วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 11 ก.พ. 2568
![coverImg](https://tw.mitrade.com/cms_uploads/img/20230815/6b4b1b7e39a4e071354bae48bd970774.jpeg)
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ราคาทองคำพุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดใหม่ทะลุ 2,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สาเหตุหลักมาจากการที่ประธานาธิบดี Donald Trump ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าโลหะพื้นฐานที่อัตรา 25% ซึ่งครอบคลุมทั้งเหล็กและอลูมิเนียม ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและเข้าซื้อทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามวิกฤต (Safe-haven Asset) มากขึ้น ท่ามกลางความวิตกกังวลว่านโยบายการค้าของรัฐบาล Trump จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดย XAU/USD แตะระดับ 2,933 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงเช้าวันนี้ โดยการประกาศมาตรการทางการค้าของ Trump เมื่อวันอาทิตย์ระบุว่า การนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมเข้าสู่สหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษีที่ 25% ครอบคลุมสินค้าจากประเทศพันธมิตรสำคัญอย่างแคนาดา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเม็กซิโก การประกาศครั้งนี้สร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก ส่งผลผลักดันราคาทองคำให้ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 2,900 ดอลลาร์ได้สำเร็จ และมุ่งหน้าสู่เป้าหมายถัดไปที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แม้ความผันผวนในตลาดทองคำจะอยู่ในระดับสูง แต่ดัชนีตลาดหุ้น Wall Street ยังคงปรับตัวในแดนบวก ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นควบคู่ไปกับราคาทองคำ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทรงตัว ซึ่งโดยปกติแล้วมักเป็นปัจจัยกดดันราคาโลหะมีค่า สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุนต่อผลกระทบจากสงครามการค้าที่อาจลุกลามบานปลาย
กูรูเตือนสัญญาณตลาดทองร้อนเกินไป แนะระวังแรงเทขายทำกำไรหลังราคาพุ่งแรง
Dennis Gartman ผู้ก่อตั้ง The Gartman Letter และนักลงทุนผู้มีชื่อเสียงในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ได้ออกมาแสดงความเห็นผ่านบทวิเคราะห์ล่าสุดว่า แม้เขายังคงมีมุมมองบวกต่อทองคำในระยะยาว แต่การเก็งกำไรในตลาดทองคำเริ่มมีสัญญาณตึงตัวมากเกินไป การซื้อขายเริ่มร้อนแรงจนเกินไป ส่งผลให้เขาได้เริ่มปรับกลยุทธ์การลงทุนด้วยการซื้อ Calls Option เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
“ผมยังคงมีมุมมองกระทิงในตลาดทองคำระยะยาว แต่การเทรดเริ่มมีสัญญาณตึงตัวมากเกินไป” เป็นเวลาหลายเดือนและหลายปีที่ผมยังคงมั่นใจในทองคำ แต่ล่าสุดเมื่อทองคำได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มรู้สึกลังเลมากขึ้น”
Gartman ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น โดยชี้ว่าการกลับตัวของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield Curve) หลังจากที่เคยกลับหัว (Inversion) อย่างมีนัยสำคัญ มักเป็นสัญญาณเตือนก่อนเกิดภาวะถดถอยในประวัติศาสตร์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
“สำหรับชาวอเมริกันที่ลงคะแนนเสียงโดยพิจารณาจากเงินเฟ้อและเศรษฐกิจเป็นหลัก พวกเขาควรเตรียมรับมือ เพราะข่าวร้ายกำลังจะมาถึง หากประธานาธิบดี Trump ดำเนินการตามคำมั่นสัญญาหาเสียงหลักสองประการ คือการเนรเทศครั้งใหญ่และการขึ้นภาษี เราน่าจะได้เห็นต้นทุนที่สูงขึ้นและการขาดแคลนสินค้าในวงจำกัดแต่รุนแรง เริ่มจากที่ร้านขายของชำ”
ความต้องการทองคำภาคประชาชนพุ่ง ร้านรับซื้อเผยลูกค้าแห่ขายทองเก่าหลังราคาทำสถิติ แต่บางรายรอลุ้นทะลุ 6,000 ดอลลาร์
Tobina Kahn ประธาน House of Kahn Estate Jewelers ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจรับซื้อเครื่องประดับและทองคำ ระบุว่ายังคงเห็นกระแสลูกค้าที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคเริ่มตื่นตัวและสังเกตเห็นการพุ่งขึ้นของราคาทองคำจากการรายงานข่าวของสื่อกระแสหลัก ซึ่งแตกต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ทราบมูลค่าที่แท้จริงของเครื่องประดับที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
“ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถบอกราคาทองคำที่แน่นอนได้ แต่พวกเขาเริ่มตระหนักว่ากำลังมีบางอย่างเกิดขึ้น ลูกค้าจำนวนมากรู้สึกประหลาดใจเมื่อเข้ามาและพบว่าสร้อยข้อมือเก่าของคุณยายมีมูลค่าสูงเพียงใด ประมาณ 8 จาก 10 รายตัดสินใจขายเครื่องประดับของพวกเขาเมื่อทราบราคาที่แท้จริง”
Kahn คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะทะลุ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างง่ายดายในสภาวะตลาดปัจจุบัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้บริโภคบางรายลังเลที่จะขายเครื่องประดับที่ชำรุดหรือไม่ได้ใช้งานในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม Kahn ชี้ว่าผู้บริโภคบางรายอาจมีความคาดหวังที่สูงเกินไป โดยรอให้ราคาแตะระดับ 4,000 หรือแม้กระทั่ง 6,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
Kahn ยังสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในพฤติกรรมของลูกค้าที่มาขายเครื่องประดับ โดยในปี 2024 ผู้บริโภคหลายรายมีความตื่นตระหนกและขายเครื่องประดับเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างดื้อรั้น แต่ปัจจุบันไม่พบความรู้สึกในลักษณะเดียวกันในตลาด
นักวิเคราะห์ Heraeus เผยแรงซื้อจากธนาคารกลางเริ่มชะลอตัว แม้แรงกดดันเงินเฟ้อจาก Trump ยังหนุนราคาทอง
ทีมนักวิเคราะห์จาก Heraeus เปิดเผยรายงานวิเคราะห์โลหะมีค่าฉบับล่าสุด ระบุว่าแม้ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต แต่จำนวนธนาคารกลางที่เข้าซื้อเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยการซื้อส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเพียงไม่กี่ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ซื้อเพียงไม่กี่ราย
รายงานระบุว่า ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ต่ำกว่า 1,050 ตันในปี 2024 โดยจำนวนธนาคารกลางที่ซื้อทองคำในแต่ละเดือนลดลงจากเฉลี่ย 21 แห่งในครึ่งแรกของปี เหลือเพียง 17 แห่งในช่วงครึ่งหลัง โดยธนาคารกลางโปแลนด์เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดที่ 90 ตัน ตามมาด้วยตุรกีที่ 75 ตัน และอินเดียที่ 70 ตัน โดยทั้งสามประเทศรวมกันคิดเป็น 68% ของความต้องการทองคำจากธนาคารกลางทั้งหมดในช่วงมกราคมถึงพฤศจิกายน 2024
การซื้อทองคำของธนาคารกลางโปแลนด์ถูกขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศให้ถึง 20% จากการซื้ออย่างต่อเนื่องตลอดปี 2024 ทำให้สัดส่วนทองคำในทุนสำรองเพิ่มขึ้นจาก 12% ในเดือนมกราคม เป็น 17% ในเดือนพฤศจิกายม เหลือช่องว่างเพียง 3% เพื่อบรรลุเป้าหมาย
นักวิเคราะห์ยังกล่าวถึงผลกระทบของภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ต่อตลาดโลหะมีค่า โดยระบุว่าการเลื่อนการจัดเก็บภาษีออกไปหนึ่งเดือนไม่ได้ช่วยบรรเทาความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ
ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ แม้จะมีการผ่อนคลายความกังวลเรื่องภาษีชั่วคราวหลังประธานาธิบดี Trump ระงับการเก็บภาษีใหม่กับเม็กซิโกและแคนาดาเพื่อแลกกับการเพิ่มความมั่นคงชายแดน ในขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Breakeven Inflation Rate) สำหรับพันธบัตรอายุ 2 ปี 5 ปี และ 10 ปี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและยังคงสูงกว่าช่วงต้นปี นอกจากนี้ ดัชนีคาดการณ์เงินเฟ้อของมหาวิทยาลัยมิชิแกนปรับตัวเพิ่มขึ้น 20 basis points เมื่อเทียบกับเดือนก่อนในเดือนธันวาคม สิ่งนี้บ่งชี้ว่าการคาดการณ์เงินเฟ้อภายใต้การบริหารของ Trump ยังไม่ได้ลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้มีความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งขึ้นในฐานะเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อในระยะใกล้ถึงระยะกลาง
![mitrade](https://resource.mistorebox.com/operation/seo-admin-pubilc/templates/assets/ad-th/mitrade.png)
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำได้แสดงให้เห็นถึงพลังของแรงซื้อที่แข็งแกร่งมากขึ้น โดยราคาได้ทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 2,880-2,890 ดอลลาร์ และระดับจิตวิทยาที่ 2,900 ดอลลาร์ขึ้นไปได้อย่างน่าประทับใจ ปัจจุบันราคาได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2,930 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ตลอดกาล โดยการเคลื่อนไหวนี้มีนัยสำคัญเพราะแสดงให้เห็นว่าแรงซื้อยังคงมีอย่างต่อเนื่องแม้ในระดับราคาที่สูงขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่สร้างแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ (Strong bullish candle) ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่เข้ามาอย่างหนาแน่น โดยช่วงการเคลื่อนไหวของแท่งเทียนนี้ค่อนข้างกว้าง แสดงให้เห็นถึงปริมาณการซื้อขายที่สูงและความมั่นใจของผู้ซื้อ
ในส่วนของดัชนีทางเทคนิค เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดย RSI ได้ปรับตัวขึ้นมาแตะระดับเกือบ 80 ซึ่งเข้าสู่เขต Overbought อย่างไรก็ตาม ในตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้นแข็งแกร่ง RSI สามารถอยู่ในเขต Overbought ได้เป็นระยะเวลานาน ส่วนทางด้าน Stochastic RSI แสดงการไขว้ขึ้นและเคลื่อนที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ยืนยันแรงซื้อที่เข้ามาในตลาด
แนวรับสำคัญใหม่จะอยู่ที่ระดับ 2,900 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาและเคยเป็นแนวต้านมาก่อน ส่วนแนวต้านถัดไปจะเป็นระดับจิตวิทยาที่ 2,940 และ 2,960 ดอลลาร์ตามลำดับ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ควรระมัดระวังการเข้าซื้อที่ราคาปัจจุบันเนื่องจากราคาอยู่ในระดับสูงและดัชนี RSI เริ่มเข้าสู่เขต Overbought การรอจังหวะที่ราคาย่อตัวลงมาใกล้แนวรับหรือเส้น EMA ระยะสั้นอาจเป็นโอกาสในการเข้าซื้อที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,900
$2,890
$2,870
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,940
$2,960
$2,980
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน