วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 21 ก.ค. 2566

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >      

*ฝึกฝนเทรดด้วยเงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์

*รับโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์

Gold Spot ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $1,971 ขณะที่ Gold Futures อยู่ที่บริเวณ $1,973.70

ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนในวันพฤหัสบดี เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯและผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้น แม้ว่าความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐจะหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากการประชุมในเดือนกรกฎาคมจะจำกัดการลดลงดังกล่าว

“อัตราผลตอบแทนและเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นเราจึงเห็นผลกระทบย้อนกลับในทองคำ นอกจากนี้ พื้นที่ 2,000 ดอลลาร์นี้จะค่อนข้างท้าทายสำหรับตลาดทองคำในระยะสั้น” David Meger ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะของ High Ridge Futures กล่าว

ตอนนี้จุดสนใจของนักลงทุนเปลี่ยนไปที่การประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า โดยราคาในตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดจาก Fed

ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่สำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่าการปรับขึ้นในการประชุมเดือนก.ค.จะเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งสุดท้ายของวงจรการคุมเข้มในปัจจุบันจาก Fed

Carsten Menke นักวิเคราะห์ของ Julius Baer กล่าวว่า “การกลับตัวของราคาทองคำเมื่อเร็วๆ นี้ได้รับแรงหนุนอย่างมากจากการคาดการณ์ที่ว่า Fed เกือบจะเสร็จสิ้นในแง่ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว”

“ที่กล่าวว่า เราเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยถูกกำหนดให้อยู่ในระดับสูง และการกลับตัวอย่างรวดเร็วของนโยบายการเงินไม่ได้ใกล้เข้ามาเนื่องจากความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ”

ขณะที่ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงมีแรงผลักดันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจำนวนคนงานที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงลดลง

เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐกล่าวว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 9,000 รายเป็น 228,000 ราย ลดลงจากประมาณการผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจำนวน 237,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า

ข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุดแข็งแกร่งเกินคาด จากการคาดการณ์ที่เป็นเอกฉันท์ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเห็นผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 239,000 ราย

ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ซึ่งแสดงถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการแล้วอยู่ที่ 1.754 ล้านคนในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 กรกฎาคม เพิ่มขึ้น 33,000 คนจากระดับที่แก้ไขในสัปดาห์ก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนั้นตลาดทองคำไม่เห็นปฏิกิริยามากนักต่อข้อมูลการจ้างงานที่ดีเกินคาด แม้จะมีแรงขายอยู่บ้าง 

ทางด้านธนาคารกลางฟิลาเดลเฟียกล่าวว่าภาคการผลิตยังคงติดอยู่ในแดนหดตัว

ธนาคารกลางประจำภูมิภาคกล่าวว่าแนวโน้มธุรกิจการผลิตในเดือนกรกฎาคมค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลง โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น -13.5 เมื่อเทียบกับ -13.7 ในเดือนมิถุนายน ข้อมูลดังกล่าวผิดความคาดหวังอย่างมากเนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์มองหาการปรับปรุงข้อมูลเป็น -10.1

ส่วนประกอบของดัชนีแสดงความอ่อนแอในวงกว้าง ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ลดลงเป็น -15.9 ลดลงจากระดับ -11 ในเดือนมิถุนายน ในเวลาเดียวกัน ดัชนีการจัดส่งลดลงเป็น -12.5 ลดลงจากการอ่านครั้งก่อนที่ 9.9

ตลาดแรงงานก็สูญเสียโมเมนตัมเช่นกัน โดยดัชนีจำนวนพนักงานลดลงเป็น -1.0 ลดลงจาก -0.4

ส่งผลดีต่อทองคำ รายงานระบุแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลง ดัชนีราคาจ่ายลดลงเป็น 9.5 ลดลงจากการอ่านในเดือนมิถุนายนที่ 10.5

นักวิเคราะห์ตลาดบางคนกล่าวว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังและอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแอทำให้ธนาคารกลางสหรัฐมีที่ว่างในการยุติวงจรที่เข้มงวดขึ้นหลังจากการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า

ธนาคารกลางสหรัฐจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก 25 จุดสู่ช่วง 5.25%-5.50% ในวันที่ 26 กรกฎาคม ตามการสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด 106 คนโดยรอยเตอร์ โดยส่วนใหญ่ยังคงกล่าวว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งสุดท้ายของรอบความเข้มงวดในปัจจุบัน

เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้และการว่างงานที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ในช่วงหนึ่งปีนับตั้งแต่ที่ Fed เริ่มแคมเปญการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ได้สร้างความสับสนให้กับนักวิเคราะห์และนักลงทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง โดยมาตรการดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปชะลอตัวลงเหลือ 3.0% ในเดือนมิถุนายนจาก 4.0% ในเดือนพฤษภาคม นั่นทำให้ผู้สังเกตการณ์หลายคนใน Wall Street สรุปว่าอัตราเงินเฟ้ออาจถูกควบคุมในไม่ช้า กระตุ้นให้บางคนดิมพันว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 2023

การถกเถียงในปัจจุบันคืออาจจำเป็นต้องเพิ่มอัตรามากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่า “การสลายตัวของเงินเฟ้อ” จะดำเนินต่อไป หรือหากทำมากกว่านี้อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยไม่จำเป็น

แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเหนียวแน่น และประธาน Fed Jerome Powell และเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางคนอื่นๆ กล่าวว่า การเข้มงวดมากขึ้นกำลังจะเกิดขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะตัดสินใจหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวในการประชุมนโยบายเมื่อเดือนที่แล้ว

มุมมองที่ว่าอัตราจะคงสูงขึ้นไปอีกนานดูเหมือนจะได้รับแรงฉุด โดยสัดส่วนของผู้ตอบแบบสำรวจในช่วงวันที่ 13 - 18 กรกฎาคม ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในสิ้นเดือนมีนาคมปีหน้าลดลงอย่างมากเหลือ 55% จาก 78% เดือนที่แล้ว

Jan Nevruzi นักยุทธศาสตร์ด้านอัตราของสหรัฐฯ ที่ NatWest Markets กล่าวว่า “สำหรับ Fed แม้จะมีตัวเลข CPI ที่อ่อน แต่เรายังคงคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นในเดือนกรกฎาคม ในขณะที่เราหวังว่าอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงจะยังคงอยู่ 

“เราไม่ต้องการเร่งรีบและบอกว่าการต่อสู้กับเงินเฟ้อได้รับชัยชนะแล้ว ดังที่เราเคยเห็นการหลอกลวงในอดีต”

นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนในตลาดการเงินดูเหมือนว่าจะยังก้าวข้ามขั้นตอนเล็กน้อยของ Fed

การคาดการณ์แบบ “Dot Plot” ล่าสุดจากสมาชิกของคณะกรรมการกำหนดนโยบายตลาดกลางของรัฐบาลกลาง ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานข้ามคืนจะสูงสุดที่ 5.50% - 5.75% แต่มีนักเศรษฐศาสตร์เพียง 19 คนจาก 106 คนที่สำรวจโดยรอยเตอร์ ที่คาดการณ์ว่าจะถึงจุดนั้น

ความคาดหวังที่ Fed ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของวัฏจักรการขึ้นอัตราได้ผลักดันให้เงินดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงมีแนวโน้มที่จะทำให้การนำเข้ามีต้นทุนสูงขึ้นและทำให้แรงกดดันด้านราคาสูงขึ้น

นักเศรษฐศาสตร์ยังคงกังวลว่าอัตราเงินเฟ้ออาจไม่ลดลงเร็วพอ

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งตัดราคาอาหารและพลังงานออก จะลดลงเพียงเล็กน้อยหรือคงอยู่ในระดับปัจจุบันที่ต่ำกว่า 5% ภายในสิ้นปีนี้ ผู้ตอบแบบสอบถาม 20 คนจาก 29 คนในการสำรวจระบุเพิ่มเติม

Fed ตั้งเป้าเงินเฟ้อที่วัดโดยดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่ 2.0% รายงานล่าสุดอยู่ที่ 3.8% ในเดือนพฤษภาคม

แต่ไม่มีมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำรวจโดยรอยเตอร์ CPI, core CPI, PCE และ core PCE คาดว่าจะสูงถึง 2% จนถึงปี 2025 อย่างเร็วที่สุด

“ในขณะที่ตัวเลขล่าสุดน่าสนับสนุน การต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้วในขณะนี้ เนื่องจากผลกระทบพื้นฐานที่เกิดขึ้นตามหลังเรา” Doug Porter หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ BMO Capital Markets กล่าว โดยอ้างถึงข้อเท็จจริงที่อัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างมากในเดือนมิถุนายน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสูงขึ้นมากในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

“ในขณะที่แรง Disinflationary ของราคาพลังงานที่ลดลงนั้นจางหายไป นั่นจะทำให้เราต้องรับมือกับแนวโน้มพื้นฐาน 4% และการจะถอดรหัสอย่างแท้จริงนั้นน่าจะต้องอาศัยการชะลอตัวของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ”

นักเศรษฐศาสตร์เล็กน้อยที่ตอบคำถามเพิ่มเติม 14 คนจาก 23 คน ซึ่งกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อค่าจ้างจะเป็นองค์ประกอบที่เหนียวแน่นที่สุดของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน

เกือบ 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถาม 27 คนจากทั้งหมด 41 คน คาดการณ์ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ภายในปีหน้า โดย 85% กล่าวว่าจะเริ่มขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่งในปี 2023

ถึงกระนั้น เศรษฐกิจคาดว่าจะเติบโต 1.5% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 1.2% ที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว และจากนั้นจะชะลอตัวลงเหลือ 0.7% ในปีหน้า

ค่าเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นคู่แข็งโดยตรงของทองคำแข็งค่าเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินในวันพฤหัสบดี หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่ลดลงอย่างไม่คาดคิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง

อัตราต่อรองที่ธนาคารกลางสหรัฐจะยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 25 จุดพื้นฐานในสัปดาห์หน้าขยับสูงขึ้นหลังจากข้อมูล นักลงทุนตลาดฟิวเจอร์ของกองทุน Fed กำลังกำหนดราคาเพิ่มขึ้น 34 จุดพื้นฐานของการเข้มงวดขึ้นจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นอีก 32 จุดพื้นฐานในวันพุธ

“ตลาดกำลังค้นหาสัญญาณของการปลดพนักงานในสหรัฐฯ และมันก็ไม่เกิดขึ้นจริง” Adam Button หัวหน้านักวิเคราะห์สกุลเงินของ ForexLive ในโตรอนโตกล่าว “จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในวันนี้ตอกย้ำอีกครั้งว่า สหรัฐฯ มีตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง และ Fed ยังมีงานต้องทำอีกมาก”

นักลงทุนจะให้ความสนใจกับความคิดเห็นของประธาน Fed Jerome Powell หลังการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในวันพุธ เพื่อหาเบาะแสใหม่ ๆ ว่ามีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ในเดือนกันยายน

ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงหลังจากการเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคและผู้ผลิตที่เย็นลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านราคาอาจใกล้เคียงกับการกลับสู่เป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของ Fed

ตามเครื่องมือ FedWatch ของ CME มีความเป็นไปได้ 99.8% ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้าอีก 25 จุดพื้นฐาน เครื่องมือ FedWatch คาดการณ์ว่าหลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้แล้ว พวกเขาจะหยุดชั่วคราวในการประชุมเดือนกันยายนโดยมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นที่ 83.9% มีความเป็นไปได้ 66.2% ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระหว่าง 5.25% - 5.50% ในเดือนพฤศจิกายน และมีความเป็นไปได้ 60.8% ที่ Fed จะทำสิ่งเดียวกันในเดือนธันวาคม โดยปล่อยให้อัตราอยู่ที่เดิมหลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง

ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากไม่สามารถผ่านแนวต้าน $1,985 ได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นแนวโน้มที่ดีในตลาดกระทิง

จากการที่ราคาปรับตัวลดลงมา ทำให้ RSI ในระดับ 4 ชั่วโมง ได้ชะลอตัวลง และมีการลงมาทดสอบเส้น Trend Line ซึ่งผลออกมาคือการยืนได้อย่าง

สวยงาม อีกทั้งบริเวณเส้น EMA 12 และ 26 ยังคงเป็นเส้นแนวรับที่ยันราคาเอาไว้ได้

แต่ในวันนี้ยังคงต้องติดตามต่อไปว่าราคาจะสามารถรักษาโมเมนตั้มไว้ได้หรือไม่

แนวรับที่น่าจะยังคงมีโอกาสถูกทดสอบคือบริเวณ $1,970 และถัดไปที่ $1,960 ซึ่งหากลงมาถึงบริเวณ $1,960 อาจจะทำให้ RSI หลุด Trend Line และตามมาด้วยแรงขายทางเทคนิคได้

แต่หากราคาสามารถยืนอยู่ได้ โอกาสที่จะสร้างฐานในการกลับขึ้นไปทดสอบช่วง $1,985 ก็จะมีมากขึ้น

ซึ่งถ้าหากบริเวณ $1,970 ยังคงเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง จะทำให้ในวันนี้ราคาทองคำมีโอกาสเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ $1,970 - $1,985

กราฟทองคำ ระดับ 4 ชั่วโมง

- แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $1,970 , $1,960 , $1,955 และ $1,944 ตามลำดับ

- แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $1,980 - $1.985