วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 22 ม.ค. 2568
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 22 มกราคม 2568 ตลาดทองคำปรับตัวขึ้นได้อย่างน่าประทับใจ สะท้อนความกังวลของนักลงทุนทั่วโลกต่อทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ หลังจาก Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง โดยราคาทอง (XAU/USD) พุ่งขึ้นกว่า 1% แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 2,749 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในเช้าวันนี้ ท่ามกลางการเทขายสกุลเงินของประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์แคนาดา (CAD) และเปโซเม็กซิโก (MXN) ที่ร่วงลงอย่างหนักหลังมีข่าวว่าทรัมป์เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากทั้งสองประเทศ
การเคลื่อนไหวในตลาดเงินตราระหว่างประเทศแสดงให้เห็นถึงความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งใช้วัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก แม้จะปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดของวันที่ 108.79 แต่ก็ไม่สามารถรักษาระดับไว้ได้และกลับมาอ่อนค่าลงในเวลาต่อมา สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในตลาดและการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
ความเคลื่อนไหวในตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยิ่งตอกย้ำความกังวลของนักลงทุนต่อผลกระทบของนโยบายการค้าที่เข้มงวด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง 5.5 basis points สะท้อนการไหลเข้าของเม็ดเงินเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบของสงครามการค้าที่อาจปะทุขึ้นอีกครั้ง
นอกจากนี้ สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาทอง หลังจากข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสถูกยกเลิก เมื่อกองกำลังอิสราเอลเริ่มปฏิบัติการในเมืองเจนิน เวสต์แบงก์ ส่งผลให้กลุ่มฮามาสประกาศเรียกร้องให้มีการยกระดับการต่อสู้กับอิสราเอล เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งเพิ่มแรงซื้อในตลาดทองคำ ซึ่งเป็นที่นิยมในฐานะสินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง
ทองคำมีโอกาสทะลุ 3,000 ดอลลาร์ในปี 2025 รับอานิสงส์นโยบายการเงินผ่อนคลายยุคทรัมป์ 2.0
การกลับมาของยุคทรัมป์ (Trump Era) ครั้งที่สองกำลังจะนำพาเศรษฐกิจสหรัฐฯ และตลาดการเงินโลกเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ Eric Strand ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนในโลหะมีค่า AuAg Funds ได้เผยรายงานวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำประจำปี 2025 โดยคาดการณ์ว่าราคาทองมีโอกาสทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และอาจปิดที่ระดับ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คิดเป็นผลตอบแทนที่สูงถึง 20% จากระดับราคาปัจจุบัน
Strand อธิบายว่า รูปแบบการบริหารประเทศของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายภาครัฐและนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยชี้ให้เห็นว่าทั้ง Donald Trump และ Elon Musk ต่างสร้างอาณาจักรธุรกิจของตนผ่านการกู้ยืมจำนวนมหาศาล “นี่คือรูปแบบที่เราจะได้เห็นในอีก 4 ปีข้างหน้า การพยายามหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ด้วยการสร้างการเติบโตผ่านการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ แต่ราคาที่ต้องจ่ายคือภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากปริมาณเงิน (Monetary Inflation)”
ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากการเพิ่มปริมาณเงินในระบบจะสร้างสภาพแวดล้อมทางการเงินที่เอื้อต่อการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะทองคำ เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าในภาวะที่เงินเฟ้อเร่งตัว ประกอบกับนโยบาย “America First” ที่มุ่งเน้นการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศผ่านการขึ้นภาษีนำเข้า จะยิ่งกดดันให้เกิดแรงเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจถูกกดดันให้ดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทรัมป์ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Interest Rate) ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย การที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงลดลงจะทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาส ในการถือครองทองคำลดลงตามไปด้วย
วิกฤตหนี้สาธารณะทั่วโลกทะลุเพดานประวัติศาสตร์ กระตุ้นกระแสเงินไหลเข้าทองคำ
สถานการณ์หนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เกิน 36 ล้านล้านดอลลาร์ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยรัฐบาลประเทศต่างๆ ยังคงดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real Growth)
การที่รัฐบาลทั่วโลกพึ่งพาการก่อหนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ สร้างความกังวลต่อเสถียรภาพของระบบการเงินโลกในระยะยาว โดยเฉพาะในประเด็นความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาล เมื่อพิจารณาจากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงในหลายประเทศ
ภาวะหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นนี้ส่งผลให้มูลค่าของเงินในแต่ละสกุลลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นจากราคาทองคำที่ทำสถิติสูงสุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักทั่วโลก ทั้งยูโร ปอนด์ หยวน ดอลลาร์แคนาดา และดอลลาร์ออสเตรเลีย นักลงทุนจึงหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยปกป้องความมั่งคั่งจากภาวะเงินเฟ้อและความผันผวนของค่าเงิน
นโยบาย America First เร่งกระแส De-globalization ฉุดความเชื่อมั่นดอลลาร์สหรัฐ
Chris Turner หัวหน้าฝ่ายตลาดและวิจัยภูมิภาคสำหรับสหราชอาณาจักรและยุโรปกลางและตะวันออกของธนาคาร ING วิเคราะห์ว่า แม้สุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการค้าอย่างชัดเจน แต่การประกาศภาวะฉุกเฉินสองประการในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง ทั้งด้านการตรวจคนเข้าเมืองที่ชายแดนใต้และด้านพลังงานแห่งชาติ รวมถึงการจัดตั้ง External Revenue Service (ERS) เพื่อจัดเก็บภาษีนำเข้ามหาศาลจากประเทศคู่ค้า สะท้อนให้เห็นทิศทางนโยบายที่ชัดเจน
การเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ส่งผลให้ประเทศต่างๆ เริ่มพิจารณาลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ และหันมาถือครองทองคำเพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์สำรองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่อยู่ภายใต้การจับตามองของสหรัฐฯ ในประเด็นการบิดเบือนค่าเงิน ทั้งจีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เวียดนาม และเยอรมนี
รายงานจากสำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาแนวทางการตรวจสอบการค้าที่ไม่เป็นธรรมในระดับโลก โดยเฉพาะการประเมินว่าจีนได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเฟสแรก (Phase One Trade Deal) ที่ลงนามในปี 2020 มากน้อยเพียงใด แม้ว่าแนวทางนี้จะดูผ่อนคลายกว่าการขึ้นภาษีนำเข้าทันทีตามที่เคยหาเสียงไว้ในช่วงการเลือกตั้ง แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าความเสี่ยงด้านสงครามการค้าได้ผ่านพ้นไปแล้ว
โดยรวมแล้ว ตลาดทองคำกำลังเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นที่มีปัจจัยสนับสนุนรอบด้าน ทั้งจากนโยบายการเงินการคลังที่ผ่อนคลายของสหรัฐฯ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และวิกฤตหนี้สาธารณะทั่วโลก และโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในปี 2025
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำได้แสดงให้เห็นถึงพลังของแรงซื้อที่แข็งแกร่งมากขึ้น โดยไม่เพียงแต่สามารถยืนเหนือแนวต้านที่ $2,712 ได้อย่างมั่นคง แต่ยังสามารถผ่านแนวต้านถัดไปที่ $2,726 และ $2,739 ขึ้นไปได้สำเร็จตามที่ได้คาดการณ์ไว้
การเคลื่อนไหวในปัจจุบันที่ระดับ $2,748 แสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมเชิงบวกที่แข็งแกร่ง โดยสังเกตได้จากแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงการเทรดล่าสุด ซึ่งมีปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อพิจารณาจากมุมมองทางเทคนิคเพิ่มเติม พบว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งระยะสั้นและกลางยังคงชี้ขึ้นอย่างชัดเจน โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้น MA ทั้งหมด ซึ่งเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ RSI ในกรอบ 4 ชั่วโมงได้ปรับตัวขึ้นสู่โซนเหนือ 70 แม้จะเข้าสู่ภาวะ Overbought แต่ยังมีพื้นที่สำหรับการปรับตัวขึ้นต่อได้ ในขณะที่ Stochastic RSI ยังคงแสดงสัญญาณเชิงบวก โดยเส้น %K และ %D ยังคงเคลื่อนตัวขึ้นในทิศทางเดียวกัน
สำหรับมุมมองการเทรดในระยะสั้น แนวรับสำคัญถัดไปอยู่ที่ $2,739 และ $2,726 ในขณะที่แนวต้านถัดไปที่ควรจับตามองอยู่ที่ $2,752 และ $2,762
อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังการเกิดภาวะ Exhaustion ของแรงซื้อในระยะสั้น หากราคาไม่สามารถผ่าน $2,752 ขึ้นไปได้ในระยะเวลาอันใกล้ อาจทำให้เกิดการพักฐานลงมาทดสอบแนวรับที่กล่าวไว้ข้างต้น การติดตามปริมาณการซื้อขายและการเคลื่อนไหวของ RSI จะเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้มในระยะถัดไป
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,739
$2,726
$2,712
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,752
$2,762
$2,790
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน