วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 28 ส.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 28 สิงหาคม 2567 ตลาดทองคำยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น โดยล่าสุดราคาทองได้ยังคงทรงตัวได้เหนือระดับ $2,500 โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลบวกต่อราคาทองคำมาจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์สหรัฐ และการคงตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ฟื้นตัว แต่ไม่ฉุดราคาทองคำ
แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (Consumer Confidence Index) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจในเดือนสิงหาคม แต่ราคาทองคำยังคงยืนหยัดอยู่ในระดับเหนือ $2,500
เมื่อวันที่ผ่านมา The Conference Board องค์กรวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำของสหรัฐฯ รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 103.3 ในเดือนสิงหาคม จาก 101.9 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 100.9
Dana M. Peterson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ The Conference Board ให้ความเห็นว่า ผู้บริโภคยังคงแสดงความรู้สึกที่หลากหลายในเดือนสิงหาคม โดยมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อสภาวะธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต แต่ก็มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดแรงงาน นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยความคาดหวังเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าลดลงเหลือ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021
ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีสัญญาณฟื้นตัว แต่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจกับทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน
นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดและตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
ตลาดการเงินยังคงให้ความสำคัญกับถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) Jerome Powell เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ระบุว่าถึงเวลาแล้วสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง และเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 เดือน
อีกทั้งนักลงทุนกำลังจับตาการเปิดเผยข้อมูลดัชนี GDP (ไตรมาสต่อไตรมาส) รวมถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core Personal Consumption Expenditures Price Index - Core PCE) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ รวมถึงข้อมูลตลาดแรงงานจากรายงานการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่จะมีการเปิดเผยออกมาในสัปดาห์นี้ด้วย
ข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากเฟดเริ่มให้ความสำคัญกับสถานการณ์ตลาดแรงงานมากขึ้น หากจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แสดงว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ในทางตรงกันข้าม หากตัวเลขสูงกว่าที่คาด อาจส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่อไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
คาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ดันราคาทองขึ้นต่อเนื่อง
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยกองทุนของธนาคารกลาง (Fed Funds Futures) เดือนธันวาคม 2024 ที่ซื้อขายในตลาด Chicago Board of Trade (CBOT) บ่งชี้ว่านักลงทุนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ถึง 100 basis points เพิ่มขึ้นจาก 97 basis points ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่านักลงทุนประเมินว่ามีโอกาสถึง 34.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 basis points ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ ตามข้อมูลจาก CME FedWatch Tool
นอกจากนี้ ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและเฮซบอลลาห์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากนักลงทุนมักหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศ
นักวิเคราะห์มองราคาทองยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แม้จะมีความเสี่ยงในระยะสั้น
Florian Grummes ผู้อำนวยการบริหารของ Midas Touch Consulting ให้ความเห็นว่า การที่ราคาทองคำทะลุระดับ $2,500 อาจเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน โดยเขาระบุว่าการปรับตัวขึ้นอย่างเป็นระเบียบของราคาทองคำเป็นสัญญาณบ่งชี้อย่างแข็งแกร่งว่าราคาอาจปรับตัวสูงขึ้นได้อีก
Grummes กล่าวว่า โดยรวมแล้ว กราฟรายสัปดาห์ยังคงส่งสัญญาณขาขึ้น และบ่งชี้ว่าราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แม้จะมีสัญญาณการพักฐานในเชิงลบก็ตาม การปรับตัวขึ้นซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2023 ยังไม่มีจุดสิ้นสุด บ่งชี้ว่าอาจยังมีศักยภาพในการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอีก
อย่างไรก็ตาม Grummes เตือนว่าตลาดทองคำไม่ได้ปราศจากความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็งกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่เริ่มมีความหนาแน่นมากเกินไป ข้อมูลจากคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Futures Trading Commission - CFTC) แสดงให้เห็นว่าสถานะซื้อสุทธิของทองคำอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2021
นอกจากนี้ Grummes ยังชี้ให้เห็นว่าทองคำกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลที่มักจะเกิดการขายทำกำไร โดยอธิบายว่าในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ทองคำมักจะเผชิญกับแรงขายอย่างมีนัยสำคัญในเดือนกันยายน เขาแนะนำว่า โอกาสในการซื้อที่เหมาะสมและน่าสนใจอาจไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงปลายเดือนกันยายน ต้นเดือนตุลาคม หรือแม้กระทั่งกลางเดือนธันวาคม
ตลาดทองคำจีนส่งสัญญาณผสม นำเข้าเพิ่ม แต่ยอดขายเครื่องประดับลดลง
ในขณะที่ตลาดทองคำโลกกำลังเติบโต ตลาดทองคำในประเทศจีนกลับส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกัน ข้อมูลจากกรมสถิติและสำมะโนประชากรฮ่องกงเปิดเผยว่า การนำเข้าทองคำสุทธิของจีนผ่านฮ่องกงในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นประมาณ 17% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน โดยจีนนำเข้าทองคำสุทธิผ่านฮ่องกง 25.659 ตันในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นจาก 21.919 ตันในเดือนมิถุนายน ส่วนการนำเข้าทองคำทั้งหมดผ่านฮ่องกงเพิ่มขึ้นกว่า 6% เป็น 31.457 ตัน
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของการนำเข้าทองคำไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการในภาคเครื่องประดับของประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 Wang Lixin ซีอีโอของ World Gold Council (China) กล่าวว่า “ความท้าทายสำคัญที่เราเผชิญในสองไตรมาสที่ผ่านมาคือการที่ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยแทบไม่มีการปรับฐานเลย เราเคยเห็นการพุ่งขึ้นอย่างฉับพลันของราคาทองคำมาก่อน แต่เราไม่เคยเห็นราคาทรงตัวอยู่ในระดับสูงเช่นนี้มาก่อน ซึ่งนำไปสู่ปรากฏการณ์ในตลาดที่เราไม่เคยคาดคิด”
ขณะที่ผู้บริโภคชาวจีนได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อทองคำท่ามกลางสถานการณ์ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้น โดยหลายคนเลือกที่จะชะลอการซื้อและรอดูทิศทางของราคา ในขณะที่บางส่วนหันไปซื้อทองคำแท่งและเหรียญทองคำที่มีพรีเมียมต่ำกว่าแทนเครื่องประดับระดับ Hi-End สะท้อนให้เห็นจากยอดขายทองคำแท่งและเหรียญทองคำที่เพิ่มขึ้น 46% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 มาอยู่ที่ 213.6 ตัน
แนวโน้มนี้แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้จะมีการชะลอการซื้อจากผู้บริโภคในจีน แต่ความต้องการยังคงมีอยู่ไม่แปรเปลี่ยน ทำให้ยังคงมีพื้นที่สำหรับการเติมโตของราคาทองคำในอนาคตอยู่
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำยังคงแสดงสัญญาณแข็งแกร่งในระยะสั้น โดยปัจจุบันเคลื่อนตัวอยู่ที่ระดับ $2,520 ซึ่งอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้ง EMA 12, EMA 26 และ EMA 200 อย่างชัดเจน บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ยังคงดำเนินต่อไป
เมื่อพิจารณาจากกราฟ เราจะเห็นว่าราคาได้ทะลุแนวต้านระดับ $2,520 ขึ้นมาได้ และมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ $2,531 และหากสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง อาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ $2,540 และ $2,550 ตามลำดับ
ทางด้าน RSI ก็ยังไม่เข้าสู่ระดับ Overbought ถือว่ายังคงมีพื้นที่ให้ราคาปรับตัวขึ้นได้ต่อ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่พร้อมส่งเสริมราคาทองคำ
ในภาพรวม แนวโน้มของราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น แต่ก็อาจเผชิญกับแรงขายทำกำไรในระยะสั้น โดยเฉพาะบริเวณแนวต้านและแนวรับสำคัญที่กล่าวมา แต่หากราคายังสามารถยืนเหนือ EMA 12 และ EMA 26 ได้อย่างมั่นคง ก็ถือเป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นยังมีโอกาสดำเนินต่อไป แต่หากเกิดการหลุดลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการปรับฐานที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,520
$2,510
$2,500
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,531
$2,540
$2,550
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน