วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 29 ก.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 29 กันยายน 2567 ตลาดทองคำเผชิญกับความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางการคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยราคาปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 วัน แต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับ $2,650 หลังจากสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐ (BEA) เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อประจำเดือนกันยายน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าสถานการณ์นี้จะเอื้อต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟดเพิ่มเติม แต่ราคาทองคำกลับไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าปรากฏการณ์นี้อาจเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนกำลังทำกำไรจากการซื้อขายในช่วงที่ผ่านมา
เงินเฟ้อใกล้เป้า ดัชนี PCE ส่งสัญญาณบวกต่อนโยบายการเงิน
ข้อมูลล่าสุดจาก BEA เผยว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญเป็นพิเศษ กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางมากขึ้น โดยอ้างอิงจากข้อมูลเดือนสิงหาคม ในขณะเดียวกัน ดัชนี Core PCE ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนสูง เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่เริ่มผ่อนคลายลง
ตามข้อมูลจากเครื่องมือ CME FedWatch Tool ซึ่งใช้ในการคาดการณ์นโยบายการเงินของเฟด พบว่าโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 basis points ในการประชุมเดือนพฤศจิกายนนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากปฏิกิริยาของตลาดต่อข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด มีการคาดการณ์ในวงกว้างว่าราคาทองคำอาจมีโอกาสพุ่งสูงขึ้นทำสถิติใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังนี้กลับไม่เป็นจริงในทันที เนื่องจากราคาทองคำกลับร่วงลง ปรากฏการณ์นี้เปิดโอกาสให้เกิดการปรับฐานที่ลึกขึ้นในตลาดทองคำ ซึ่งอาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อในราคาที่ต่ำลง
ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ปัจจัยความไม่แน่นอนต่อราคาทองคำ
นอกเหนือจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างอิสราเอลและเฮซบอลลาห์ในตะวันออกกลาง อิสราเอลอ้างว่าได้โจมตีฐานบัญชาการหลักของเฮซบอลลาห์ในเบรุตใต้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลกล่าวว่ารัฐบาลหวังว่าจะไม่ต้องดำเนินการบุกทางภาคพื้นดินในเลบานอน แต่ก็ไม่ได้ตัดทางเลือกนี้ออกไปอย่างสิ้นเชิง
สถานการณ์ความไม่แน่นอนนี้อาจส่งผลต่อความผันผวนของราคาทองคำในอนาคต เนื่องจากทองคำมักถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” ในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ นักลงทุนอาจหันมาถือครองทองคำมากขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดอื่นๆ
ทิศทางราคาทองคำในอนาคต มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
แม้ว่าราคาทองคำจะทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกัน 6 วัน แต่ตลาดกำลังเผชิญกับแรงขายทางเทคนิคก่อนเข้าสู่สัปดาห์ถัดไป Ole Hansen หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ Saxo Bank ให้ความเห็นว่าราคาทองคำอาจปรับตัวลง 4-6% โดยไม่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มขาขึ้นโดยรวม Hansen มองว่าแนวรับแรกของราคาทองคำอยู่ที่ $2,645 และหากราคาปรับตัวลงต่ำกว่านั้น ระดับถัดไปที่ต้องจับตามองคือ $2,547 ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ราคาทองคำอาจลงไปถึงแนวรับที่ $2,500
Alex Kuptsikevich นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสที่ FxPro มีความเห็นในทำนองเดียวกัน โดยระบุว่าทองคำอาจกำลังหมดพื้นที่ในการปรับตัวขึ้นต่อ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการปรับฐาน Kuptsikevich อธิบายว่า ในทางเทคนิค ทองคำได้ผ่านระดับ 161.8% ของการปรับตัวขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2018 ซึ่งเป็นรูปแบบการขยายตัวตามระดับ Fibonacci ที่พบได้บ่อย เมื่อราคาเคลื่อนไหวไกลเข้าไปในพื้นที่ของจุดสูงสุดทางประวัติศาสตร์ การหาเป้าหมายการปรบตัวขึ้นใหม่จะยากขึ้น
ในทางตรงกันข้าม James Stanley นักยุทธศาสตร์ตลาดอาวุโสที่ Forex.com มองว่าราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีก แม้จะอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) ในกราฟรายเดือน รายสัปดาห์ และรายวัน Stanley กล่าวว่า “ทองคำอยู่ในภาวะ overbought ในกราฟรายเดือน รายสัปดาห์ และรายวัน แต่นั่นไม่ได้มีความสำคัญเพราะราคาสามารถผลักดันเข้าสู่ภาวะ overbought มากขึ้นไปอีกได้”
Stanley แนะนำให้นักลงทุนพิจารณาซื้อทองคำเมื่อราคาปรับตัวลง โดยมองว่าแนวรับแรกอยู่ที่ $2,650 ตามด้วย $2,635 และ $2,600 เขาเน้นย้ำว่าทองคำยังคงเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเพียงอย่างเดียวที่นักลงทุนมีต่อการลดค่าของสกุลเงินทั่วโลก ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน
Bart Melek หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ TD Securities มีมุมมองที่เป็นบวกต่อราคาทองคำเช่นกัน โดยคาดว่าราคาทองคำจะกลับไปสูงกว่า $2,700 อีกครั้ง ซึ่งเป็นเป้าหมายราคาสิ้นปีของเขา Melek อธิบายว่าทองคำยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐกำลังลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานที่กำลังอ่อนแอลง แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงก็ตาม
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์ ข้อมูลเศรษฐกิจและการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟด
ตลาดการเงินโลกและนักลงทุนในทองคำจะให้ความสนใจกับรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของสภาวะตลาดแรงงานในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีรายงานอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและข้อมูลกิจกรรมภาคการผลิต ที่คาดว่าจะสร้างความผันผวนในตลาดการเงินและอาจส่งผลต่อราคาทองคำ
ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือคำกล่าวของ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ในการประชุมประจำปีของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ (NABE) ซึ่งจะเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ Powell หลังการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์ที่ผ่านมา คำกล่าวของเขาอาจให้แนวทางเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อราคาทองคำ
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ควรติดตามในสัปดาห์มีหลายรายการ โดยเริ่มจากวันจันทร์ที่จะมีการกล่าวสุนทรพจน์ของ Jerome Powell ในการประชุม NABE ต่อมาในวันอังคารจะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ของยุโรป ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (ISM Manufacturing Purchasing Managers' Index: PMI) และตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน JOLTS (Job Openings and Labor Turnover Survey) วันพุธจะมีรายงานการจ้างงานของ ADP (ADP National Employment Report) ส่วนวันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (ISM Services PMI) และปิดท้ายสัปดาห์ด้วยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls Report) ในวันศุกร์
ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทิศทางของราคาทองคำในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเกี่ยวกับตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่เฟดใช้ในการกำหนดนโยบายการเงิน นักลงทุนควรติดตามข้อมูลเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำเผชิญแรงเทขายในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้ส่งผลให้แนวโน้มขาขึ้นที่เคยแข็งแกร่งสั่นคลอนเท่าใดนัก เนื่องจากราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย EMA ที่สำคัญ บ่งชี้ว่าแนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้น แม้จะมีการพักตัวในระยะสั้น
ดัชนี RSI ปรับตัวลงแรงมาแตะระดับ 50 สะท้อนถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น แต่ยังไม่ถึงระดับขายมากเกินไป (Oversold) จึงอาจมีโอกาสปรับตัวลงต่อเนื่องได้อีก
แนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณ $2,645 ซึ่งเป็นจุดที่ราคากำลังทดสอบอยู่ในขณะนี้ หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้ อาจเห็นแรงซื้อกลับเข้ามา แต่หากหลุดลงมา แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ $2,620 และ $2,590 ตามลำดับ
ส่วนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ $2,660 ซึ่งเป็นแนวเส้น EMA หากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อไปยัง $2,671 และ $2,690
ในภาพรวม แนวโน้มของราคาทองคำยังคงมีความไม่แน่นอน โดยจะต้องจับตาดูว่าราคาจะสามารถยืนเหนือแนวรับ $2,645 ได้หรือไม่ หากยืนได้ อาจเห็นการฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน แต่หากหลุดลงมา อาจเห็นการปรับฐานลงต่อเนื่อง
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,645
$2,620
$2,590
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,660
$2,671
$2,690
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน