วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 3 ม.ค. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 3 มกราคม 2568 หลังจากเข้าสู่ปีใหม่นี้ ราคาทองคำในตลาดโลกยังคงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยล่าสุดได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 2,660 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะหลังจากเกิดเหตุการณ์รัสเซียโจมตีกรุงเคียฟด้วยโดรนในช่วงเช้าวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความเสียหายในสองเขตของเมืองหลวงยูเครน ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางก็ยังคงตึงเครียด เมื่ออิสราเอลยังคงปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ต่างๆ ของเมืองกาซาอย่างต่อเนื่อง

ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์เหล่านี้ได้ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น สะท้อนผ่านปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย Henrik Marx หัวหน้าฝ่ายการซื้อขายทั่วโลกของ Heraeus Precious Metals ได้แสดงความเห็นว่า ความสนใจจากธนาคารกลางทั่วโลกจะเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการซื้อในปีหน้า พร้อมคาดการณ์ว่าราคาทองคำมีโอกาสพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 2,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2025

ข้อมูลล่าสุดระบุว่าธนาคารกลางทั่วโลกได้เพิ่มการถือครองทองคำอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024 มีการซื้อทองคำรวมกันถึง 694 ตัน ซึ่งถือเป็นปริมาณที่สูงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนและลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำอาจถูกจำกัดบางส่วนจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่อาจเป็นไปอย่างช้าๆ กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ Fed ได้ส่งสัญญาณในการประชุมเดือนธันวาคมว่า แม้จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่อัตราการปรับลดอาจช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากต้องการความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะลดลงสู่เป้าหมายที่ 2% อย่างยั่งยืน

ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งเหนือคาด แต่ไม่กระทบราคาทองที่ยืนเหนือ 2,650 ดอลลาร์

ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานที่ยังคงเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ โดยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ธันวาคม อยู่ที่ 211,000 ราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 224,000 ราย และลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 219,000 ราย

การปรับตัวลดลงของตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงมีความยืดหยุ่นสูง แม้จะเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงมาเป็นเวลานาน โดยค่าเฉลี่ยการยื่นขอสวัสดิการว่างงานในรอบ 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่นักวิเคราะห์มองว่าสะท้อนแนวโน้มตลาดแรงงานได้แม่นยำกว่าเนื่องจากช่วยลดความผันผวนรายสัปดาห์ อยู่ที่ 223,250 ราย ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของสัปดาห์ก่อนที่ปรับแก้แล้วที่ 226,750 ราย

แม้ตัวเลขแรงงานจะออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด ซึ่งโดยปกติมักส่งผลกดดันราคาทองคำ เนื่องจากอาจทำให้ Fed ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ราคาทองคำกลับยังคงทรงตัวได้ที่ระดับ 2,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สะท้อนให้เห็นว่าตลาดอาจให้น้ำหนักกับปัจจัยอื่นๆ มากกว่า โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

นักวิเคราะห์ชี้โอกาสทองทะลุแนวต้านมีสูง หลังเปลี่ยนจุดพักตัวเป็นแนวรับใหม่ พร้อมแนะจับตาการประชุมเฟดเดือนมกราคม

James Hyerczyk นักวิเคราะห์จาก FX Empire ได้ออกมาให้ความเห็นว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมามีนัยสำคัญทางเทคนิค หลังจากที่ราคาได้เปลี่ยนระดับ 2,629 ดอลลาร์จากเดิมที่เคยเป็นแนวต้านมาเป็นแนวรับที่สำคัญ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ทั้งจากความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ อย่าง Donald Trump ที่อาจสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ประกอบกับการที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ ราคาทองคำได้เคลื่อนตัวขึ้นผ่านโซนแนวต้าน (Retracement Zone) ที่ระดับ 2,629.13 ถึง 2,607.35 ดอลลาร์ และเปลี่ยนโซนดังกล่าวให้กลายเป็นแนวรับใหม่ ซึ่งการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้เป็นการส่งสัญญาณทางเทคนิคว่าราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันที่ระดับ 2,659.15 ดอลลาร์ และหากผ่านไปได้ก็มีโอกาสขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านถัดไปที่ 2,663.51 ถึง 2,693.40 ดอลลาร์

ในปี 2024 ที่ผ่านมา ทองคำสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 27% ซึ่งถือเป็นผลการดำเนินงานรายปีที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการที่เฟดเริ่มส่งสัญญาณเข้าสู่วัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้คาดว่าจะยังคงมีอิทธิพลต่อราคาทองคำอย่างต่อเนื่องในปี 2025

นอกจากนี้ Hyerczyk ยังชี้ให้เห็นว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวลดลงในวันแรกของการซื้อขายปี 2025 แม้ว่าคาดว่าอัตราผลตอบแทนจะยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต แต่แรงกดดันที่มีต่อตลาดหุ้นอาจส่งผลดีต่อราคาทองคำ โดยในช่วงปลายปี 2024 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปิดที่ระดับสูงกว่า 4.5% และมีการเคลื่อนไหวผันผวนตลอดทั้งปี

การที่ Fed ส่งสัญญาณในเดือนธันวาคมว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างจำกัดในปี 2025 บ่งชี้ว่าทองคำอาจได้รับประโยชน์จากสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น นักวิเคราะห์ยังชี้ให้เห็นว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงต้นปี 2025 โดยเงินเยนฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ตลาดเงินยังคงจับตาดูช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และเศรษฐกิจอื่นๆ ซึ่งขับเคลื่อนความต้องการเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวที่อาจเกิดขึ้นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งหลังของปีอาจท้าทายความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำทางอ้อม

จีนกลับมานำเข้าทองคำอย่างคึกคัก ยอดพุ่งกว่า 100% ในเดือนพฤศจิกายน สะท้อนอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง

ความน่าสนใจในตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่จีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก กลับมาแสดงความสนใจในการนำเข้าทองคำอย่างมีนัยสำคัญ โดยข้อมูลจากกรมสำรวจสำมะโนและสถิติฮ่องกงเผยว่า จีนนำเข้าทองคำสุทธิผ่านฮ่องกงในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ 33.074 เมตริกตัน เพิ่มขึ้น 115% จาก 15.414 เมตริกตันในเดือนตุลาคม และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2024

การนำเข้าทองคำรวมผ่านฮ่องกงก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 60% เป็น 45.22 เมตริกตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน สอดคล้องกับข้อมูลศุลกากรสวิตเซอร์แลนด์ที่แสดงให้เห็นว่าการส่งออกทองคำจากสวิตเซอร์แลนด์เพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากอินเดีย จีน และฮ่องกง

Rhona O'Connell นักวิเคราะห์จาก StoneX ได้ให้ความเห็นว่า การเพิ่มขึ้นของการนำเข้าทองคำของจีนอาจมาจากหลายปัจจัย โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางจีน (People's Bank of China) ได้เริ่มรายงานการซื้อทองคำใหม่หลังจากที่หยุดพักไป 6 เดือน และอาจมีการนำเข้าเพื่อการซื้อในภาคทางการ นอกจากนี้ยังมีความสนใจอย่างต่อเนื่องในทองคำแท่งและเหรียญ รวมถึงความต้องการเครื่องประดับที่ปรับตัวดีขึ้น

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของราคาทองคำที่ระดับ $2,657 เห็นการพัฒนาที่น่าสนใจต่อเนื่องจากการวิเคราะห์ครั้งก่อน โดยราคาได้แสดงการเคลื่อนไหวในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญ

ในมุมมองทางเทคนิค ราคาได้สร้างความสำเร็จในการทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ $2,641 ซึ่งเป็นระดับที่เราได้ระบุไว้ในการวิเคราะห์ครั้งก่อน การเคลื่อนตัวผ่านระดับนี้มาได้แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งในตลาด นอกจากนี้ เรายังเห็นการแยกตัวห่างขึ้นของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 12 และ EMA 26 ในทิศทางขาขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

สำหรับมุมมอง 24 ชั่วโมงข้างหน้า แนวต้านสำคัญถัดไปอยู่ที่ระดับ $2,667 และ $2,688 ตามลำดับ โดยระดับ $2,641 ที่เพิ่งทะลุผ่านมาได้จะกลายเป็นแนวรับสำคัญ หากราคาไม่สามารถยืนเหนือระดับปัจจุบันที่ $2,657 ได้ เราอาจเห็นการพักตัวลงมาทดสอบแนวรับดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ราคายังคงยืนเหนือระดับ $2,641 แนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นยังคงได้รับการยืนยัน

ในระยะกลาง หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ $2,657 ได้อย่างมั่นคง เราอาจเห็นการทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $2,688 และอาจมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบระดับ $2,700 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาที่สำคัญ

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,641

• $2,632

• $2,611

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,656

• $2,667

• $2,677