วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 31 ต.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 31 ตุลาคม 2567 สถานการณ์ตลาดทองคำโลกยังคงร้อนแรน เมื่อราคาโลหะมีค่าพุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $2,790 ในช่วงเช้าวันนี้ โดยปัจจัยสำคัญมาจากความวิตกของนักลงทุนต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง การแข่งขันระหว่าง Kamala Harris รองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต และ Donald Trump อดีตประธานาธิบดี กำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนวันที่ 5 พฤศจิกายน หรือที่รู้จักในนาม Super Tuesday โดยผลโพลล่าสุดชี้ว่าทั้งสองฝ่ายกำลังสูสีกันอย่างดุเดือด สร้างความไม่แน่นอนให้กับทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ ในอนาคต
ราคาทองคำในปีนี้สร้างปรากฏการณ์ที่น่าทึ่ง ด้วยการพุ่งขึ้นกว่า 35% นับเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดในรอบ 12 เดือน และกำลังจะทำสถิติผลตอบแทนรายปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979 แหล่งข่าวที่อ้างอิงโดย Reuters ยังได้คาดการณ์ว่าราคาทองมีโอกาสพุ่งแตะระดับ $3,000 ภายในปี 2025 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความกังวลในตลาดเกิดใหม่ การไหลเข้าของเงินลงทุนในกองทุน ETF ทองคำ และการปรับตัวของตลาดภายหลังการเลือกตั้ง นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันกลางยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าล่าสุดเจ้าหน้าที่อิสราเอลจะรายงานว่ากลุ่ม Hezbollah พร้อมที่จะถอนตัวออกห่างจากกลุ่ม Hamas ในฉนวนกาซา และกองกำลัง IDF ใกล้จะเสร็จสิ้นปฏิบัติการภาคพื้นดินแล้วก็ตาม
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณแข็งแกร่งเกินคาด กดดันนโยบายการเงิน
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากรายงานการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ที่เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานเดือนตุลาคมที่ระดับ 233,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 110,000 ตำแหน่งอย่างมีนัยสำคัญ Nela Richardson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADP ให้ความเห็นว่า “แม้จะต้องเผชิญกับการฟื้นตัวจากพายุเฮอริเคน การจ้างงานในเดือนตุลาคมยังคงแข็งแกร่งอย่างน่าประทับใจ เมื่อใกล้สิ้นปี ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นในวงกว้าง”
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของเงินเฟ้อด้านค่าจ้าง สถานการณ์ยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยรายงานระบุว่าค่าจ้างสำหรับพนักงานที่ยังคงทำงานในตำแหน่งเดิมเพิ่มขึ้น 4.6% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ในขณะที่พนักงานที่เปลี่ยนงานในเดือนที่ผ่านมาเห็นการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างรายปีชะลอตัวลงเหลือ 6.2% สะท้อนให้เห็นว่าแรงกดดันด้านค่าจ้างเริ่มผ่อนคลายลง แม้ว่าตลาดแรงงานจะยังคงตึงตัวก็ตาม
ตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งนี้อาจส่งผลต่อการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมครั้งต่อไป โดยนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าเฟดอาจต้องชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไป หากตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งเกินคาด เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะลดลงสู่เป้าหมายที่ 2% อย่างยั่งยืน
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัว แต่ยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาด
สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ (Bureau of Economic Analysis) ได้เปิดเผยตัวเลข Gross Domestic Product (GDP) เบื้องต้นสำหรับไตรมาสที่สามของปี 2024 พบว่าเศรษฐกิจเติบโตที่ระดับ 2.8% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ลดลงจาก 3.0% ในไตรมาสที่สอง และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย รายงานระบุว่าการเพิ่มขึ้นของ GDP มาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค การส่งออก และการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง ในขณะที่การนำเข้า ซึ่งถูกนำมาหักในการคำนวณ GDP มีการเพิ่มขึ้นเช่นกัน
Michael Brown นักยุทธศาสตร์วิจัยอาวุโสจาก Pepperstone ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า แม้ตัวเลขจะอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่อัตราการเติบโตนี้ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเป็นไตรมาสที่แปดในเก้าไตรมาสล่าสุดที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการเติบโตรายไตรมาสเกิน 2% สะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงทำผลงานได้ดีกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของรายงาน พบว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 3.7% ในไตรมาสที่สาม ในขณะที่ดัชนี Core Personal Consumption Expenditures (PCE) Index ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.2% สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 2.1% ส่วนดัชนี GDP Price Index เพิ่มขึ้น 1.8%
Brown ยังเสริมว่า โดยภาพรวมแล้ว ข้อมูลยืนยันว่าสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าสู่การ “Soft Landing” อย่างแท้จริง โดยการเติบโตยังคงมีความยืดหยุ่น ในขณะที่แรงกดดันด้านราคาเริ่มลดลง ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) จึงมีแนวโน้มที่จะดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป โดยเริ่มจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า และอาจมีการปรับลดในลักษณะเดียวกันในการประชุมครั้งต่อๆ ไป จนกว่านโยบายจะกลับสู่ระดับที่เป็นกลางในช่วงฤดูร้อนปีหน้า
ปรากฏการณ์ทองคำท้าทายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น
หนึ่งในปรากฏการณ์ที่น่าสนใจที่สุดในตลาดการเงินขณะนี้คือการที่ราคาทองคำสามารถพุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ใกล้ระดับ $2,800 แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะยังคงอยู่ในระดับสูง โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ได้ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 4% และกำลังซื้อขายใกล้จุดสูงสุดในรอบสามเดือน นักวิเคราะห์บางรายระบุว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เนื่องจากเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของประเทศยังคงแข็งแกร่ง
Ryan McIntyre กรรมการผู้จัดการของ Sprott Inc. ให้มุมมองที่น่าสนใจโดยชี้ให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นคือความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่พุ่งทะลุ 35 ล้านล้านดอลลาร์ เขาอธิบายว่า “คำถามสำคัญคือในขณะที่หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราผลตอบแทนเท่าไหร่จึงจะดึงดูดนักลงทุนรายใหม่เข้าสู่ตลาด? ผมคิดว่าเรากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่นักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับหนี้สหรัฐฯ ผู้คนเริ่มสงสัยว่าอาจมีเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและการลดค่าเงินมากขึ้น”
ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ขนาดของหนี้เท่านั้น แต่อยู่ที่อัตราการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่เติบโตอย่างรวดเร็วแม้ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังค่อนข้างแข็งแรง McIntyre ตั้งคำถามที่น่าคิดว่า “แล้วอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย? รัฐบาลจะต้องใช้จ่ายมากแค่ไหนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว? เรากำลังทดสอบขีดจำกัดของระดับหนี้ในประวัติศาสตร์ และมันกำลังทำให้นักลงทุนบางรายเริ่มคิดหนักและหันมามองหาทางเลือกอื่น”
McIntyre กล่าวว่าแม้จะมีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น แต่นี่กลับเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทองคำ ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมราคาจึงพุ่งขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน “ทองคำเป็นสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวที่เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์และเป็นที่ยอมรับในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย”
ในขณะที่ตลาดการเงินโลกยังคงเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอนสูง ไม่ว่าจะเป็นจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ความขัดแย้งในตะวันกลาง หรือความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะที่พุ่งสูง ทองคำดูเหมือนจะยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการปกป้องพอร์ตการลงทุนจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การที่ราคาทองสามารถพุ่งทำสถิติใหม่แม้ในภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในระดับสูง อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบการเงินโลกในระยะยาว
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำทำจุดสูงสุดทางประวัติศาสตร์ (All Time High) ที่ระดับ $2,790 สะท้อนถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ อย่างไรก็ตาม การเกิด Bearish Divergence บนกราฟ RSI เริ่มส่งสัญญาณเตือนถึงการพักฐานในระยะสั้น โดยค่า RSI ไม่สามารถสร้างจุดสูงใหม่ได้ในขณะที่ราคายังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
แท่งเทียนล่าสุดแสดงการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ สะท้อนถึงการชะลอตัวของแรงซื้อหลังจากที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แม้ราคายังคงอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้ง EMA 12, EMA 26 และ EMA 200 อย่างแข็งแกร่ง แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางที่ยังคงแข็งแกร่ง
แนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับจิตวิทยา $2,800 ส่วนแนวรับสำคัญอยู่ที่ $2,775 และ $2,758 โดยมีเส้น EMA 12 (เส้นสีแดง) คอยพยุงราคาไว้ที่บริเวณ $2,775
คาดการณ์ว่าในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า แม้จะมีสัญญาณ Bearish Divergence แต่ด้วยความที่ราคาทำ All Time High แรงขายทำกำไรอาจถูกจำกัดด้วยความคาดหวังเชิงบวกของตลาด ราคาอาจแกว่งตัวในกรอบ $2,775-2,800 โดยมีโอกาสทะลุ $2,800 หากมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติม นักลงทุนควรติดตามระดับแนวรับ $2,775 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นระดับสำคัญที่จะรักษาแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น หากยืนเหนือระดับนี้ได้ โอกาสที่ราคาจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ยังคงมีอยู่
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,775
$2,758
$2,739
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,790
$2,800
$2,810
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน