วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 12 ธ.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ราคาทองคำยังคงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งในวันพุธที่ผ่านมา ภายหลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ โดยนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า แม้ว่ากระบวนการชะลอตัวของเงินเฟ้อจะดำเนินไปอย่างช้าๆ ก็ตาม
เงินเฟ้อเป็นไปตามคาดการณ์ หนุน Fed ลดดอกเบี้ย
เมื่อวันที่ผ่านมาสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ในเดือนพฤศจิกายนยังคงทรงตัว โดยตัวเลขทั้งอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและอัตราเงินเฟ้อทั่วไปสอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ทั้งในแง่รายเดือนและรายปี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 4.201% ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาที่ 4.24% เพิ่มขึ้น 1 basis point ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar Index: DXY) ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าเงิน 6 สกุลหลัก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.29% มาอยู่ที่ 106.68
ภายหลังการเปิดเผยข้อมูล ตลาดล่วงหน้าได้ประเมินโอกาสที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 basis points ไว้ที่ 92% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.25%-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธันวาคม ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ระบุว่า ธนาคารกลางจีนอาจเพิ่มความต้องการทองคำในช่วงที่ค่าเงินในประเทศอ่อนค่าลง เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในสกุลเงินของตน
หลังจากที่ตัวเลข CPI ได้ผ่านพ้นไปแล้ว นักลงทุนจะหันมาให้ความสนใจกับการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index: PPI) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ธันวาคม
ธนาคารกลางแคนาดาลดดอกเบี้ยครั้งที่ 5 ส่งผลต่อราคาทองในตลาดโลก
ราคาทองคำในสกุลเงินดอลลาร์แคนาดาปรับตัวลดลง ในขณะที่ราคาทองในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น หลังจากธนาคารกลางแคนาดา (Bank of Canada: BoC) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 50 basis points ซึ่งนับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 โดย BoC ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายข้ามคืนลงมาอยู่ที่ 3.25% พร้อมกับปรับ Bank Rate มาอยู่ที่ 3.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ 3.25%
Tiff Macklem ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา กล่าวในแถลงการณ์นโยบายการเงินว่า “นโยบายการเงินได้ช่วยให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาสู่เป้าหมายที่ 2% และจากนี้ไป นโยบายของเราจะมุ่งเน้นการรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้เคียงกับเป้าหมาย” Macklem ได้อธิบายถึงสภาพเศรษฐกิจที่ BoC เห็นและปัจจัยที่นำไปสู่การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้
เศรษฐกิจแคนาดาเติบโตเพียง 1% ในไตรมาสที่สาม ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าการเติบโตในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะต่ำกว่าที่ประมาณการไว้เช่นกัน การเติบโตในไตรมาสที่สามได้รับผลกระทบจากการลดลงของการลงทุนภาคธุรกิจ สินค้าคงคลัง และการส่งออก อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของผู้บริโภคและกิจกรรมด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงเริ่มกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน
นักวิเคราะห์มองว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในระดับสูงควบคู่ไปกับผลิตภาพที่อ่อนแอ อาจผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น หรือในทางกลับกัน เศรษฐกิจอาจเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ ซึ่งจะดึงให้เงินเฟ้อลดลง นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการใช้มาตรการภาษีใหม่ต่อการส่งออกของแคนาดาไปยังสหรัฐฯ ได้ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากขึ้น
ราคาน้ำมันมีแนวโน้มอ่อนตัว แต่ทองคำยังคงเป็นที่ต้องการในปี 2025
Max Layton หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกของ Citi กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในปีหน้ากำลังเป็นขาลงมากขึ้น ในขณะที่ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของราคาทองคำยังคงอยู่ และคาดว่าราคาทองคำจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2025
มุมมองต่อราคาน้ำมันค่อนข้างเป็นลบตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง และยิ่งแย่ลงเมื่อมีการคาดการณ์ว่า Trump จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสแรกของปี 2025 ความเป็นไปได้ในการใช้ภาษีเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณ จะส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน นอกจากนี้ Trump ยังมีนโยบายส่งเสริมการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ โดย Bessant ได้พูดถึงการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 3 ล้านบาร์เรลในช่วงการดำรงตำแหน่ง
การผ่อนคลายความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั้งในตะวันออกกลางและระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จะส่งผลให้มีน้ำมันในตลาดมากขึ้น เพิ่มปริมาณสินค้าคงคลังที่มองเห็นได้ และทำให้สมดุลของตลาดผ่อนคลายลง แม้ว่า Trump อาจจะไม่สามารถทำตามสัญญาได้ 100% แต่สถานการณ์โดยรวมก็ยังคงเป็นลบต่อราคาน้ำมันในปี 2025
ในทางตรงกันข้าม แนวโน้มราคาทองคำยังคงเป็นบวกอย่างมาก แม้จะมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปี 2024 Layton กล่าวว่า “เป็นปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับทองคำ เมื่อดูกราฟย้อนหลัง 50 ปี คุณจะเห็นตลาดขาขึ้นนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่านี่เป็นตลาดขาขึ้นที่มีนัยสำคัญ”
ธนาคารคาดว่าตลาดขาขึ้นที่แข็งแกร่งจะยังคงดำเนินต่อไป ด้วยเหตุผลหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการนำเสนอกรอบการวิเคราะห์ราคาทองคำที่อิงกับปัจจัยพื้นฐานด้านกระแสเงินทุนทางกายภาพ ซึ่งให้ความมั่นใจว่าปัจจัยพื้นฐานของตลาดขาขึ้นนี้ มาจากการลงทุนของธนาคารกลางและนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด OTC รวมถึงนักลงทุนทั่วไปที่กังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสูงและระดับหนี้ที่สูงในสหรัฐฯ
นักลงทุนมีความกังวลหลายประการ ทั้งการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงขึ้น การซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากผลกระทบระยะกลางของการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งได้ชะลอตัวลงมาเป็นเวลาสองปีครึ่งแล้ว ตลาดแรงงานก็ชะลอตัวมาสองปีครึ่ง และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี
Layton กล่าวว่า “ตราบใดที่ปัญหาเหล่านี้ยังไม่หมดไป จะยังคงมีการซื้อทองคำเพื่อการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง และที่สำคัญ การซื้อของธนาคารกลางก็เป็นไปเพื่อเหตุผลเชิงโครงสร้างที่จะไม่หายไปในเร็วๆ นี้เช่นกัน”
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
จากการวิเคราะห์กราฟราคาทองคำรายชั่วโมงล่าสุด พบการพัฒนาที่น่าสนใจต่อเนื่องจากการวิเคราะห์วันก่อน โดยราคาทองคำยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยสามารถเคลื่อนตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ของวันที่ระดับ $2,725 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับ $2,700 ในการวิเคราะห์ครั้งที่แล้ว
การเคลื่อนไหวของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ยังคงส่งสัญญาณเชิงบวกอย่างชัดเจน โดยเส้น EMA 12 (สีแดง) และ EMA 26 (สีฟ้า) มีการแยกตัวห่างกันมากขึ้นในทิศทางขาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้น EMA 12 ที่ชี้ขึ้นอย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นการยืนยันถึงแรงซื้อที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องในระยะสั้น นอกจากนี้ การที่ราคายังคงยืนเหนือเส้น EMA 200 (สีส้ม) ได้อย่างมั่นคง เป็นการตอกย้ำถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางที่ยังคงแข็งแกร่ง
ดัชนี RSI ได้ส่งสัญญาณที่น่าสนใจ โดยปรับตัวขึ้นแตะระดับ 70 และเริ่มเข้าสู่เขต Overbought ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงการปรับตัวขึ้นที่ค่อนข้างเร็วของราคาในช่วงที่ผ่านมา จึงควรเพิ่มความระมัดระวังเรื่องแรงขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น
เมื่อพิจารณาระดับราคาสำคัญ พบแนวต้านที่ต้องจับตามองที่ระดับ $2,721 และ $2,739 โดยเฉพาะแนวต้านแรกที่ถือเป็นระดับจิตวิทยาสำคัญ ในขณะที่แนวรับสำคัญอยู่ที่ $2,706 และ $2,686 ซึ่งเดิมเคยเป็นแนวต้านและได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นแนวรับในปัจจุบัน
สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีโอกาสสูงที่จะทดสอบแนวต้านที่ $2,721 เนื่องจากยังเห็นแรงซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากลักษณะแท่งเทียนส่วนใหญ่ที่ปิดในแดนบวกและมีไส้ล่างสั้น แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่พร้อมเข้ามาหนุนทุกครั้งที่ราคาย่อตัว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังเรื่องการเกิด Pullback ในระยะสั้น เนื่องจาก RSI ได้เข้าสู่เขต Overbought แล้ว โดยหากเกิดการพักฐาน แนวรับแรกที่ $2,706 น่าจะเป็นระดับที่มีแรงซื้อเข้ามารองรับได้อย่างมั่นคง เนื่องจากเป็นระดับที่มีความสำคัญทั้งในแง่ของจิตวิทยาและการเปลี่ยนบทบาทของแนวต้านเป็นแนวรับ
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,706
$2,686
$2,673
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,721
$2,739
$2,750
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน