วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 24 มิ.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 24 มิถุนายน 2567 ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2,320 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วงเช้าของการซื้อขาย หลังจากที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 2,368 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนในตลาดทองคำที่เกิดจากปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers Index: PMI) ของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกว่าคาด อย่างไรก็ตาม ราคาทองยังคงอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของตลาดทองคำ
ดัชนี PMI สหรัฐฯ พุ่งสูงสุดรอบ 26 เดือน กดดันราคาทอง
จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในหลายภาคส่วน โดยดัชนี PMI รวมของสหรัฐฯ เดือนมิถุนายนอยู่ที่ระดับ 54.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 51.7 จาก 51.3 ในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่ PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นเป็น 55.1 จาก 54.8 ในเดือนพฤษภาคม
Chris Williamson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของ S&P Global Market Intelligence กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังขยายตัวที่ 2.5% โดยการเติบโตนี้เป็นไปในวงกว้างทั้งในภาคบริการและภาคการผลิต เขายังเสริมว่า แม้จะนำโดยภาคบริการซึ่งสะท้อนถึงการใช้จ่ายภายในประเทศที่แข็งแกร่ง แต่การขยายตัวนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในภาคการผลิต
อย่างไรก็ตาม Williamson ยังชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อกลับลดลง โดยกล่าวว่า เงินเฟ้อด้านราคาขายได้ลดลงอีกครั้งหลังจากเพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม ลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดระดับหนึ่งในรอบสี่ปีที่ผ่านมา การเปรียบเทียบทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าการลดลงล่าสุดนี้ทำให้ดัชนีราคาของการสำรวจสอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของเฟด
ความระมัดระวังของเฟดท่ามกลางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ท่าทีของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีผลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของราคาทอง Tom Barkin ประธานเฟดสาขา Richmond กล่าวว่า เฟดมีเครื่องมือเพียงพอในการรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบัน และจะได้เรียนรู้อีกมากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คำกล่าวนี้สะท้อนถึงความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
ในขณะเดียวกัน Neel Kashkari ประธานเฟดสาขา Minneapolis คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปีในการควบคุมเงินเฟ้อให้กลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% มุมมองนี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการจัดการกับเงินเฟ้อในระยะยาว และอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต
ท่าทีที่ระมัดระวังของเฟดและการที่ยังไม่ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ เนื่องจากทองคำและดอลลาร์สหรัฐมักมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้าม
ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัว ท่ามกลางราคาบ้านที่พุ่งสูง
ตลาดที่อยู่อาศัยเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ และมีผลกระทบทางอ้อมต่อราคาทองคำ ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความท้าทายในตลาดนี้
ยอดขายบ้านมือสองในเดือนพฤษภาคมลดลง 0.7% สู่ระดับ 4.11 ล้านยูนิตต่อปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.12 ล้านยูนิต ขณะที่ราคาบ้านมือสองเฉลี่ยในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 419,300 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยที่สต็อกบ้านที่รอการขายอยู่ที่ 1.28 ล้านยูนิต ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 6.7% จากเดือนเมษายน และเพิ่มขึ้น 18.5% จาก 1.08 ล้านยูนิตในปีที่แล้ว
Lawrence Yun หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสหรัฐฯ (NAR) แสดงความกังวลว่า ราคาบ้านที่พุ่งสูงขึ้นทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านและผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรก ค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านสำหรับบ้านทั่วไปในปัจจุบันสูงกว่าค่าใช้จ่ายสำหรับบ้านที่ซื้อก่อนปี 2020 มากกว่าสองเท่า
สถานการณ์ในตลาดที่อยู่อาศัยนี้อาจส่งผลให้เฟดต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการดำเนินนโยบายการเงิน เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลกระทบต่อตลาดที่อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะยาว
ความไม่แน่นอนทางการเมืองโลกยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทอง
แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะแสดงสัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง แต่สถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในระดับโลกยังคงมีความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ
สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและเฮซบอลเลาะห์ยังคงดำเนินต่อไป โดยเลขาธิการสหประชาชาติแสดงความกังวลว่าหากเกิดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างทั้งสองฝ่าย จะเป็น “หายนะ” สำหรับภูมิภาค
ขณะที่สถานการณ์ในฉนวนกาซา มีรายงานว่าเด็กและสตรีชาวปาเลสไตน์หลายคนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในเมืองกาซา ซึ่งยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาค
สุดท้ายคือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในยุโรปและจีน การชะลอตัวทางเศรษฐกิจในยุโรปและความกังวลเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
ความไม่แน่นอนเหล่านี้ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (safe-haven asset) มากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะยาว
นักวิเคราะห์มองเป็นความผันผวนในระยะสั้น แต่แนวโน้มบวกในระยะยาว
นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองในระยะยาว แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้อาจจะยังไม่เห็นการปรับตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดด
Chantelle Schieven หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Capitalight Research แนะนำให้นักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในตลาดทองคำ เนื่องจากสภาพคล่องที่ลดลงในช่วงหลายเดือนถัดจากนี้และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายของเฟด โดย Schieven กล่าวว่า ทองคำกำลังติดอยู่บริเวณนี้และกำลังตอบสนองต่อทุกอย่าง เพราะไม่รู้ว่าเฟดจะทำอะไร โดยข้อมูลทุกชิ้นที่ออกมานอกเหนือจากความคาดหมายก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนความคาดหวังเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยไปมา ซึ่งผลักดันให้ราคาทองขึ้นลงได้
ปัจจัยที่ต้องจับตามองในสัปดาห์นี้
สำหรับสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ โดยเฉพาะดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Expenditures: PCE) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ หากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาอ่อนแอ อาจเพิ่มโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทอง โดยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ ที่ควรติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่
วันอังคาร: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ
วันพุธ: ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ
วันพฤหัสบดี: ตัวเลข GDP ไตรมาส 1 (ฉบับสมบูรณ์), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนหลัก, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐฯ
วันศุกร์: ดัชนีราคา PCE, รายได้ส่วนบุคคล และการใช้จ่ายส่วนบุคคล
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาแสดงถึงความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีการปรับตัวลงแรงจากระดับสูงสุดที่ $2,368 มาอยู่ที่ระดับปัจจุบันประมาณ $2,322 การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น
จากการวิเคราะห์กราฟ พบว่าราคาทองคำเผชิญกับแรงต้านสำคัญที่ระดับ $2,360 และ $2,370 ซึ่งเป็นจุดที่ราคาไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ทำให้เกิดการปรับฐานลงมา ในขณะเดียวกัน แนวรับที่สำคัญอยู่ที่ระดับ $2,310 และ $2,300 เป็นระดับที่ต้องจับตามองว่าราคาจะสามารถยืนเหนือแนวรับเหล่านี้ได้หรือไม่
เมื่อพิจารณาเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA พบว่าราคาปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า EMA ทั้งสามเส้นสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงในระยะสั้น
ดัชนี RSI ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 แสดงถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น แต่ยังไม่ถึงระดับ Oversold ที่จะบ่งชี้ถึงโอกาสในการฟื้นตัว
สำหรับแนวโน้มในวันนี้ คาดว่าราคาทองคำอาจจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันขาลงต่อเนื่อง แนวรับแรกจะอยู่ที่บริเวณ $2,320 ซึ่งเป็นแนว Trend Line ขาลงที่ทะลุขึ้นมาก่อนหน้านี้ โดยมีแนวรับถัดไปบริเวณ $2,310 หากไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจเห็นการปรับตัวลงต่อไปที่แนวรับถัดไปที่ $2,300
อย่างไรก็ตาม หากราคาสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามองคือ $2,330 - $2,335 ซึ่งการผ่านแนวต้านเหล่านี้ไปได้จะเป็นสัญญาณบวกสำหรับการฟื้นตัวในระยะสั้น
แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,320 - $2,310 / $2,300
แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,330 - $2,335 / $2,350
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน