป็นสัญญาณยืนยันการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ ในขณะที่แนวรับสำคัญอยู่ที่ $2,623 และ $2,602 โดยเฉพาะระดับ $2,602 ซึ่งเป็นแนวรับแข็งแกร่งที่ควรรักษาไว้เพื่อรักษาโมเมนตัมเชิงบวก
ในภาพรวม 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มเป็นบวก โดยมีโอกาสที่จะทดสอบแนวต้านที่ $2,654 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังการย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับที่ $2,602 ซึ่งเป็นระดับสำคัญในการรักษาแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น หากราคาหลุดต่ำกว่าระดับนี้อาจทำให้แรงซื้อชะลอตัวลง และอาจนำไปสู่การปรับฐานที่ลึกขึ้น
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,623
$2,602
$2,589
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,642
$2,654
$2,673
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน