วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 18 ธ.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ราคาทองคำปรับตัวลดลงแตะระดับ 2,633 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในวันอังคาร หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีก (Retail Sales) ที่แข็งแกร่งเกินคาด ส่งผลให้นักลงทุนปรับมุมมองต่อแนวทางการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่คาดว่าจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปี 2025
โดยเมื่อวันที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 0.7% สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 0.6% และปรับตัวดีขึ้นจากเดือนตุลาคมที่เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.8% อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกพื้นฐาน (Core Sales) ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.4%
ขณะที่ Fed กำลังจัดการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลาสองวัน โดยตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps ในค่ำคืนวันนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนให้ความสนใจกับรายงานสรุปการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ (SEP) และ Dot Plot ซึ่งจะแสดงถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2025
นักวิเคราะห์ Westpac คาดทองคำยังแกร่งในปี 2025 แม้เผชิญแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
ท่ามกลางภาวะสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนแอในปีนี้ ทองคำกลับโดดเด่นและมีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนที่แข็งแกร่งอีกครั้งในปี 2025 แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์จาก Westpac
Luci Ellis และ Illiana Jain นักเศรษฐศาสตร์จาก Westpac Group ได้เผยในรายงาน Market Outlook ประจำเดือนธันวาคม-มกราคม ว่าปี 2025 จะเป็นปีที่นโยบายการคลังแบบขยายตัวของรัฐบาลทั่วโลกจะต้องเผชิญกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น และมีความเสี่ยงที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจไม่เป็นไปตามที่คาด
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันนโยบายในทิศทางขยายตัวในหลายเศรษฐกิจพัฒนาแล้วประกอบด้วย การเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเพื่อรับมือกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และความคาดหวังของรัฐบาล Trump ที่มีต่อพันธมิตร การเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
Justin Smirk นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Westpac ชี้ว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 30% ในปี 2024 ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงการเคลื่อนไหวในกรอบ 2,550 - 2,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ Trump ได้รับชัยชนะ อย่างไรก็ตาม เขามองว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำจะถูกจำกัดด้วยความขัดแย้งที่ยังอยู่ในตะวันออกกลางพร้อมกับการล่มสลายอย่างรวดเร็วของรัฐบาลซีเรีย ควบคู่ไปกับการปรับตัวขึ้นอย่างมากของ Bitcoin นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อเชิงโครงสร้างระยะยาวจากธนาคารกลางจีน (PBOC) ที่เพิ่มทองคำเข้าสู่คลังสำรองเป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดเดือน โดย Smirk คาดการณ์ราคาเป้าหมายระยะกลางที่ประมาณ 2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ตลอดปี 2025
จีนส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ นักวิเคราะห์ชี้หนุนราคาทองคำสู้แรงกดดันจากดอลลาร์แข็งค่า
ทางด้าน Fawad Razaqzada นักวิเคราะห์การเงินจาก StoneX Group รายงานว่า แม้ราคาทองคำจะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่แนวโน้มนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของ Fed และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จากจีนอาจช่วยสนับสนุนราคาทองคำได้
ในขณะที่ Bitcoin พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับเหนือ 108,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาทองคำกลับเคลื่อนไหวในกรอบแคบ สะท้อนความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่า Fed อาจไม่ได้ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากนักในการประชุมวันนี้ โดยดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.40% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ข้อมูลล่าสุดจากจีนแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังเผชิญความท้าทาย โดยยอดค้าปลีกเติบโตเพียง 3.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำกว่าตัวเลขครั้งก่อนที่ 4.8% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.0% อย่างมีนัยสำคัญ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) เติบโต 5.4% สอดคล้องกับการคาดการณ์ ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (Fixed Asset Investment) อ่อนแอลงที่ 3.3%
Razaqzada มองว่าแม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอาจช่วยสนับสนุนการเติบโต แต่อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ลึกซึ้งได้ อย่างไรก็ตาม การประกาศมาตรการที่สำคัญอาจช่วยหนุนราคาทองคำ โดยเฉพาะในช่วงที่ใกล้เทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการเครื่องประดับทองคำสูงตามประเพณีการให้ของขวัญ
นักวิเคราะห์ชี้แนวรับสำคัญที่ต้องจับตา หลังแรงซื้อชะลอตัว
ในมุมมองทางเทคนิค Razaqzada ระบุว่าแนวโน้มราคาทองคำยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นขาลงอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากยังคงแสดงรูปแบบจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การที่ราคาไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่หลังจากแตะระดับ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงปลายเดือนตุลาคม สะท้อนว่าแรงซื้อที่มีมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเริ่มชะลอตัวลง
นักวิเคราะห์แนะนำให้จับตาแนวรับสำคัญที่ระดับ 2,645 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดจากการเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม หากราคาปิดต่ำกว่าระดับนี้อาจเป็นสัญญาณขาลง และอาจนำไปสู่การปรับตัวลงสู่แนวรับถัดไปที่ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่เริ่มตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน หากหลุดระดับนี้ แนวรับถัดไปอยู่ที่ 2,580 และ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ
สำหรับแนวต้าน บริเวณ 2,710 - 2,725 ดอลลาร์สหรัฐถือเป็นโซนสำคัญ เนื่องจากราคาเคยปรับตัวลงหลังไม่สามารถผ่านระดับนี้ได้ถึงสองครั้ง ทั้งนี้ เนื่องจากราคาเคลื่อนตัวและยืนต่ำกว่าระดับนี้ในช่วงสองวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่ผ่านมา การทดสอบระดับนี้อีกครั้งอาจต้องรอให้ราคาปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่กล่าวถึงก่อน
BMO ยกระดับคาดการณ์ราคาทองคำปี 2025 ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
BMO Capital Markets หนึ่งในธนาคารชั้นนำของแคนาดา ปรับเพิ่มมุมมองต่อราคาทองคำสำหรับปี 2025 แม้จะมีการปรับลดคาดการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ โดยนักวิเคราะห์เตือนว่าแนวโน้มการแยกตัวออกจากโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) อาจชะลอเศรษฐกิจและกดดันความต้องการโลหะอุตสาหกรรม
นักวิเคราะห์จาก BMO คาดการณ์ว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศจะยังคงสร้างความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดทองคำยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ที่คาดว่าจะมีการผลักดันนโยบายลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ (De-dollarization) กลับมาอีกครั้งท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจผลักดันให้ราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่
BMO ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำเฉลี่ยในปี 2025 ขึ้น 3% มาอยู่ที่ 2,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยคาดว่าราคาจะแตะจุดสูงสุดในช่วงฤดูร้อนที่ระดับเฉลี่ย 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในไตรมาสที่ 3
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
จากการวิเคราะห์กราฟราคาทองคำในกรอบเวลา 4 ชั่วโมงล่าสุด เห็นได้ชัดว่าราคากำลังอยู่ในช่วงแนวโน้มขาลงระยะสั้น โดยราคาปัจจุบันที่ $2,650 นั้น ยังคงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 200 (เส้นสีส้ม) ที่ระดับ $2,656 หลังจากที่มีการอ่อนตัวลงมาอย่างต่อเนื่องจากระดับสูงสุดที่ $2,721
เมื่อพิจารณาจากการวางตัวของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น พบว่าเส้น EMA 12 (สีแดง) และ EMA 26 (สีฟ้า) กำลังปรับตัวลงและแยกห่างออกจากกันมากขึ้น โดยเส้น EMA 12 ได้ตัดผ่านเส้น EMA 26 ลงมาในลักษณะ Death Cross ซึ่งเป็นสัญญาณการเทขายในระยะสั้น นอกจากนี้ ทั้งสองเส้นยังอยู่ต่ำกว่าเส้น EMA 200 สะท้อนให้เห็นว่าแรงขายยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในตลาด
ดัชนี RSI ในปัจจุบันแสดงให้เห็นสัญญาณที่น่าสนใจ โดยได้ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำกว่า 40 แต่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าเส้น 50 สะท้อนว่าแม้แรงขายจะเริ่มชะลอตัวลง แต่ยังไม่มีสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน
สำหรับระดับราคาสำคัญที่ต้องจับตา แนวรับที่สำคัญในระยะสั้นอยู่ที่ $2,635 และ $2,621 โดยเฉพาะระดับ $2,621 ซึ่งเป็นแนวรับแข็งแกร่งที่ราคาเคยใช้เป็นฐานมาก่อน ในขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ $2,673 และ $2,686 ตามลำดับ
ในการคาดการณ์แนวโน้ม 24 ชั่วโมงข้างหน้า มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง $2,635 ถึง $2,656 โดยหากราคาสามารถยืนเหนือเส้น EMA 200 ที่ระดับ $2,656 ได้อย่างมั่นคง อาจเห็นการฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ $2,673 แต่หากราคาหลุดแนวรับ $2,635 ลงมา มีโอกาสที่จะเห็นการปรับตัวลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,621
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,635
$2,621
$2,605
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,656
$2,673
$2,686
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน