วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 26 ก.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 26 กรกฏาคม 2567 ราคาทองคำปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (Bureau of Economic Analysis) เผยตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปี 2024 ที่เติบโตดีเกินคาด ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับ $2,353 ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาได้เล็กน้อยในเช้าวันนี้
สาเหตุหลักของการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ มีความเป็นไปได้ว่ามาจากการทำกำไรของนักลงทุน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง แต่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่า โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงมากกว่า 4 basis points มาอยู่ที่ 4.245% ในตอนนี้
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไตรมาส 2 เติบโตแข็งแกร่งเกินคาด
เมื่อวันที่ผ่านมาสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ของสหรัฐฯ ในไตรมาส 2 ปี 2024 เติบโต 2.8% เพิ่มขึ้นจาก 1.4% ในไตรมาสแรก ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 2.0% สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การเติบโตของ GDP ในไตรมาส 2 มีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมถึงการลงทุนในสินค้าคงคลังภาคเอกชน และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ การนำเข้าซึ่งเป็นตัวหักลบในการคำนวณ GDP ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก การเร่งตัวของ GDP ในไตรมาส 2 มาจากการฟื้นตัวของการลงทุนในสินค้าคงคลังภาคเอกชนและการเร่งตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นหลัก
ขณะที่ด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคในไตรมาส 2 ก็เพิ่มขึ้น 2.3% จาก 1.5% ในไตรมาสแรก โดยมีการเพิ่มขึ้นทั้งในภาคบริการและสินค้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้จะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง
สำหรับภาคบริการ การเพิ่มขึ้นมาจากการใช้จ่ายด้านสุขภาพ ที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภค และบริการด้านนันทนาการ ส่วนภาคสินค้า การเพิ่มขึ้นมาจากยานยนต์และชิ้นส่วน สินค้าและยานพาหนะเพื่อการนันทนาการ เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ครัวเรือนที่มีความทนทาน รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้าพลังงานอื่นๆ
ทางด้านตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
วันเดียวกันนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 กรกฎาคม อยู่ที่ 235,000 ราย ลดลงจาก 245,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 239,000 ราย สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงตึงตัว
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 4 สัปดาห์ของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่าเนื่องจากช่วยลดความผันผวนรายสัปดาห์ อยู่ที่ 235,500 ราย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ยที่ปรับปรุงแล้วของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 235,250 ราย
ส่วนจำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ซึ่งรายงานล่าช้าไป 1 สัปดาห์ อยู่ที่ 1.851 ล้านราย ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 กรกฎาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.869 ล้านราย และลดลงจาก 1.860 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้า
ตัวเลขตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ใช้ประกอบการตัดสินใจด้านนโยบายการเงิน เนื่องจากตลาดแรงงานที่ตึงตัวอาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากการเพิ่มขึ้นของค่าจ้าง
ขณะที่รายงานคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ในเดือนมิถุนายน 204 ก็แสดงให้เห็นถึงการหดตัวมากกว่า 6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่รวมหมวดเครื่องบินและการขนส่ง คำสั่งซื้อสินค้าคงทนกลับฟื้นตัวจากการลดลงในเดือนพฤษภาคม สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่ยังคงแข็งแกร่งในภาคการผลิตของสหรัฐฯ แม้จะเผชิญกับความท้าทายในบางอุตสาหกรรม
โดยแม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อกลับชะลอตัวลง การชะลอตัวของเงินเฟ้อเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ สามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน 2024 นี้ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ที่แสดงให้เห็นว่านักลงทุนมีความมั่นใจถึง 100% ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนกันยายน
การคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำจากบริษัทชั้นนำ
บริษัท Sucden Financial ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ชั้นนำ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นเหนือระดับ $2,500 ต่อออนซ์ภายในสิ้นไตรมาส 3 ปี 2024 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ทางกายภาพที่แข็งแกร่ง โดยการซื้อทองคำของธนาคารกลางประเทศต่างๆ เงินเฟ้อที่ชะลอตัว และความผันผวนในตลาดที่เพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์ของ Sucden Financial ระบุว่าด้วยอุปสงค์ทางกายภาพที่ยังคงแข็งแกร่งและการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงและความผันผวนในตลาดที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มของราคาทองคำยังคงเป็นบวก
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อราคาทองคำในระยะสั้น คือการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณถึงทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต และอาจส่งผลให้เกิดกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดโลหะมีค่าอย่างต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์ของ Sucden Financial กล่าวว่า แม้ว่าตลาดจะได้คำนึงถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว แต่การตัดสินใจเชิงนโยบายที่แท้จริงจะเป็นการยืนยันให้นักลงทุนมั่นใจเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดกระแสเงินทุน
ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และการซื้อของธนาคารกลางยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนหทองคำ
Sucden Financial คาดว่าแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำจะยังคงได้รับการสนับสนุนจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งกระตุ้นอุปสงค์ทางกายภาพในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ บริษัทยังคาดการณ์ว่าจะเห็นอุปสงค์ของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งในตลาดสำคัญอย่างอินเดีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 20% ของอุปสงค์ทองคำทั่วโลก
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในอินเดีย ซึ่งทองคำมีบทบาทสำคัญในฐานะเครื่องรักษามูลค่า น่าจะเป็นประโยชน์ต่อโลหะมีค่านี้
อีกทั้ง Sucden Financial คาดว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จะยังคงซื้อทองคำต่อเนื่องตลอดปี 2024 แม้ว่าอัตราการซื้อจะชะลอตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยการซื้อทองคำของธนาคารกลางเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนราคาทองคำในระยะยาว และสะท้อนถึงความต้องการกระจายความเสี่ยงของทุนสำรองระหว่างประเทศ
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
ตลาดทองคำยังคงเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาร่วงลงแรงไปที่ระดับ $2,353 ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมายืนอยู่ระดับ $2,371 ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ และจากภาพกราฟ 4 ชั่วโมง จะเห็นว่าราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงระยะสั้น เนื่องจากราคาอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่สำคัญทั้ง 3 เส้น (EMA 12, 26 และโดยเฉพาะ EMA 200)
อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวเล็กน้อยจากแท่งเทียนล่าสุดที่เป็นแท่งบวก ประกอบกับดัชนี RSI ที่ตกไปอยู่ในเขต Oversold ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงโอกาสในการดีดตัวขึ้นในระยะสั้นกลับขึ้นไปทดสอบเส้น EMA 200
ทำให้ในสถานการณ์เช่นนี้ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ โดยแนวรับที่ต้องจับตามองแนวรับแรกอยู่ที่ $2,362 ซึ่งเป็นระดับ Fibo 61.8% ถัดมาคือ 2,352 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเมื่อวาน และหากราคาหลุดลงมา แนวรับสำคัญถัดไปจะอยู่ที่ $2,329 ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci 78.6%
ในทางกลับกัน แนวต้านที่สำคัญจะอยู่ที่ $2,377 ซึ่งใกล้เคียงกับเส้น Fibonacci 50%, EMA 12 และ EMA 200 ซึ่งจะเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งมากในตอนนี้ ตามมาด้วย $2,393 ที่เป็นเส้น EMA 26
สำหรับแนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่สำคัญบริเวณ $2,377 แต่โอกาสที่จะผ่านขึ้นไปได้นั้นต้องถือว่าค่อนข้างน้อย แต่ถ้าหากผ่านไปได้ อาจมีแรงซื้อเข้ามาหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อไปยัง $2,393 อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้ ราคาอาจปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ $2,362 - $2,352 อีกครั้ง รวมถึงมีโอกาสลงไปถึงบริเวณ $2,329 ได้เช่นกัน
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,362
$2,352
$2,329
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,377
$2,393
$2,421
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน