วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 16 ม.ค. 2568
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 16 มกราคม ตลาดทองคำกลับมามีแรงซื้อที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่จะสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน ผลักดันให้ราคาทองในตลาด XAU/USD พุ่งทะลุ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นับเป็นการปรับตัวขึ้นกว่า 2.5% นับตั้งแต่ต้นปี สร้างความหวังให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เดิม
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ของนักลงทุนทั่วโลกที่มองว่า Fed จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีนี้ หลังจากที่ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดมาอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำยังสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่ในหลายภูมิภาค
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ (BLS) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนที่ผ่านมา ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 0.3% ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานรายปีอยู่ที่ 3.2% ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการชะลอตัวของแรงกดดันด้านราคาในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นักลงทุนทั่วโลกจับตา Fed เตรียมปรับลดดอกเบี้ย ท่ามกลางสัญญาณเงินเฟ้อผ่อนคลาย
สถานการณ์เงินเฟ้อที่เริ่มคลี่คลายส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกคาดการณ์ว่า Fed จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีนี้ โดยตลาดการเงินประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงประมาณ 40 basis points (bps) ภายในสิ้นปี 2025 นอกจากนี้ ข้อมูลจากตลาดตราสารหนี้ยังแสดงให้เห็นว่านักลงทุนให้น้ำหนักกับความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3-4 ครั้งในปีนี้ มากกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้าที่มองว่าจะมีการปรับลดเพียง 1-2 ครั้ง
การเปลี่ยนแปลงในมุมมองของตลาดเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายตัวเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว โดยเฉพาะในภาคการผลิตและการจ้างงาน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่านโยบายการเงินที่เข้มงวดของ Fed เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม Michael Brown นักวิจัยอาวุโสจาก Pepperstone ชี้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงภาพรวมของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากแรงกดดันด้านราคายังคงมีความดื้อรั้น และเส้นทางกลับสู่เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของ Fed ยังต้องเผชิญกับความผันผวน
ประเด็นที่น่าจับตามองคือนโยบายการค้าของรัฐบาล Donald Trump ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ โดยเฉพาะแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อรอบใหม่และเป็นอุปสรรคต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed นอกจากนี้ หากรัฐบาลใหม่ดำเนินนโยบายด้านภาษีตามที่หาเสียงไว้ อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
World Gold Council ชี้ทองยังมีโอกาสเติบโตในปี 2025 แม้ชะลอตัวจากปีก่อน
Juan Carlos Artigas หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของ World Gold Council (WGC) มองว่าทองคำยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2025 แม้จะชะลอตัวลงจากปี 2024 ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 40 ครั้ง โดยราคาทองคำได้รับประโยชน์จากปัจจัยหลายด้าน ทั้งความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบการเงินโลก ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากธนาคารกลางที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในทุนสำรองระหว่างประเทศ และแนวโน้มการอ่อนค่าของสกุลเงินหลักทั่วโลก
การที่ราคาทองคำสามารถรักษาระดับเหนือ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างมั่นคงในช่วงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานตลาด โดยนักลงทุนเริ่มมองทองคำเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรมีความผันผวนสูง โดยระบุว่าความสำเร็จของทองคำเป็นผลมาจากคุณสมบัติที่เป็นทั้งสินทรัพย์เพื่อการลงทุนและสินค้าอุปโภคบริโภค ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้หลากหลายรูปแบบ
ทองคำได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพสูงในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่งของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย สะท้อนให้เห็นจากการที่ธนาคารกลางจีนกลับมาซื้อทองคำในเดือนพฤศจิกายนหลังจากหยุดพักไป 6 เดือน
Goldman Sachs มองทองทะลุ 3,000 ดอลลาร์ ในปี 2026 ท่ามกลางความเสี่ยงการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์
Gary Wagner บรรณาธิการของ TheGoldForecast.com คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะมีการปรับฐานครั้งสุดท้ายที่ระดับ 2,600 ดอลลาร์ก่อนที่จะเร่งตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ในปี 2025 โดยอ้างอิงจากรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึงสองครั้ง ครั้งละประมาณ 500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากรูปแบบนี้ยังคงดำเนินต่อไป ราคาทองคำมีโอกาสแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
ด้าน Goldman Sachs ได้ปรับประมาณการราคาทองคำในช่วงต้นปี โดยเลื่อนการคาดการณ์ราคาทองคำที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากปี 2025 ไปเป็นกลางปี 2026 และคาดว่าราคาทองคำจะแตะระดับ 2,910 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2025 ท่ามกลางปัจจัยสนับสนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่
ความเสี่ยงวิกฤตหนี้และนโยบายการค้าใหม่ อาจสร้างความผันผวนให้ตลาดทองปี 2025
World Economic Forum (WEF) ระบุในการสำรวจประจำปีว่าความขัดแย้งทางอาวุธเป็นความเสี่ยงอันดับหนึ่งในปี 2025 โดยผู้ตอบแบบสำรวจเกือบหนึ่งในสี่มองว่าความขัดแย้งทางอาวุธระหว่างรัฐเป็นความเสี่ยงเร่งด่วนที่สุด สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการแบ่งแยกที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ Artigas ยังเตือนถึง “Black Swan Event” หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2025 นั่นคือวิกฤตหนี้ภาครัฐ โดยระบุว่ามีแนวโน้มที่น่ากังวล ทั้งระดับหนี้ภาครัฐโดยรวมที่พุ่งสูงขึ้น และความสามารถในการรักษาระดับการใช้จ่ายและการระดมทุนของรัฐบาลหลายประเทศที่กำลังเผชิญความท้าทาย บทเรียนจากวิกฤตการเงินโลกแสดงให้เห็นว่าเมื่อสถานการณ์เหล่านี้เริ่มคลี่คลาย มักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง
ภาพรวมตลาดทองคำในปี 2025 ยังคงมีปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ประกอบกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในระเบียบการเงินโลก (Global Financial Order) ที่อาจนำไปสู่การลดบทบาทของดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองหลักของโลก
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ได้กล่าวถึงไว้ที่ $2,678 และ $2,689 โดยปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นมาถึงระดับ $2,700
การเคลื่อนไหวนี้มีนัยสำคัญทางเทคนิคหลายประการ ประการแรก จะเห็นการยืนยันของแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนขึ้น โดยราคาสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) ต่อเนื่องจากรูปแบบ Double Bottom ที่ได้กล่าวถึงก่อนหน้า การเคลื่อนไหวของราคาเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งระยะสั้นและระยะกลางยังคงแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
ในแง่ของ Momentum จะเห็นการปรับตัวขึ้นของ RSI ที่ยังไม่เข้าสู่เขต Overbought ซึ่งบ่งชี้ว่ายังมีพื้นที่สำหรับการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นมาถึงระดับ $2,700 นี้นำราคาเข้าใกล้แนวต้านซึ่งเป็นระดับ Previous High ที่สำคัญ การเคลื่อนไหวในระยะถัดไปจึงต้องจับตาดูว่าราคาจะสามารถผ่านแนวต้านนี้ไปได้หรือไม่ โดยมีแนวต้านสำคัญถัดไปที่ $2,712 หากสามารถผ่านไปได้
ในด้านแนวรับ ระดับ $2,689 ที่เคยเป็นแนวต้านได้กลายเป็นแนวรับสำคัญในปัจจุบัน ตามด้วยแนวรับที่ $2,678 และ $2,662 ตามลำดับ การรักษาระดับเหนือแนวรับเหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาแนวโน้มขาขึ้นต่อไป
สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในการปรับตัวขึ้นครั้งนี้ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความไม่มั่นใจของผู้ซื้อในการผลักดันราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ $2,712 การติดตาม Volume ในช่วงการทดสอบแนวต้านนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินโอกาสในการทะลุผ่าน
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,689
$2,678
$2,662
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,700
$2,712
$2,726
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน