วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 21 ม.ค. 2568
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 21 มกราคม ตลาดการเงินโลกได้จับตาดูพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 ของ Donald Trump อย่างใกล้ชิด โดยราคาทองคำค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นท่ามกลางสภาพคล่องที่น้อยลงในวันจันทร์ เนื่องจากเป็นวันหยุดทำการของตลาดสหรัฐฯ เพื่อเป็นเกียรติแก่วันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ โดยราคาทองคำ (XAU/USD) ได้ปรับตัวขึ้น 0.27% มาอยู่ที่ระดับ 2,709 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 วันที่ 107.95 ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์รับตำแหน่ง
ความกังวลเรื่องสงครามการค้าผลักดันราคาทองคำและเงินสู่จุดสูงสุดใหม่
ตลาดโลหะมีค่าได้เผชิญกับความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลว่า Trump จะดำเนินนโยบายภาษีศุลกากรเชิงรุกทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง แรงกดดันนี้ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งทะลุระดับ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคาเงินฟื้นตัวขึ้นเหนือ 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มผ่อนคลายลงหลังจาก The Wall Street Journal รายงานว่า Trump ได้ออกเพียงบันทึกประธานาธิบดีสั่งการให้หน่วยงานรัฐบาลกลางตรวจสอบการขาดดุลการค้าและนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม แทนที่จะประกาศเก็บภาษีใหม่ในวันแรกของการดำรงตำแหน่งตามที่หลายฝ่ายกังวล
นักวิเคราะห์ชี้ว่าการปรับตัวขึ้นของราคาโลหะมีค่าส่วนหนึ่งมาจากความไม่สมดุลในห่วงโซ่อุปทานโลก เนื่องจากการเคลื่อนย้ายโลหะมีค่าจากลอนดอนไปนิวยอร์ก Robert Gottlieb ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโลหะมีค่าเปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน มีการขนส่งทองคำเข้าคลังสินค้าของ CME ถึง 7.4 ล้านออนซ์ เพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการเก็บภาษีศุลกากร ส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดตึงตัวขึ้นและอัตราการกู้ยืมทองคำพุ่งสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
มุมมองนักวิเคราะห์ต่อแนวโน้มราคาทองคำภายใต้นโยบาย Trump สมัยที่สอง
Ole Hansen หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ Saxo Bank คาดว่าโลหะมีค่าอย่างทองคำและเงินจะได้รับการยกเว้นจากมาตรการภาษีศุลกากรของ Trump เนื่องจากสหรัฐฯ มีการขาดดุลเงินอย่างมีนัยสำคัญและต้องพึ่งพาการนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยเม็กซิโกผลิตเงินคิดเป็น 25% ของการผลิตทั่วโลก ในขณะที่แคนาดาผลิต 10% ของอุปทานโลก
อย่างไรก็ตาม Hansen เชื่อว่าความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก รวมถึงการเข้ามาบริหารประเทศของ Trump พร้อมกับความไม่แน่นอนที่มีมาโดยธรรมชาติ ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น และเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ จะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำต่อไปในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ การประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติด้านพลังงานและที่ชายแดนตอนใต้ของ Trump เพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายด้านพลังงานและการเข้าเมือง ก็อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไป
Nicky Shiels หัวหน้าฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์โลหะที่ MKS PAMP ยังชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติในตลาด Exchange Futures for Physical (EFP) ซึ่งโดยปกติเป็นการซื้อขายที่มีความผันผวนต่ำ แต่ในช่วงที่ผ่านมามีการซื้อขายที่ระดับพรีเมียมสูงกว่ามูลค่าที่เหมาะสมและมีความผันผวนระหว่างวันสูงผิดปกติ คล้ายกับสถานการณ์ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่เส้นทางการขนส่งถูกตัดขาด สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของตลาดต่อนโยบายการค้าในอนาคต
ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงมองว่าแม้ตลาดทองคำอาจเผชิญกับความผันผวนในระยะสั้น แต่แนวโน้มในระยะยาวยังคงเป็นบวก โดยได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มสูงขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการปกป้องทางการค้าของรัฐบาล Trump ในสมัยที่สอง
ปัจจัยด้านเทคนิคชี้วัดทิศทางราคาทองคำในตลาด
การเคลื่อนไหวในตลาด EFP ได้ส่งสัญญาณที่น่าสนใจเกี่ยวกับทิศทางราคาทองคำ Daniel Ghali นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสที่ TD Securities อธิบายว่า หากสถานการณ์ EFP กลับสู่ภาวะปกติโดยไม่ได้ปรับตัวลงสู่แดนลบอย่างเพียงพอ การลดลงของปริมาณทองคำในคลังสินค้าลอนดอนจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ง่าย ส่งผลให้อัตรายังคงตึงตัวและอัตราการกู้ยืมอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าซื้อทองคำทางกายภาพเพื่อสนับสนุนราคาในที่สุด
ในทางกลับกัน การขาดความชัดเจนในนโยบายการค้าอาจทำให้นักเทรดยังคงคาดเดาสถานการณ์ต่อไป ส่งผลให้การไหลออกของทองคำจากคลังสินค้าลอนดอนยังคงดำเนินต่อไปจนถึงระดับวิกฤติ และยิ่งเสริมแรงให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาที่เกี่ยวข้อง สถานการณ์นี้มีความคล้ายคลึงกับวิกฤตการณ์ในปี 2020 เมื่อการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
ผลกระทบของนโยบายการเงินต่อราคาทองคำ
นักวิเคราะห์ยังให้ความสำคัญกับท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในการดำเนินนโยบายการเงิน เนื่องจากการชะลอนโยบายภาษีศุลกากรเชิงรุกของ Trump อาจส่งผลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อและการตัดสินใจของเฟด นโยบายการค้าที่เข้มงวดมักส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้นและกระตุ้นเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้เฟดต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานขึ้นเพื่อควบคุมเสถียรภาพราคา
อย่างไรก็ตาม การที่ Trump เลือกที่จะชะลอการใช้มาตรการภาษีในช่วงแรกอาจเปิดโอกาสให้เฟดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการดำเนินนโยบายการเงิน โดยเฉพาะหากเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ซึ่งโดยปกติแล้วการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการลดอัตราดอกเบี้ยมักส่งผลบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยลดลง
James Reilly นักเศรษฐศาสตร์ตลาดอาวุโสที่ Capital Economics มองว่าแม้ความผันผวนจะยังคงอยู่ในระยะสั้น แต่แนวโน้มของดอลลาร์สหรัฐและตลาดหุ้นที่แข็งแกร่งขึ้นในปีแรกของการบริหารงานของ Trump อาจสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำบ้าง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานหลายประการยังคงสนับสนุนการลงทุนในทองคำระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ เงินเฟ้อที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจเพิ่มขึ้นจากการประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติด้านพลังงานและนโยบายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวด
Sam Stovall หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดที่ CFRA Research เสริมว่านักลงทุนกำลังจับตาดูความคืบหน้าของการผ่อนคลายกฎระเบียบและการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกระแสเงินทุนในตลาดการเงิน โดยในระยะยาว การขยายตัวของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งควบคู่ไปกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้นักลงทุนยังคงจัดสรรพอร์ตบางส่วนไปยังทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงและรักษามูลค่าของเงินลงทุนในระยะยาว
การที่สหรัฐฯ ต้องพึ่งพาการนำเข้าโลหะมีค่าจากประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างเม็กซิโกและแคนาดาในสัดส่วนที่สูง ประกอบกับความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทานโลกที่เชื่อมโยงตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก ทำให้การใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับโลหะมีค่ามีความเป็นไปได้น้อย ซึ่งอาจช่วยลดความผันผวนในตลาดและทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานมากขึ้นในระยะต่อไป
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
จากกราฟล่าสุด ราคาทองคำได้สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ $2,712 ขึ้นไปได้สำเร็จ และปัจจุบันกำลังเคลื่อนตัวที่ระดับ $2,715
การเคลื่อนไหวในระยะสั้นแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งหลังจากการพักฐานในรูปแบบ Price Correction ที่ได้วิเคราะห์ไว้ก่อนหน้า โดยราคาได้รับแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากทดสอบแนวรับบริเวณ $2,689 สำเร็จ ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ว่าเป็นบริเวณที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ
สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการดู RSI ในกรอบ 4 ชั่วโมง ที่ได้ฟื้นตัวขึ้นมาจากโซนกลางและกำลังเคลื่อนตัวขึ้น แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่เริ่มกลับเข้ามาหลังจากการพักฐาน นอกจากนี้ Stochastic RSI ก็แสดงการไขว้กันของเส้น %K และ %D ในทิศทางขาขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณยืนยันการฟื้นตัวในระยะสั้น
การเคลื่อนไหวของราคาในขณะนี้กำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่ $2,712 หากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง จะเป็นสัญญาณบวกที่แสดงถึงโอกาสในการปรับตัวขึ้นต่อไปยังเป้าหมายถัดไปที่ $2,726 และ $2,739
สำหรับกลยุทธ์การเทรดในระยะสั้น แนะนำให้ติดตามการทดสอบแนวต้าน $2,712 อย่างใกล้ชิด โดยหากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจพิจารณาเข้าซื้อเพิ่ม โดยใช้การปิดต่ำกว่า $2,689 เป็นจุดตัดขาดทุน ทั้งนี้ ควรระมัดระวังการเกิด Double Top บริเวณ $2,726 ซึ่งอาจทำให้เกิดการพักฐานในระยะสั้นได้อีกครั้ง
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,700
$2,689
$2,678
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,712
$2,726
$2,739
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน