วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 20 ก.พ. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ราคาทองคำ XAU/USD กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคาทองคำได้พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 2,946 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการประกาศมาตรการกีดกันทางการค้าครั้งใหม่ของประธานาธิบดี Donald Trump ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% สำหรับสินค้าสำคัญสามกลุ่ม ได้แก่ รถยนต์ เวชภัณฑ์ และชิปคอมพิวเตอร์

การประกาศมาตรการดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดการเงินทั่วโลก เนื่องจากสินค้าทั้งสามกลุ่มเป็นสินค้าที่มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศสูง และเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการขึ้นภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงถึง 25% อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ

นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า การประกาศมาตรการภาษีนำเข้าครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ในกลุ่มสินค้าดังกล่าว ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการค้าโลกและการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ผลักดันให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2,930 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการทุกคนลงมติให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนมกราคม ซึ่งการเปิดเผยรายงานการประชุมดังกล่าวได้ช่วยลดความกังวลของตลาดเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในระยะสั้น

วิกฤตที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ ลุกลาม ยอดสร้างบ้านใหม่ดิ่งเหว

ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการชะลอตัวอย่างรุนแรง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านใหม่ (Housing Starts) ในเดือนมกราคมที่ปรับตัวลดลงถึง 9.8% สู่ระดับ 1.366 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 1.4 ล้านยูนิต และต่ำกว่าตัวเลขในเดือนธันวาคมที่ 1.515 ล้านยูนิตอย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การก่อสร้างที่อยู่อาศัยลดลง 0.7% จากระดับ 1.376 ล้านยูนิตในเดือนมกราคม 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ต่อเนื่องในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงและราคาบ้านที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ภาคที่อยู่อาศัยถือเป็นหนึ่งในภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยมีสัดส่วนประมาณ 15-18% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เมื่อรวมผลกระทบทางอ้อมต่างๆ เช่น การจ้างงานในภาคก่อสร้าง การผลิตวัสดุก่อสร้าง และการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย การชะลอตัวของภาคที่อยู่อาศัยจึงส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวมาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง (Mortgage Rate) ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ราคาบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการซื้อบ้าน (Housing Affordability) ของผู้บริโภคลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

Fed คงดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ย

รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee: FOMC) ประจำเดือนมกราคม 2025 สะท้อนให้เห็นท่าทีที่เข้มงวดขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยคณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม

รายงานระบุว่าตลาดการเงินในปัจจุบันคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปี 2025 ซึ่งแตกต่างอย่างมากจากการคาดการณ์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ที่คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง การเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของตลาดต่อแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลาง

ผู้เข้าร่วมการประชุมหลายคนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าและการเข้าเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการลดเงินเฟ้อ (Disinflation Process) นอกจากนี้ ยังมีการสังเกตว่าตัวชี้วัดความคาดหวังเงินเฟ้อ (Inflation Expectations) บางตัวได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อ แต่ Fed ยังคงระมัดระวัง

แม้ว่าสมาชิก FOMC จะรับทราบว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้ผ่อนคลายลงในช่วงปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขเงินเฟ้อในช่วง 3, 6 และ 9 เดือนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าที่ดีกว่าตัวเลขในรอบ 12 เดือน แต่คณะกรรมการส่วนใหญ่ยังคงเน้นย้ำว่าต้องการหลักฐานเพิ่มเติมที่แสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อกำลังกลับสู่เป้าหมายที่ 2% อย่างยั่งยืน

การตัดสินใจเชิงนโยบายในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเข้ามาในช่วงถัดไป โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานและดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ซึ่งจะช่วยให้คณะกรรมการสามารถประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ คณะกรรมการ FOMC ระบุว่าพวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ ตลาดแรงงาน และเงินเฟ้อ โดยสมาชิกส่วนใหญ่ชี้ว่านโยบายการเงินยังคงอยู่ในระดับที่เข้มงวด และเน้นย้ำว่าต้องการเห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมในการควบคุมเงินเฟ้อก่อนที่จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย

รายงานการประชุมยังระบุว่าการตัดสินใจเชิงนโยบายจะไม่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่จะขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ มุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และการประเมินความเสี่ยงต่างๆ โดยคณะกรรมการจะพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินนโยบายการเงินจะสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว

นอกจากนี้ รายงานยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารนโยบายที่ชัดเจนต่อตลาดการเงิน เพื่อลดความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากความคาดหวังที่ไม่ตรงกันระหว่างธนาคารกลางและผู้มีส่วนร่วมในตลาด โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับจังหวะและขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

ตลาดการเงินได้ตอบสนองต่อรายงานการประชุมอย่างระมัดระวัง โดยราคาทองคำในตลาด Spot ปรับตัวลดลง สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนกำลังประเมินผลกระทบของท่าทีที่เข้มงวดของธนาคารกลางต่อทิศทางของสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ซึ่งมักได้รับผลกระทบเชิงลบจากการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย

ในระยะข้างหน้า นักวิเคราะห์คาดว่าตลาดการเงินจะให้ความสำคัญกับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเผยแพร่ในช่วงถัดไป โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำสัปดาห์ และดัชนี PMI ของ S&P Global ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

ราคาทองคำได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งด้วยการทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ $2,940 ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ $2,946 ตามที่ได้คาดการณ์ไว้

ในประเด็นทางเทคนิคที่สำคัญ เราเห็นการเกิด Bearish Divergence ที่ชัดเจนขึ้น โดย RSI ไม่สามารถสร้างจุดสูงใหม่ได้ในขณะที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงการอ่อนตัวของโมเมนตัมที่อาจนำไปสู่การพักตัวในระยะสั้น นอกจากนี้ แนวต้านถัดไปที่สำคัญอยู่ที่ $2,960 และ $2,980 ซึ่งเป็นระดับ Extension และแนวต้านจิตวิทยาที่สำคัญก่อนระดับ $3,000

ในด้านแนวรับ ระดับสำคัญที่ต้องรักษาได้คือ $2,920 และ $2,900 ซึ่งเป็นแนวรับเดิมที่ราคาเคยทะลุผ่านขึ้นมา การรักษาระดับเหนือแนวรับเหล่านี้จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ขณะที่ Stochastic RSI เริ่มเข้าสู่โซน Overbought ซึ่งสอดคล้องกับการเกิด Divergence ของ RSI หลัก อาจเป็นสัญญาณของการพักตัวในระยะสั้น

สำหรับกลยุทธ์การเทรด ในระยะสั้นควรระมัดระวังการเปิดสถานะใหม่ในจุดนี้ เนื่องจากมีสัญญาณการอ่อนตัวของโมเมนตัม ส่วนในระยะกลาง-ยาว แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาขึ้น สามารถถือสถานะซื้อต่อได้

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามต่อไปได้แก่ ปริมาณการซื้อขายในจุดที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ การทดสอบแนวรับเดิมว่าจะสามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับได้ดีหรือไม่ และพฤติกรรมราคาเมื่อเข้าใกล้แนวต้านถัดไปที่ $2,960 และ $2,980

โดยสรุป แม้แนวโน้มหลักยังคงเป็นบวก แต่ความเสี่ยงของการพักตัวในระยะสั้นเริ่มมีมากขึ้น นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและอาจพิจารณาลดขนาดสถานะลงเพื่อบริหารความเสี่ยง

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,920

• $2,900

• $2,878

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,940

• $2,960

• $2,980