วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 28 ต.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 28 ตุลาคม 2567 แม้ราคาทองคำโลกจะย่อตัวเล็กน้อยในช่วงเช้าวันจันทร์นี้ แต่การปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำในตลาดโลกสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุนต่อสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง และความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา โดยนักวิเคราะห์ชั้นนำจากสถาบันการเงินระดับโลกต่างมองว่า แนวโน้มราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2025 โดยปัจจุบันราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ $2,728
ความตึงเครียดล่าสุดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้ยกระดับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่นายกรัฐมนตรี Benjamin Netanyahu ของอิสราเอลประกาศว่าการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายในอิหร่านเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อระบบป้องกันของเตหะราน การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการเผชิญหน้าโดยตรงครั้งแรกระหว่างสองประเทศในรอบหลายทศวรรษ ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนอย่างรุนแรง ขณะที่ฝ่ายอิหร่านได้ประกาศจะมี “การตอบโต้ที่เหมาะสม” แม้จะยืนยันว่าไม่ต้องการให้สถานการณ์ลุกลามเป็นสงครามในวงกว้าง
การตอบสนองของนักลงทุนต่อสถานการณ์ความไม่แน่นอนนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนในรายงานล่าสุดจาก World Gold Council ที่เผยว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางทั่วโลกได้เพิ่มการซื้อทองคำเพื่อเก็บเป็นทุนสำรองในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีปริมาณการซื้อมากกว่า 1,000 ตันต่อปี โดยประเทศจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการสะสมทองคำ ตามมาด้วยธนาคารกลางของรัสเซีย อินเดีย และตุรกี การเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลต่อเสถียรภาพของระบบการเงินโลกและความพยายามในการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ
ด้านนโยบายการเงิน ตลาดกำลังจับตาทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด โดยข้อมูลจากเครื่องมือ CME FedWatch แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 97.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 basis points ในการประชุมเดือนพฤศจิกายนนี้ และคาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 25 basis points ในเดือนธันวาคม รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยอีกกว่า 100 basis points ตลอดปี 2025
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัว เร่งแรงกดดันเฟดลดดอกเบี้ย
Jonas Goltermann รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ตลาดการเงินจาก Capital Economics คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ อาจเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020 ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนที่พัดถล่มสหรัฐฯ ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มพื้นฐานของตลาดแรงงานกำลังเข้าสู่ภาวะผ่อนคลายอย่างค่อยเป็นค่อยไป สอดคล้องกับเป้าหมายการ “Soft landing” ของเศรษฐกิจ
ข้อมูลล่าสุดจากสำนักแรงงานสหรัฐฯ ยังแสดงให้เห็นว่า อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% ในเดือนมีนาคม จากระดับ 3.7% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมง (Average Hourly Earnings) ชะลอตัวลงเหลือ 4.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากตลาดแรงงานเริ่มผ่อนคลายลง
James Stanley นักยุทธศาสตร์อาวุโสจาก Forex.com มองว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงแข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง แต่เฟดกำลังให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้นมากกว่าการดำเนินนโยบายการเงินตามหลักการพื้นฐาน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว โดยเฉพาะหากอัตราเงินเฟ้อกลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้งจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางและราคาพลังงานที่สูงขึ้น
HSBC ปรับมุมมองราคาทองปี 2025 หลังตลาดเข้าสู่ภาพรวมรูปแบบใหม่
ทีมนักวิเคราะห์โลหะมีค่าของ HSBC ได้ออกรายงานวิจัยฉบับล่าสุด ระบุว่าทองคำได้เข้าสู่ภาพใหม่ที่จะรักษาระดับราคาเหนือ $2,200 ไปอีกอย่างน้อย 12-18 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัยพื้นฐาน ทั้งความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการขาดดุลการคลังที่เพิ่มขึ้นของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
David Chen หัวหน้าทีมวิจัยโลหะมีค่าของ HSBC ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลทั่วโลกมีแนวโน้มดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่คาดว่าจะมีการขาดดุลงบประมาณสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2024 จะเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ
นอกจากนี้ การผ่อนคลายนโยบายการเงินทั่วโลกและความคาดหวังต่อการผ่อนคลายเพิ่มเติมได้เพิ่มความต้องการเก็งกำไรในทองคำ โดยกองทุน ETF ทองคำรายใหญ่อย่าง SPDR Gold Shares (GLD) มีปริมาณการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 15% นับตั้งแต่ต้นปี สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันต่อแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม HSBC คาดว่าแนวโน้มการปรับตัวขึ้นอาจชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อความต้องการในตลาดเครื่องประดับ โดยเฉพาะในตลาดสำคัญอย่างจีนและอินเดีย ข้อมูลล่าสุดจากสมาคมทองคำแห่งเอเชียชี้ว่า ยอดขายเครื่องประดับทองคำในจีนลดลง 8% ในไตรมาสแรกของปี 2024 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายในอินเดียลดลง 12%
ปัจจัยเสี่ยงการเมืองสหรัฐฯ กระตุ้นแรงซื้อทองคำ
Ole Hansen หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Saxo Bank ระบุว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำในระยะสั้น โดยไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร คาดว่าหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากทั้งสองพรรคการเมืองต่างมีนโยบายการใช้จ่ายภาครัฐในระดับสูง
ด้านเทคนิค Hansen มองว่าแม้ราคาทองคำอาจมีการปรับฐานในระยะสั้น แต่แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ $2,685 และ $2,666 โดยการปรับฐานที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนมีความลึกเฉลี่ยเพียง $95 และการปรับฐานครั้งล่าสุดในเดือนตุลาคมลึกเพียง $80 สะท้อนให้เห็นถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งในตลาด
มุมมองและคำแนะนำสำหรับนักลงทุน
Richard Chang ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Asia Precious Metals แนะนำว่า นักลงทุนควรจัดสรรพอร์ตการลงทุนให้มีสัดส่วนทองคำประมาณ 5-15% ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยเน้นการทยอยสะสมในช่วงที่ราคาปรับตัวลง แทนการเข้าซื้อครั้งเดียวในปริมาณมาก
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในทองคำ Chang แนะนำให้พิจารณาการลงทุนผ่านหลากหลายช่องทาง ทั้งการซื้อทองคำแท่ง การลงทุนผ่านกองทุน ETF ทองคำ หรือการลงทุนในหุ้นบริษัทเหมืองทองคำ ซึ่งแต่ละรูปแบบมีข้อดีและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน
และในสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำ โดยเฉพาะดัชนี Core PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ รวมถึงข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ISM และตัวเลข GDP ไตรมาส 3 เบื้องต้น หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาอ่อนแอกว่าคาด อาจเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดใหม่
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาแสดงการเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะพักตัวเล็กน้อย โดยมีการทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ $2,740 แต่ยังไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง ส่งผลให้เกิดการพักตัวลงมาที่ระดับ $2,730 ในปัจจุบัน
การวิเคราะห์เชิงเทคนิคพบว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA ทั้งสามเส้นยังคงวางตัวในลักษณะขาขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่ราคาเริ่มแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่างแนวรับ-แนวต้าน อาจบ่งชี้ถึงการพักตัวในระยะสั้น
ดัชนี RSI ในกรอบ 4 ชั่วโมงแสดงการอ่อนตัวลงจากเขต Overbought แต่ยังไม่เข้าสู่เขต Oversold สะท้อนว่าแรงขายยังไม่รุนแรงมากนัก และราคายังมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้หากมีปัจจัยสนับสนุน
สำหรับแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตา เริ่มจากแนวต้านแรกที่ $2,740 ตามด้วยแนวต้านที่ $2,750 และแนวต้านสำคัญที่ $2,760 ในขณะที่แนวรับสำคัญที่ควรติดตามอยู่ที่ระดับ $2,720 ถัดลงมาที่ $2,715 และแนวรับแข็งแกร่งที่ $2,685
คาดการณ์แนวโน้ม 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ $2,715 - $2,750 โดยหากสามารถยืนเหนือแนวรับ $2,720 ได้อย่างมั่นคง มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน $2,740 อีกครั้ง แต่หากหลุดแนวรับดังกล่าว อาจเห็นการย่อตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,715 นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคาบริเวณแนวรับ-แนวต้านสำคัญเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับทิศทางราคา
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,720
$2,715
$2,685
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,740
$2,750
$2,760
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน