วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 18 ก.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 18 กรกฏาคม 2567 ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังจากที่พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,483 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในวันที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหนนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลมาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคาดหวังเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ นักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ซึ่งมักจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ เนื่องจากทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำลดลง
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยหลังจากทำจุดสูงสุดใหม่ อาจเป็นสัญญาณว่านักลงทุนบางส่วนเริ่มทำกำไรหลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังอาจสะท้อนถึงความระมัดระวังของนักลงทุนที่รอดูท่าทีที่ชัดเจนของธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต
ท่าทีของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐชี้แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ย
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐหลายคนได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต โดย Christopher Waller ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินในอนาคต โดยกล่าวว่าข้อมูลล่าสุดสนับสนุนมุมมองที่ว่าเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืน และสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดบ่งชี้ว่าถึงเวลาที่จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว
Waller ได้อธิบายถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นไปได้ 3 รูปแบบสำหรับปี 2024 พร้อมทั้งแนวทางการปรับอัตราดอกเบี้ยที่สอดคล้องกัน
สถานการณ์ที่ดีที่สุด: หากได้รับรายงานเงินเฟ้อที่ดีมากอย่างต่อเนื่อง อาจนำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ ในกรณีนี้ Waller มีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่เป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน
สถานการณ์ที่เป็นกลาง: หากข้อมูลเงินเฟ้อมีความไม่แน่นอน แต่ยังคงแสดงถึงความก้าวหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้อาจมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ในกรณีนี้ Waller อาจต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
สถานการณ์ที่แย่ที่สุด: หากเงินเฟ้อกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 อาจทำให้ยากที่จะสรุปว่ามีความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในการควบคุมเงินเฟ้อ ในกรณีนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจต้องถูกเลื่อนออกไป
Waller เน้นย้ำว่ามุมมองของเขาต่อแนวทางนโยบายที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับ และจะพิจารณาข้อมูลทั้งหมด รวมถึงสัญญาณเกี่ยวกับสภาวะตลาดแรงงานซึ่งได้ผ่อนคลายลงและดูเหมือนจะอยู่ในภาวะสมดุลแล้ว
คำกล่าวของ Waller มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในเสียงที่มีอิทธิพลในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ การที่เขาส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่าธนาคารกลางสหรัฐกำลังพิจารณาผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ในขณะเดียวกัน Thomas Barkin ประธานธนาคารกลางสาขา Richmond ก็ได้แสดงความเห็นในทิศทางเดียวกัน โดยกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อได้ลดลงในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา และยอมรับว่านโยบายปัจจุบันมีลักษณะที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม Barkin ยังเปิดกว้างต่อความเป็นไปได้ที่ว่านโยบายอาจจะ “ไม่ได้เข้มงวดอย่างที่คิด” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวังในการตีความสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน
ความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐเหล่านี้มีผลอย่างมากต่อความคาดหวังของตลาด และส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาสินทรัพย์ต่างๆ รวมถึงทองคำ การส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมักจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากทำให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยมีความน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น พันธบัตรรัฐบาล
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
แม้ว่าจะมีการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ล่าสุดยังคงแสดงถึงความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ข้อมูลด้านที่อยู่อาศัยในเดือนมิถุนายนออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ทั้งใบอนุญาตก่อสร้าง (Building Permits) และการเริ่มสร้างบ้าน (Housing Starts) ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม
การเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นสัญญาณบวกสำหรับเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากมีผลกระทบต่อหลายภาคส่วน ทั้งการจ้างงาน การบริโภค และการลงทุน นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาว
ในขณะเดียวกัน การผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) แม้จะชะลอตัวลง แต่ยังคงสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยังคงมีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้ดี
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเหล่านี้อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินในขณะที่เศรษฐกิจยังแข็งแกร่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในอนาคต
วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองในอนาคต
Chris Weston หัวหน้าฝ่ายวิจัยที่ Pepperstone ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มราคาทองคำ โดยกล่าวว่าปัจจัยพื้นฐานของทองคำได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน เขาคาดการณ์ว่าระดับ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เป็นเป้าหมายถัดไปสำหรับราคาทองคำ และ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐเป็นอีกเป้าหมายที่เป็นไปได้ในอนาคต
Weston ชี้ให้เห็นว่าการรวมตัวของราคาทองคำไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ในอเมริกาเท่านั้น แต่ยังมีความสนใจอย่างกว้างขวางทั่วโลก โดยราคาทองคำได้ทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน สิงคโปร์ดอลลาร์ และหยวน รวมถึงมีแนวโน้มแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลียและยูโร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นในระดับโลก
นอกจากนี้ Weston ยังกล่าวว่าทองคำได้รับแรงหนุนจากปัจจัยความปลอดภัย หลังจาก Donald Trump ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจนำไปสู่นโยบายการค้าที่เข้มงวดมากขึ้นต่อจีน เม็กซิโก และอาจรวมถึงยุโรป ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายดังกล่าวทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลายฝ่ายจะมองแนวโน้มราคาทองคำในเชิงบวก แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางส่วนที่มีมุมมองแตกต่างออกไป Hamad Hussain นักเศรษฐศาสตร์ผู้ช่วยด้านสินค้าโภคภัณฑ์ที่ Capital Economics มีความเห็นว่าราคาทองคำอาจไม่สามารถรักษาระดับสูงนี้ไว้ได้ในระยะยาว
Hussain คาดการณ์ว่าราคาทองจะลดลงมาอยู่ที่ 2,200 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีนี้ เขาให้เหตุผลว่าราคาที่สูงขึ้นจะทำให้อุปสงค์จากภาคค้าปลีกในตลาดโลกที่สำคัญลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดสำคัญของทองคำ
Hussain เน้นย้ำว่าความต้องการทองคำจากจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาให้สูงขึ้นในปีนี้ แต่คาดว่าราคาทองคำที่สูงเป็นประวัติการณ์จะเริ่มส่งผลกระทบต่อความต้องการของจีนซึ่งมักจะอ่อนไหวต่อราคา นอกจากนี้ เขายังสังเกตว่าธนาคารกลางจีนดูเหมือนจะหยุดการซื้อทองคำเพิ่มหลังจากที่มีการเพิ่มปริมาณทองคำสำรองมาเป็นเวลา 18 เดือนจนถึงเดือนพฤษภาคม
David Oxley หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัทเดียวกัน มีความเห็นสอดคล้องกับ Hussain โดยกล่าวว่าความต้องการเครื่องประดับทอง ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของตลาดทองคำโลก จะอ่อนแอลงในสภาพแวดล้อมที่ราคาสูงขึ้น
Oxley อธิบายว่าแม้การเติบโตของรายได้ในตลาดสำคัญจะชดเชยความต้องการที่ลดลงได้บางส่วน แต่ความต้องการเครื่องประดับทองจะยังคงอยู่ในระดับเดียวกับช่วงปลายทศวรรษ 1980 เป็นอย่างดี เขาคาดการณ์ว่าด้วยราคาทองคำที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับค่าเงินจริง และผู้บริโภคที่มีทางเลือกในการลงทุนทองคำผ่านช่องทางอื่นๆ มากขึ้น ความต้องการเครื่องประดับทองจะมีแนวโน้มทรงตัวในช่วงหลายปีข้างหน้า
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
ราคาทองคำยังคงแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยราคาได้ทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ระดับ $2,480 ขึ้นไปก่อนที่จะเกิดแรงขายทำกำไรกดดันให้ราคาปรับตัวลงมา ณ ปัจจุบันราคาอยู่ที่ $2,460
เมื่อพิจารณาจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ พบว่าราคายังคงอยู่เหนือเส้น EMA ทั้ง 12, 26 และ 200 วัน ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ยังคงแข็งแกร่งในทุกกรอบเวลา โดยเฉพาะ EMA 12 ที่สามารถยันราคาเอาไว้ได้เมื่อวาน อย่างไรก็ตาม ดัชนี RSI ที่เข้าสู่เขต Overbought ก่อนหน้านี้ ทำให้ราคาพักฐานในระยะสั้น
แนวรับสำคัญที่ควรจับตามอง ได้แก่
$2,455 แนวรับแรกซึ่งเป็นระดับ EMA 12
$2,449 แนวรับที่เคยเป็นแนวต้านเดิม
$2,437 แนวรับสำคัญซึ่งเป็นระดับ EMA 26
ส่วนแนวต้านสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
$2,480 แนวต้านเดิมที่เพิ่งทะลุผ่านขึ้นไป
$2,490 แนวต้านถัดไป
$2,500 แนวต้านจิตวิทยาสำคัญ
ในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำอาจจะแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่าง $2,439 - $2,482 เพื่อพักฐานและสะสมแรงซื้อ หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับได้อย่างมั่นคง มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ $2,480 อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังหากราคาหลุดแนวรับที่ $2,437 ลงมา เพราะอาจเป็นสัญญาณของการพักฐานที่ลึกขึ้น โดยอาจมีการปรับฐานลงมาทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,420 - $2,400 โดยสรุป แนวโน้มหลักของราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น แต่อาจเกิดการพักฐานระยะสั้นก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อ นักลงทุนควรติดตามระดับแนวรับแนวต้านสำคัญอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,455 ดอลลาร์
2,449 ดอลลาร์
2,437 ดอลลาร์
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
2,480 ดอลลาร์
2,490 ดอลลาร์
2,500 ดอลลาร์
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน