วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 21 ต.ค. 2567

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องสำหรับราคาทองคำ โดยในเช้าวันจันทร์นี้ ราคายังคงทำจุดสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่อย่างต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยหนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศ ความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าแนวโน้มราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงจากภาวะ FOMO (Fear of Missing Out) ที่อาจทำให้ตลาดร้อนแรงเกินไป
ความขัดแย้งในตะวันออกกลางหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ได้ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) มากขึ้น Alexander Zumpfe นักค้าโลหะมีค่าจาก Heraeus Metals Germany ให้ความเห็นว่า ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะหลังจากกลุ่ม Hezbollah ประกาศยกระดับสงครามกับอิสราเอล ทำให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยตามประวัติศาสตร์
ความไม่แน่นอนในภูมิภาคตะวันออกกลางไม่เพียงส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อราคาน้ำมันและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอื่นๆ ด้วย ซึ่งยิ่งเป็นการเพิ่มแรงหนุนให้กับราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ
นอกจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ Ricardo Evangelista นักวิเคราะห์อาวุโสจาก ActivTrades กล่าวว่า ข่าวลือเกี่ยวกับโอกาสที่ Donald Trump อาจชนะการเลือกตั้งได้กระตุ้นความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาพุ่งสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อตลาดเผชิญกับความเป็นไปได้ที่ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันจะกลับมาดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง นักลงทุนจึงหันมาซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยสูงสุด
ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและราคาทองคำโดยตรง นักลงทุนจึงมองว่าการถือครองทองคำเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
นโยบายการเงินผ่อนคลายหนุนราคาทอง
ความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลบวกต่อราคาทองคำ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปีในการประชุมเดือนกันยายนที่ผ่านมา และตามข้อมูลจาก CME FedWatch Tool พบว่ามีโอกาสมากกว่า 90% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในเดือนพฤศจิกายนนี้
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมักส่งผลดีต่อราคาทองคำด้วยเหตุผลหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลดต้นทุนค่าเสียโอกาส เพราะการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยจะมีต้นทุนค่าเสียโอกาสต่ำลงเมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น พันธบัตรรัฐบาล อย่างที่สองคือการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมักทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำซึ่งซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้น และอย่างที่สามคือการกระตุ้นเงินเฟ้อ เพราะนโยบายการเงินผ่อนคลายอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในระยะยาว ซึ่งทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพื่อรักษามูลค่าของเงินทุน
Kevin Grady ประธาน Phoenix Futures and Options ให้ความเห็นโดยคิดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง และทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น “เรากำลังเห็นการซื้อในช่วงราคาลดลง (buying dips) และการเกิดจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ (higher lows) ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้น ผมคิดว่าเราจะเห็นราคาที่สูงขึ้นและอาจทดสอบระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาสแรกของปีหน้า”
ความเสี่ยงจากภาวะ FOMO และความร้อนแรงของตลาด
แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่นักวิเคราะห์บางส่วนเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะ FOMO (Fear of Missing Out) ในตลาด
Naeem Aslam ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Zaye Capital Markets กล่าวว่า แม้แนวโน้มยังคงเป็นบวก แต่การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ดูเหมือนจะเป็นผลมาจากปัจจัยด้านความรู้สึกเป็นหลัก หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือมีการขายทำกำไร อาจทำให้เกิดการปรับฐานได้ ยิ่งราคาปรับตัวสูงขึ้นโดยไม่มีการพักฐาน ก็ยิ่งเพิ่มความเปราะบางให้กับตลาด
Daniel Ghali นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสจาก TD Securities ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดทองคำ โดยกล่าวว่าแรงซื้อส่วนใหญ่ในปัจจุบันดูเหมือนจะมาจากตลาด OTC (Over-the-Counter) ซึ่งยากต่อการติดตามและประเมินความยั่งยืนของการปรับตัวขึ้นนี้ “ราคายังคงพุ่งสูงขึ้น แต่เราไม่พบกระแสเงินทุนที่มีนัยสำคัญในตลาดที่มองเห็นได้ทั่วโลก” Ghali กล่าว
อย่างไรก็ตาม Jesse Colombo นักวิเคราะห์โลหะมีค่าอิสระและผู้ก่อตั้ง BubbleBubble Report มองว่าตลาดทองคำยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว โดยกล่าวว่า “ทองคำเพิ่งจะเริ่มต้น และนักลงทุนรายย่อยยังไม่ได้เข้ามาลงทุนอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าภาวะ FOMO ที่แท้จริงยังอยู่ข้างหน้า เมื่อเราเข้าใกล้ระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์” Colombo เสริมว่าหากราคาทองคำปิดตลาดเหนือระดับ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง จะเป็นสัญญาณว่าราคาอาจพุ่งไปถึง 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในอนาคตอันใกล้
แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในตลาด แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำในระยะสั้นถึงระยะกลาง ผลสำรวจล่าสุดของ Kitco News Weekly Gold Survey แสดงให้เห็นว่าผู้เชี่ยวชาญเกือบทั้งหมดมีมุมมองเชิงบวกต่อทองคำ โดย 15 จาก 16 คน หรือ 94% คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์นี้
Rich Checkan ประธานและ COO ของ Asset Strategies International แสดงความเห็นในเชิงบวกอย่างมากต่ออนาคตของทองคำ โดยกล่าวว่า “ทองคำที่ราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์นี้ยังถือว่าถูกมาก การปรับตัวขึ้นครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มต้น นักลงทุนควรหยุดรอและเข้าลงทุนได้แล้ว” Checkan เสริมว่าผู้ที่กังวลเกี่ยวกับความร้อนแรงในตลาดทองคำควรพิจารณาภาพรวมที่กว้างขึ้น โดยชี้ให้เห็นว่าทางเลือกในการลงทุนมีจำกัด “ถ้าคุณมีเงินเหลือ คุณจะเอาไปไว้ที่ไหน? ฝากธนาคารหรือซื้อพันธบัตรระยะสั้นในขณะที่อัตราดอกเบี้ยกำลังลดลงหรือ? คุณคิดว่าตลาดหุ้นมีความร้อนแรงน้อยกว่าทองคำหรือ? แค่ดูกราฟสิ ราคาทองคำกำลังจะสูงขึ้นไปอีก”
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ทองคำแสดงแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ $2,728 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาล การเคลื่อนไหวของราคาทองคำแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อพิจารณาจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA พบว่าราคาทองคำอยู่เหนือเส้น EMA ทั้งสามเส้นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง EMA 12 และ EMA 26 ที่กำลังแยกตัวห่างจากกันมากขึ้น แสดงถึงโมเมนตัมเชิงบวกที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดัชนี RSI ที่อยู่ในระดับสูงเกิน 80 บ่งชี้ว่าราคาทองคำอาจเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ในระยะสั้น ซึ่งอาจนำไปสู่การพักฐานหรือการปรับตัวลงเล็กน้อยในอนาคตอันใกล้
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงกว่าคือสัญญาณการเกิด Divergence ของ RSI ในกราฟรายวัน ซึ่งสัญญาณการเกิดนี้แสดงถึงโอกาสในการจบรอบขาขึ้นครั้งนี้ในอีกไม่ช้า และอาจจะเกิดการปรับฐานที่รุนแรง ซึ่งยังคงต้องติดตามกันต่อไป
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามองอยู่ที่ระดับ $2,730, $2,740 และ $2,750 หากราคาสามารถทะลุผ่านแนวต้านเหล่านี้ไปได้ อาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปยังระดับที่สูงขึ้นอีก
ในทางกลับกัน แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ $2,705, $2,685 และ $2,671 ซึ่งเป็นระดับที่อาจเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาหากราคามีการปรับตัวลง
ในภาพรวม แนวโน้มของราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้นในระยะสั้น แต่นักลงทุนควรระมัดระวังการพักฐานที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากภาวะ Overbought ในระยะสั้น หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับที่ $2,705ได้อย่างมั่นคง แนวโน้มขาขึ้นน่าจะยังคงดำเนินต่อไปอีกซักระยะ โดยมีเป้าหมายถัดไปที่แนวต้าน $2,740
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,705
$2,685
$2,671
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,730
$2,740
$2,750
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน