วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 15 มี.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
Gold Spot ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $2,162.29 ขณะที่ Gold Futures อยู่ที่บริเวณ $2,166.2
ราคาทองคำปรับลดลงอีกครั้งในวันพฤหัสบดี หลังจากที่ตลาดเริ่มปรับโอกาสของธนาคารกลางสหรัฐในการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมต่ำลง หลังจากรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ร้อนแรงเกินคาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น รวมถึงหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่แข่งหลักของราคาทองคำ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแผนการของธนาคารกลางสหรัฐที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.36 เมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมกราคม ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดร้อนแรงเกินคาดเนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์มองว่าจะเพิ่มขึ้นแค่ 0.3%
รายงานระบุว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 1.6% อีกทั้งนี่เป็น “การเพิ่มขึ้นที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ขยับขึ้น 1.8 % ในช่วง 12 เดือนตั้งแต่เดือนกันยายน 2023”
ในขณะเดียวกัน Core PPI เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมกราคม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด เนื่องจากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญมองไปที่ตัวเลข 0.2%
สำหรับรอบปี อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.0% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมกราคม
ขณะที่ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนที่แล้ว หลังจากที่ลดลง -1.1% จาก -0.8% ในเดือนมกราคม ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าตัวเลขในเดือนกุมภาพันธ์จะเพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งคาดเคลื่อนเล็กน้อย
ยอดขายหลักซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่เพิ่มขึ้น 0.5% และเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ลดลงในเดือนมกราคม -0.8%
ถึงแม้ทองคำจะมีการพักตัวหลังจากขึ้นสู่ระดับสูงสุดตลอดกาล แต่นักยุทธศาสตร์ก็มองว่าสุดท้ายแล้วราคาจะปรับตัวกลับขึ้นไปอีกครั้ง
ความเห็นล่าสุดเกี่ยวกับตลาดของ Florian Grummes กรรมการผู้จัดการของ Midas Touch Consulting กล่าวว่าการขึ้นของราคาทองคำเกือบ 2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ทำให้ระยะการสะสมในช่วง 13 ปีจบลงอย่างชัดเจน เนื่องจากก่อนหน้านี้ราคามีการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ระหว่าง 1,900 ถึง 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์
“ถ้าไม่หวั่นไหวกับไปกับการย่อตัวในระยะสั้น มีแนวโน้มว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นที่สำคัญครั้งต่อไปของราคา”
แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่ราคาทองคำจะกลับไปกลับลงมาทดสอบแนวรับบริเวณ 2,075 ดอลลาร์ แต่ Grummes กล่าวว่าในที่สุดเขาก็เห็นเป้าหมายราคาที่ 2,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม เขาเสริมว่าการปรับฐานเหล่าที่เกิดขึ้นควรถือเป็นโอกาสในการซื้อ
Grummes คาดว่าทองคำจะถึงเป้าหมายภายในสามเดือน ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าตลาดจะมีแนวรับสำคัญบริเวณ 2,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับที่กระตุ้นให้เกิดการขายอย่างมีนัยสำคัญในช่วงต้นเดือนธันวาคม
เขาสันนิษฐานว่าหลังจากการทรงตัวกว่าสองเดือนครึ่ง การขึ้นของราคาที่กำลังดำเนินอยู่ไม่น่าจะยุติลงหลังจากผ่านไปเพียงสามสัปดาห์ แต่แนวโน้มขาขึ้นใหม่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็มีความผันผวน
เหตุผลหนึ่งที่ Grummes มีความเชื่อมั่นว่าการปรับฐานจะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ ก็เนื่องมาจากการที่ราคาทองคำยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปและสื่อกระแสหลักเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดทองคำยังคงไม่มากและไม่เป็นอุปสรรคต่อราคาที่สูงในขณะนี้
Grummes กล่าวเสริมว่าด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดทุนที่ร้อนแรง และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น นักลงทุนจึงจะเริ่มให้ความสนใจกับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
แน่นอนว่าไม่ใช่นักลงทุนทุกคนที่สนใจทองคำ กลงทุนชาวตะวันตกยังคงลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี “Magnificant 7” แต่นักลงทุนในเอเชียกลับสนใจการซื้อทองคำมากกว่า
Grummes คาดว่านักลงทุนจีนจะซื้อทองคำต่อไปตามที่รัฐบาลทำ ธนาคารประชาชนจีนได้เพิ่มทุนสำรองทองคำเป็นเวลา 16 เดือนติดต่อกัน โดยซื้อโลหะมีค่า 12 ตันเมื่อเดือนที่แล้ว
“จีนครองตลาดทองคำด้วยความต้องการที่แข็งแกร่งจากธนาคารกลาง และกระแสซื้อที่บ้าคลั่งในช่วงต้นปี ด้วยการซื้อขายเก็งกำไรตลาดทองคำในตะวันตกจึงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากขึ้น โดยรวมแล้ว สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคยังคงเอื้ออำนวยต่อราคาทองคำอย่างมาก” Grummes ปิดท้าย
นอกจากดัชนี PPI ที่เพิ่มขึ้น รายงานจากกระทรวงแรงงานก็ดีกว่าที่คาดเช่นกัน โดยข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการขอรับสวัสดิการว่างงานของรัฐเบื้องต้นของสหรัฐฯ ลดลง 1,000 ราย เหลือ 209,000 ราย โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะมีการขอรับสวัสดิการว่างงาน 218,000 รายในสัปดาห์ล่าสุด
“มีความเป็นไปได้ที่ Fed ในสัปดาห์หน้าจะขึ้นปรับจุดยืนสำหรับปี 2024 และ 2025 ซึ่งหมายถึงการลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลง” Thierry Albert Wizman นักยุทธศาสตร์ในนิวยอร์กกล่าว
“เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งตลอดไตรมาสแรก และมีหลักฐานบางอย่างที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อกำลังชะลอตัว”
Dot plot ในปัจจุบันของ Fed หรือการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง แสดงให้เห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปี 2024 แต่ตัวเลขดังกล่าวได้ถูกประกาศในการประชุมเดือนธันวาคมและตัวเลขเงินเฟ้อนับตั้งแต่นั้นมาก็ค่อนข้างดื้อรั้น
การประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีกำหนดระหว่างวันที่ 19-20 มีนาคม และแม้ว่าตลาดจะไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย แต่นักลงทุนก็จะจับตาดูการแก้ไข Dot plot อย่างใกล้ชิด
ตลาดล่วงหน้าได้ลดโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายนเป็น 60% จากประมาณ 67% ในช่วงดึกของวันพุธ ตามความน่าจะเป็นของอัตราดอกเบี้ยของ LSEG สำหรับปี 2024 ขณะนี้ตลาดกำลังกำหนดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าสามครั้ง โดยลดลงจากระหว่างสามถึงสี่เมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อน
ในระหว่างการให้การเป็นพยานที่รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธาน Fed Jerome Powell กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าพวกเขาสามารถผ่อนคลายนโยบายในช่วงปลายปีได้ อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่ามันจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้กำหนดนโยบายว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย 2% ของ Fed อย่างยั่งยืน
ทางด้านธนาคารในออสเตรเลียนำโดย Daniel Hynes และทีมนักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของเขาที่ ANZ bank คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะแตะระดับ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2,200 ดอลลาร์
แม้ว่าธนาคารออสเตรเลียคาดว่าราคาทองคำจะสูงขึ้น แต่ Hynes กล่าวว่าตลาดจะยังคงอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
แม้ราคาทองคำถูกกดดันตามข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่าอัตราเงินเฟ้อที่ดื้อรั้นทำให้ Federal Reserve อยู่ในสถานะที่ยากลำบาก เนื่องจากคาดว่าจะเริ่มวงจรการผ่อนคลายใหม่ในปีนี้
Hynes กล่าวว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้ทองคำต้องเจอแรงกดดันในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ANZ คาดว่าธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม
“ในขณะที่เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว แต่การย่อตัวจะมีแนวโน้มแค่ในระยะสั้น” Hynes กล่าว “การย่อตัวจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ”
อย่างไรก็ตาม เขาชี้ให้เห็นว่าด้วยราคาที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่ออุปสงค์ทางกายภาพของทองคำ
แต่ถึงจะมีอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น Hynes ก็มองว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์จะให้การสนับสนุนทองคำต่อไป เขาเสริมว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 อาจผลักดันความต้องการทองคำอีกในช่วงครึ่งหลังของปี
“ท่ามกลางความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ตลาดตราสารทุนกำลังทำสถิติสูงสุด สิ่งนี้อาจทำให้นักลงทุนระมัดระวังเกี่ยวกับความเสี่ยงขาลงมากกว่าศักยภาพขาขึ้น ความผันผวนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเราเข้าใกล้การเลือกตั้งสหรัฐฯ”
แนวโน้มสุดท้ายของการสนับสนุนทองคำยังคงเป็นความต้องการของธนาคารกลาง ANZ ยังคงคาดหวังว่าธนาคารกลางจะซื้อทองคำประมาณ 600 ตันจนถึงปี 2030 และต่อๆ ไป
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมืองจริงฟรี $50, 000 ดอลลาร์!💰
แนวโน้มทางด้านเทคนิคของราคาทองคำ
ราคาทองคำเริ่มพักตัวสร้างฐานอีกครั้งโดยขยับเข้าสู่โซนแนวรับแรกในที่สุด อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับตัวลงต่อในวันนี้ โดยในกราฟรายชั่วโมง ราคาเริ่มมีการทำจุดสูงสุดที่ต่ำลงซึ่งต้องติดตามต่อว่าจะสร้างจุดต่ำสุดที่ลดลงอีกหรือไม่ ซึ่งจะเป็นเหตุให้ราคาปรับตัวลง
แนวต้านในวันนี้จะอยู่บริเวณ $2,170 ที่อาจจะเป็นเส้น Trend Line ที่กดดันราคา ก่อนที่จะกลับไปเจอกับแนวต้านบริเวณ $2,184
ในส่วนของแนวรับจะอยู่ที่ $2,157 - $2,150 ที่เป็นจุดต่ำสุดก่อนหน้านี้ และมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ $2,131 - $2,124
กราฟทองคำ 1 วัน และกราฟทองคำ 4 ชั่วโมง
แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,157 - $2,150 และ $2,131 - $2,124
แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,170 - $2,184
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน